ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 214
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 214
แต่ว่าก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เซี่ยหว่านเอ๋อกับองค์รัชทายามมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว ถึงแม้ว่าหว่านเอ๋อจะเสียโฉม แต่องค์รัชทายาทก็ยังมีใจให้นางอยู่ เพียงแค่ความรู้สึกนี้ยังคงอยู่จนถึงวันที่หว่านเอ๋อได้อภิเษกสมรสก็พอแล้ว
มู่หรงจ้วงจ้วงช่วยพยุงหยวนซื่อขึ้นไปบนรถม้า หลังจากนั่งลงแล้ว จื่ออันก็ยังคงกุมมือหยวนซื่อไว้อยู่
มู่หรงจ้วงจ้วงสังเกตเห็นว่าข้อมือของจื่ออันยังคงมีคราบเลือดติดอยู่ นางจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วยื่นให้จื่ออัน “มีเลือดติดอยู่ที่ข้อมือ เช็ดออกซะสิ”
จื่ออันรับมันมาอย่างเงียบ ๆ “ขอบคุณ!”
มู่หรงจ้วงจ้วงมองนางด้วยสายตาชื่นชมเล็กน้อย แต่นางก็ไม่คาดคิดว่าจื่ออันจะกล้าลงมือกับฮูหยินหลิงหลง และลูกสาวของนางต่อหน้าต่อตาองค์รัชทายาท
ก่อนหน้านี้ที่นางบอกว่าจะล้างแค้นด้วยตัวเอง ยังคิดว่านางแค่พูดไปอย่างนั้น อย่างไรเสียนางก็ไม่อาจต่อสู้กับองค์รัชทายาทได้
คิดไม่ถึงเลยว่า นางจะกล้าทำจริง ๆ นางใช้มีดในทันที
ความโหดเหี้ยมนั้น ถ้าเสด็จย่าเห็น ไม่รู้ว่านางจะชอบมันแค่ไหน
นางอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “เมื่อครู่นี้เจ้าไม่กลัวเหรอ?”
จื่ออันหยิบมีดสั้นออกมา เช็ดมันอย่างช้า ๆ แล้วเงยหน้าขึ้น “หม่อมฉันเพียงรู้สึกกังวล ไม่ควรทำให้มีดสั้นนี้สกปรกแต่ตอนนั้นไม่มีมีด จำเป็นต้องใช้มันอย่างรู้สึกผิด”
มู่หรงจ้วงจ้วงหัวเราะ “เจ้านี่ก็จริง ๆ เลย บอกว่าจะทำก็ทำเลยงั้นรึ? ดีร้ายอย่างไรก็คุยกับพวกเขาก่อนถึงค่อยลงมือสิ?”
จื่ออันส่ายหัว นางนึกถึงช่วงเวลาแปดปีที่ทำอาชีพแพทย์ทหารสายลับพิเศษ “องค์หญิง ท่านคิดว่าคนแบบไหนที่น่ากลัวที่สุด?”
