ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 183
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 183
จื่ออันพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คนตายปรากฎตัวต่อหน้าทุกคน ไม่ต้องพันแผลให้ดีก็ต้องเจิดจรัสอย่างแน่นอน อีกทั้งยังทำให้คนตกใจได้อีก
เซียวท่าแอบมองจื่ออันแล้วก็มองไปที่มูหรงเจี๋ย “พวกเจ้ามองอะไรกัน? เซี่ยจื่ออัน เจ้าเป็นห่วงท่านอ๋องเหรอ?”
จื่ออันรีบหันศีรษะไปทางอื่น “เขาเป็นคนไข้ของข้า ข้าเป็นห่วงคนไข้ของตัวเองแล้วมันจะมีปัญหาอะไร? เตรียมตัวทานอาหารกันเถอะ”
เซียวท่ามองไปที่นางอย่างมึนงง “เจ้าหน้าแดงแล้ว? ทำไมเจ้าถึงหน้าแดง?”
ซูชิงเข้ามาพร้อมกับอาหาร และพูดกับเซียวท่า”พอได้แล้ว เรื่องพวกนี้เจ้าไม่เข้าใจหรอก จะถามมากมายไปทำไม? ทานอาหารกันเถอะ”
เซียวท่ารู้สึกประหลาดใจมาก “เจ้าเข้าใจเหรอ? งั้นเจ้าบอกข้ามาหน่อย”
ซูชิงพูดอย่างอารมณ์เสีย: “ทานอาหารกันได้แล้ว”
จื่ออันออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าแม้แต่จะมองมู่หรงเจี๋ยด้วยซ้ำ หลังจากออกไปนางก็รำคาญกับความใจเสาะของตนเอง ยังไงเสียนางก็เป็นคนสมัยใหม่ที่มาที่นี่ แค่ถูกเซียวท่าพูดใส่ไม่กี่คำก็เขินอายอย่างไร้เหตุผลแล้วหรือ?
เขาพูดว่านางเป็นห่วงมู่หรงเจี๋ยก็ถือเป็นจริงเป็นจังแล้ว? ถึงแม้จะเป็นห่วงแต่มันก็ถือเป็นเรื่องปกตินี่ เพื่อที่จะช่วยชีวิตเขา ทำเอานางเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เซียวท่าถามมู่หรงเจี๋ย “ท่านรู้สึกไหมว่า เซี่ยจื่ออันผู้นี้เป็นคนที่แปลกมาก?”
มู่หรงเจี๋ยพูดอย่างเกียจคร้าน “ไม่รู้สิ กลับเป็นเจ้ามากกว่า ที่สองวันมานี้ดูแปลก”
เซียวท่าตกใจอีกครั้ง “ข้าแปลก? ข้าแปลกเหรอ?”
“หลังจากเรื่องราวสงบลง เจ้าไปพบคุณหนูของตระกูลเฉินด้วย” ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิเหยียดขาออกและยืนขึ้น
ใบหน้าของเซียวท่าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ “อย่าแม้แต่จะคิด”
แม้ว่าคุณหนูตระกูลเฉินจะเป็นผู้หญิงที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก ต่อให้ตีเขาให้ตาย เขาก็จะไม่ไปพบนางเด็ดขาด สตรีที่อายุยี่สิบปีแล้วแต่ยังขายไม่ออก จะต้องมีปัญหาทางจิตใจอย่างแน่นอน
ระหว่างมื้ออาหาร หัวข้อการสนทนายังคงเกี่ยวกับคุณหนูตระกูลเฉิน เซียวท่าแทบจะกินข้าวไม่ลง หน้าดำคร่ำเครียดตลอดเวลา
เมื่อทานเสร็จและเก็บจานเรียบร้อยแล้ว มู่หรงเจี๋ยก็ให้ซูชิงไปทำความสะอาด ให้เหลือเพียงจื่ออันไว้เพื่อพูดคุย
เซียวท่าเมื่อเห็นว่ามู่หรงเจี๋ยอยู่กับจื่ออัน เขาก็นั่งลงแล้วมองไปที่มู่หรงเจี๋ย รอเขาเปิดปากพูด
มู่หรงเจี๋ยเหลือบมองไปที่เขา “เจ้ายังมีเรื่องอะไรจะพูดอีกเหรอ?”
เซียวท่ามองไปที่จื่ออัน และในทึ่สุดห่านโง่ตัวนี้ก็เข้าใจว่ามู่หรงเจี๋ยอยากคุยกับจื่ออันเป็นการส่วนตัว ไม่ได้ให้เขามีส่วนร่วมในการสนทนาด้วย
เขาลุกขึ้นยืน “ได้ ข้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าออกไปก็พอใช่ไหม?”
พูดเสร็จก็เดินออกไปอย่างโกรธเคือง ซูชิงเมื่อเห็นเขาโกรธ จึงถามว่า “เป็นอะไรไป?”
“พวกเขาบอกความลับแก่กัน แต่ไม่ให้ข้าฟัง”เซียวท่ากล่าว
ซูชิงมองดูเขาอย่างสงสาร “เจ้าต้องไปพบคุณหนูตระกูลเฉินแล้วจริง ๆ”
เซียวท่าปล่อยหมัดออกไป แล้วกล่าวด้วยความโมโห “เจ้ายังจะพูดอีกหรือ?”
ภายในห้อง จื่ออันนั่งลงและมองไปที่มู่หรงเจี๋ยด้วยท่าทางสงบ นางรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังจะไปเสี่ยงอันตรายในคืนนี้ ไม่มีทางที่จิตใจนางจะสงบลงได้ เพราะว่าอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หาย ย่อมขี่ม้าไม่ได้
แน่นอนว่านางย่อมจะไม่คิดอะไรที่ไร้เดียงสาเช่นนั้น เพียงแต่กลับวังไปลำพังแบบนี้
เมื่อไปถึงวังหลวง เขาจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน แต่เส้นทางที่กลับวังครั้งนี้จะง่ายดายเพียงนั้นหรือ?
อย่างไรก็ตามนางรู้ว่าไม่สามารถหยุดเขาได้ เพราะพวกเขาเลือกที่จะกลับเมืองหลวงในคืนนี้ จะต้องเป็นเหตุฉุกเฉินที่ต้องไปอย่างเร่งด่วน
สี่วันในที่แห่งนี้ เป็นสี่วันที่นางใช้ชีวิตอย่างสบายใจที่สุดหลังจากนางมาถึงยุคโบราณ สิ่งที่ห่างไกลจากทุกสิ่งคือไม่ใช่การต่อสู้ ห่างไกลจากแผนการชั่วร้ายทั้งหมด ทุกวันนางเพียงต้องกลุ้มใจกับสิ่งที่จะกินในคืนนี้เท่านั้น