ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 109
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 109
มหาเสนาบดีเซี่ยกล่าวอย่างรำคาญ “เขาน่ะเหรอ กระหม่อมเอง ก็ไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าจะมีหรือไม่มีลูกคนนี้”
พระสนมเหมยส่ายหัวแล้วกล่าว “เจ้านี่มันฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ เจ้ามีเขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว เขาจะโง่เขลาขนาดไหน ยังไงก็เป็น บุตรของเจ้าอยู่ดี”
มหาเสนาบดีเซี่ยยิ้มเย้ยหยัน “เช่นนั้นเหรอ? เขาเป็นบุตรชายของกระหม่อม แต่เขาจะไม่ใช่บุตรคนสุดท้าย”
เขานั่งลง ถือถ้วยน้ำชาลายครามสีขาวไว้ในมือ ตั้งแต่ที่เขากัดฟันจนเปลี่ยนเป็นท่าทางที่เมินเฉยเขาก็ยังนั่งที่เดิมอยู่อย่างนั้นด้วยใบหน้าที่มืดมน
พระสนมเหมยรู้สึกว่าเมื่อมองไปที่ใบหน้าของเขา มันมีความน่ากลัวบางอย่างที่กล่าวออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
แตกต่างจากตัวเขาในตอนก่อนหน้านี้เป็นอย่างมากราวกับว่าเขากำลังวางแผนบางอย่างในใจ และไม่รู้สึกเสียดายแผนการทั้งหมดที่ได้วางไว้
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่จื่ออานออกจากพระตำหนักอี๋หลานแล้ว นางก็รีบเดินไปที่ริมทะเลสาบ
นางเดินเร็วมาก องครักษ์ต้าฉวนก็ตามนางไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เมื่อเขาพบว่านางไม่ได้ไปที่พระตำหนักเยว่ชิง เขาเรียกให้จื่ออานหยุด “ช้าก่อน เจ้าจะไปพระหนักเยว่ชิงมิใช่หรือ?”
จื่ออานไม่ได้หยุดเดิน ที่นี่ยังอยู่ในเขตพระตำหนักอี๋หลาน เพียงออกไปจากที่นี่ได้ ถึงจะถือว่าปลอดภัย
ด้านหลังมีองครักษ์ติดตามมา ต้าฉวนกล่าวถาม “มีอะไร?”
องครักษ์ “พระสนมรับสั่งว่า ให้พาตัวนางกลับไป หากพากลับไปไม่ได้…” เขาทำสัญลักษณ์มือที่หมายถึงการฆ่า
ต้าฉวนฉายแววตาที่เย็นชา เงยหน้าขึ้นก็มองไม่เห็นจื่ออานเสียแล้ว เขากระทืบพื้นอย่างแรง “แย่แล้ว เจ้าพาคนไปปิดกั้นทางทั้งสองด้านก่อน อย่าให้นางหนีออกไปได้ คนอื่น ๆให้ไปกับข้ารีบติดตามนางไป!”
เส้นทางนี้ นอกจากพระตำหนักอี๋หลาน ก็มีพระตำหนักซีเหวย
แต่ต้าฉวนมั่นใจว่าจื่ออานไม่กล้าไปที่พระตำหนักซีเหวย อีกทั้งพระตำหนักซีเหวยนี้ก็เข้าไปไม่ได้ ที่ประตูก็มีกลอนประตูขนาดใหญ่และหนักมาก เพียงแค่เฝ้าระวังที่ทางออกทั้งสองด้าน แม้นางจะมีปีกก็หนีไปไม่ได้
แต่ว่าค้นหาจนทั่วพระหนักอี๋หลานแล้ว กลับไม่พบร่องรอยของจื่ออานเลย
ต้าฉวนจำใจต้องไปถามองครักษ์ที่อยู่ตรงประตูของพระหนักซีเหวย “ไม่ทราบว่าเมื่อสักครู่นี้ท่านได้เห็นสตรีนางหนึ่งที่สวมชุดสีเขียวผ่านมาแถวนี้บ้างหรือไม่?”
องครักษ์ที่รักษาการอยู่ที่พระตำหนักซีเหวยก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับถือดาบไว้ กล่าวอย่างเยือกเย็น “ไม่มีใครผ่านมา รีบไปซะ”
ต้าฉวนจำต้องออกมา เขาไม่บังอาจค้นหาที่บริเวณด้านนอกพระราชวังซีเหวย
ในขณะเดียวกัน องครักษ์อาฟาก็พาคนมาถึงที่ด้านนอกพระตำหนักอี๋หลาน
ทั้งสองฝ่ายได้เจอกัน หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้ว แต่ละฝ่ายก็แยกย้ายกันไปตามหา
เฝ้าระวังไว้แล้วทั้งสองด้าน ไม่สามารถออกไปได้แน่
ต้าฉวนไปสำรวจดูแถวริมทะสาบ ทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เขาหมอบลงไปดูหญ้าริมทะเลสาบ ที่นี่มีร่องรอยของการเหยียบย่ำ เป็นไปได้ไหมว่านางจะว่ายข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้ว?
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกมือขึ้น “จากทางคดเคี้ยวนี้ไปถึงฝั่งตรงข้าม หากนางว่ายน้ำผ่านไปล่ะก็ เพื่อไม่ให้พวกเรารู้ตัว นางจะต้องว่ายไปรอบ ๆ พวกเรายังสามารถหยุดนางได้อยู่ ”
เขาวิ่งนำไปตามริมแนวทะเลสาบ วิ่งพลาง มองไปในทะเสสาบพลาง เป็นอย่างที่คิด พบการเคลื่อนไหวในน้ำ มีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ชุดสีเขียวกับต้นหลิวที่ห้อยย้อยลงมาในน้ำหลอมรวมเป็นสีเดียวกัน
“รีบตามไป นางอยู่ในทะเลสาบ” ต้าฉวนออกคำสั่ง
ทหารสองสามคนรีบวิ่งตามไป ต้องหยุดจื่ออานให้ได้ก่อนที่นางจะขึ้นฝั่ง
จื่ออานอยู่ในทะเลสาบจริง ๆ นางรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะหลีกเลี่ยงหูตาของคนพวกนั้น พื้นที่ใกล้เคียงของ พระตำหนักอี๋หลานจะต้องถูกปิดล้อมไว้แล้ว นอกจากนี้ก็ไม่สามารถวิ่งผ่านพระตำหนักซีเหวยได้ มิฉะนั้นคนที่แบกคันธนูและลูกธนูไว้ที่หลังจะต้องยิงลูกธนูลงมา แล้วนางก็จะกลายเป็นเม่น
วิธีการเดียวก็คือ ว่ายน้ำข้ามไปฝั่งตรงข้าม
แม้ว่าความคิดจะไม่ค่อยประสานกับร่างกายนี้ แต่โชคดีที่ยังสามารถว่ายน้ำได้ ก็แค่ว่ายช้าลงหน่อย
เพื่อไม่ให้ถูกเจอตัว นางทำได้เพียงว่ายอยู่รอบ ๆริมทะเลสาบซึ่งมีต้นหลิวห้อยย้อยลงมา สามารถซ่อนตัวนางได้เล็กน้อย
จื่ออานว่ายน้ำพลางหันกลับไปดูด้านหลังพลางก็เห็นคนวิ่งอยู่รอบ ๆทะเลสาบ นางจึงรู้ว่าตนเองถูกเจอตัวเข้าให้แล้ว
นางขึ้นฝั่งจากมุมหนึ่ง พอออกมาจากกลุ่มเนินเขาหินประดับแล้วนางก็วิ่งจากไป