มู่หรงจ้วงจ้วงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คนร้ายกาจและเจ้าเล่ห์สิ”
“หาใช่ไม่” จื่ออันเช็ดมีดสั้นแล้วมองไปที่มู่หรงจ้วงจ้วง ดวงตาของนางสว่างไสวราวกับคบไฟ “คนที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ กับคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์น่ากลัวที่สุด เมื่อครู่นี้องครักษ์ขององค์รัชทายาทมีไม่มาก และมีสองคนต้องคอยพยุงเขา หากข้าไม่ดึงแรงทั้งหมดออกมา ก็จะขู่ให้พวกเขากลัวไม่ได้ อีกอย่างที่ข้ากล้าลงมือเช่นนี้ ประการแรกก็คือมีดสั้นที่อยู่ในมือข้านี้เป็นของตกทอดมาจากองค์จัดรพรรดิพระองค์ก่อน ประการที่สอง เพราะว่ามีองค์หญิงอยู่ด้วยไม่ใครกล้าที่จะต่อต้าน ถ้าไม่มีสองข้อนี้ แม้ข้าจะโหดร้าย พวกเขาก็ไม่กลัว”
คนที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ แม้ว่าเขาจะอ่อนแอ แต่ก็ยังสามารถทุ่มสุดกำลังเพื่อฆ่าคนได้เหมือนกับสุนัขบ้า
ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ มีอำนาจอยู่ในมือ สามารถทำให้ท่านจะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่อาจร้องขอ องค์รัชทายาทมีตำแหน่งที่สูง แต่ก็ไม่เท่าผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ และองค์จักรพรรดิพระองค์ก่อน
ดังนั้น เมื่อมีสองข้อนี้ นางจึงกล้าต่อสู้อย่างหนัก
มู่หรงจ้วงจ้วงพยักหน้า “เจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป กลับไปถึงจวนมหาเสนาบดีเมื่อไหร่ ก็จะมีคนจากศาลาว่าการเข้ามาแทรกแซง มันก็จะไม่ง่ายดายนัก ไม่ใช่ว่าเจ้าจะทุ่มสุดกำลังแล้วทำให้คนของศาลาว่าการถอยกลับได้ เป็นคดีความด้วยแล้ว ทางศาลาว่าจะต้องมีการบันทึกเก็บไว้ แม้แต่อ๋องเจ็ดก็ไม่อาจทุจจริตเล่นพรรคเล่นพวก คนจำนวนมากเห็นเจ้าลงมือกับเซี่ยหว่านเอ๋อและฮูหยินหลิงหลง เจ้าไม่อาจหลุดรอดคดีนี้ไปอย่างง่ายดายหรอกนะ”
เมื่อครู่นี้ที่นางบอกองค์รัชทายาทให้ไปตามคนของศาลาว่าการ เพียงคิดว่าเป็นคำพูดข่มขู่ นึกไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะสั่งคนไปเชิญมาจริง ๆ มู่หรงจ้วงจ้วงกังวลเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าตนเองทำร้ายจื่ออัน
จื่ออันยิ้มเล็กน้อย “เรื่องนี้ต้องให้องค์หญิงช่วยแล้วเพคะ”
เมื่อครู่นี้จำเป็นต้องทุ่มสุดกำลัง แต่พอไปถึงศาลาว่าการต้องใช้อุบายแล้ว
มู่หรงจ้วงจ้วงกล่าว “ข้าไม่ได้รังเกียจที่จะช่วยเจ้า แต่เกรงว่าข้าก็ไม่อาจทุจริตเล่นพรรคเล่นพวกได้เช่นกัน”
จื่ออันส่ายหัว “ไม่ได้ให้องค์หญิงเล่นพรรคเล่นพวกเพียงแต่ให้องค์หญิงบอกคนของศาลาว่าการ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้มันเป็นมายังไงก็พอแล้ว”
มู่หรงจ้วงจ้วงกล่าว “แต่เจ้าคิดว่าฮูหยินหลิงหลงกับเซี่ยหว่านเอ๋อจะยอมรับว่าพวกนางเป็นคนผลักแม่ของเจ้าจนร่วงลงไปหรือ? พวกนางจะต้องปฏิเสธมันทุกวิถีทาง ยิ่งไปกว่านั้นองค์รัชทายาทยังสั่งคนให้ไปศาลาว่าการอีก น่าจะให้ไปตามจิงจ้าวหยิ่น ตอนนี้เขาเป็นคนของใต้เท้าเหลียง เป็นหลานชายของเหลียงไท่ฟู่ เป็นลูกขุนนาง หากทางศาลาว่าการเชื่อสองแม่ลูกนั่น เห็นว่าเจ้าเป็นคนที่ลงมือทำร้ายพวกนาง เกรงว่าจะสลัดโทษจำคุกออกจากตัวไม่ได้”
หยวนซื่อฟังโดยไม่พูดมาโดยตลอด แล้วจู่ ๆ นางก็พูดขึ้นมา “องค์หญิง หม่อมฉันยังเป็นภรรยาเอกของจวนมหาเสนาบดีอยู่ ภรรยาเอกกับอนุภรรยาต้องแบ่งแยกอย่างชัดเจน ทั้งยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยัน ทางศาลาว่าการต้องเชื่อคำพูดของหม่อมฉันก่อน”