ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 148
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 148
จื่ออานถูกคุมขังเป็นเวลาสองวันโดยที่ไม่มีข้าวตกถึงท้องนางเลยสักเม็ด ร่างกายของนางอ่อนแอมาก ด้วยหมัดนี้จึงทำให้นางหมดสติไป
อ๋องอันใช้กำลังเข้าไปช่วยจื่ออาน แต่พบว่านางถูกพาตัวไปแล้ว เขารีบออกจากจวนมา และเปิดม่านของรถม้าที่เซียวท่าอยู่ “จื่ออานถูกพาตัวไปแล้ว กุ้ยไท่เฟยจะต้องจัดการกับนางอย่างลับ ๆแน่นอน”
เซียวท่ากระโดดลงมาทันที “เมื่อสักครู่นี้เพิ่งจะมีรถม้าคันนึงออกมา ไม่รู้ว่าเป็นคนจากจวนที่พานางไปหรือไม่!”
อ๋องอานหันกลับไปดู และพบว่ามีบางอย่างอยู่ที่พื้น เขาจึงเดินข้ามไป
เซียวท่าก็ข้ามตามเขามาด้วย และกล่าวด้วยความประหลาดใจ “รองเท้าลายปัก? ตรงหน้าประตูจวนผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ ทำไมถึงได้มีรองเท้าคู่นี้อยู่ตรงนี้?”
อ๋องอันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เป็นของจื่ออาน”
เซียวท่าอุทานเบา ๆ “ไม่ได้การแล้ว!” เขารีบกลับขึ้นไปนั่งบนรถม้า และกล่าวกับคนขับ “ออกรถ ไล่ตามรถม้าคันเมื่อกี้นี้”
อ๋องอันก็อยากขึ้นรถม้าเช่นกัน แต่เซียวท่าเปิดม่านขึ้นมา “ท่านกลับไปดูท่านอ๋อง ทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด”
อ๋องอันหยุดก้าวเดิน นัยน์ตามีประกายของความชิงชังอยู่ เขาคลายกำปั้นแล้วกลับไปในจวน
ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปที่ลานของจวน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของกุ้ยไท่เฟยที่เหมือนใจจะขาด
อ๋องอันรู้สึกใจหาย รีบสับเท้าเข้าไปด้านใน เห็นหยวนพ่านกับหมอหลวงต่างคุกเข่าลงที่พื้น กุ้ยไท่เฟยฟุบตัวลงบนร่างของมู่หรงเจี๋ย ร้องไห้เสียงดังลั่น
มู่หรงจ้วงจ้วงก็ร้องไห้ข้าง ๆ เมื่อนางเห็นอ๋องอาน นางก็โผเข้าไปกอดเขา “อาเจี๋ยจากเราไปแล้ว”
อ๋องอันตัวสั่นไปชั่วขณะหนึ่ง มองดูใบหน้าซีดขาวไร้เลือดของมู่หรงเจี่ยที่อยู่บนเตียง ความรู้สึกที่หมดสิ้นหนทางอย่างถึงที่สุดแล้วได้ผุดขึ้นจากใจของเขา เขาทำอะไรไม่ได้เลย
เช่นเดียวกับในปีนั้น ที่ได้แต่เฝ้าดูเสด็จพ่อจากไป เขาเป็นพียงคนที่ไร้ประโยชน์
เขาหลับตาลงอยู่สักพัก แล้วก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน สั่งการออกไปอย่างเคร่งเครียด “ปิดข่าวทั้งหมด บอกออกไปว่าท่านอ๋องยังคงรักษาตัวอยู่ และไม่อนุญาติให้ใครเข้าหรือออกจากจวนทั้งนั้น หมอหลวงก็ห้ามออกไป ข่าวภายในจวนนี้ทุกเรื่อง นอกจากไม่อาจให้แพร่งพรายออกไปจากในจวนแล้ว แม้แต่ลานในจวนนี้ก็ไม่อาจละเว้นได้”
เขากวาดสายตามองโดยรอบแต่ก็ไม่เห็นนักพรตเถาเต๋อผู้นั้น เขาจึงกล่าวด้วยความโกรธ “เร็วเข้า ไปตามจับตัวนักพรตผู้นั้นมาให้ข้า”
องครักษ์รับคำสั่งแล้วก็ออกไปไล่ตามจับนักพรตผู้นั้น
เมื่อสั่งการเสร็จแล้ว เขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงตัวกุ้ยไท่เฟยออกมา ในดวงตาของนางยังคงมีความโศกเศร้าปรากฎอยู่ เขากล่าวกับกุ้ยไท่เฟย “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเศร้าเสียใจกุ้ยไท่เฟย โปรดระงับความเสียใจไว้ก่อน”
ภายใต้ความเศร้าโศก กุ้ยไท่เฟยได้ให้ระเบิดความโกรธออกมา นางได้ทุบตีอ๋องอัน “เป็นเพราะเจ้า ทำไมไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้? ทำไมต้องให้เซี่ยจื่ออานมารักษาเขา? นางคนนั้นมันเป็นปีศาจร้าย เป็นพวกเจ้าที่ฆ่าอาเจี๋ย”
อ๋องอันคว้าข้อมือของนางไว้ เดิมอยากจะดุนางสักหน่อย แต่เมื่อเห็นใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้ำตา น้ำมูก โศกเศร้าเหมือนใจแตกสลาย เขาก็ทนไม่ไหวจนต้องปล่อยนาง และเดินออกไป
ถ้าเดาไม่ผิด คืนนี้จะต้องมีคนเข้ามาสอดแนมข่าว
จะต้องตามจับนักพรตคนนั้นให้ได้ ต้องไม่ให้เขาแพร่ข่าวลือออกไป
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าทายถูกล่ะก็ คน ๆ นั้นต้องเป็นคนของเหลียงไท่ฟู่แน่ ๆ
ข่าวการตายของอาเจี๋ยต้องไม่ถูกแพร่ออกไป มิเช่นนั้น เหลียงไท่ฟู่จะต้องควบคุมตัวองค์รัชทายาทไว้เพื่อใช้ออกคำสั่งอย่างแน่นอน
ลำพังองค์รัชทายาทไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เสือตัวใหญ่ตัวจริงก็คือ เหลียงไท่ฟู่
เมื่อองค์รัชทายาทปกครองประเทศ ก็เท่ากับประเทศนี้ได้ตกไปอยู่ในมือของเหลียงไท่ฟู่แล้ว