ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 222
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 222
คาดการณ์? คดีก่อนหน้าที่เจ้าทำก็ใช้การคาดการณ์หรือ? อ๋องหลี่แสดงออกมาว่ากำลังโกรธมาก “งั้นเจ้าก็คาดการณ์ คาดการณ์ว่าตอนที่หยวนซื่อตกจากรถม้าก็สามารถลุกขึ้นมาได้ และไม่ได้ตาบอด ถ้างั้นทำไมจู่ ๆ นางถึงบาดเจ็บที่ศรีษะแล้วตาบอดเหล่า?”
ใต้เท้าเหลียงเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาบนหน้าผาก “เรื่องนี้ เรื่องนี้อ่า…”
ราชครูเหลียงตอบแทนว่า “ท่านอ๋อง ตอนที่หยวนซื่อกระโดดออกจากรถม้านั้น ก็ได้กล่าวว่าจะทำให้เฉินซื่อได้ชื่อว่าทำร้ายนายหญิงของจวน เรื่องนี้คิดว่านางคงเป็นคนทำตัวนางเอง”
“หลักฐาน?” อ๋องหลี่เอ่ยถามราชครูเหลียง
“หลักฐาน? นางทำร้ายตัวเอง ใครจะเห็น? ” ราชครูเหลียงยิ้มเย็น
“ไม่มีใครเห็นเจ้าก็เชื่องั้นรึ ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง? ราชครู ท่านเป็นขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนัก เข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องภายในจวนมาหาเสนาบดีก็ช่างเถอะ แต่กลับทำมึนงงคาดเดาสิ่งนั้นสิ่งนี้ ไหวพริบท่านไปไหนเสียแล้ว? หากวันนี้ยังล้มเหลวอีก ท่านก็ไประบายอารมณ์กับพวกผู้หญิงอ่อนแอซะ”
อ๋องหลี่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึมจริงจัง มิใช่เสียดสีราชครูเหลียง เพียงแต่กล่าวเรื่องจริงออกมา เขาคิดว่าเรื่องราวจะเป็นดั่งที่พวกเขาพูดหรือ
หากท่านอ๋องเพียงพูดเสียดสีออกมาคงจะดีกว่า แต่เขามิอาจหลอกตนเองได้ ทำเอาสีหน้าของราชครูเหลียงมิอาจแสดงว่าโกรธได้ ทำได้แค่โบกมือ “พ่ะย่ะค่ะ ไต่สวนต่อ ถามต่อไป”
อ๋องหลี่มองไปที่ใต้เท้าเหลียง พบว่าใต้เท้าเหลียงมองกลับมาจึงเอ่ย “เจ้ามองข้าทำไม? ข้ามิใช่คนที่ต้องไต่สวน เจ้าถาม ถามสิ”
ใต้เท้าเหลียงทำได้มองไปยังจื่ออัน “เซี่ยจื่ออัน ข้าถามเจ้า เจ้าบอกว่าหยวนซื่อถูกพวกเขาผลักตกลงมา มีหลักฐานหรือไม่? ”
จื่ออันตอบกลับ “เรียนใต้เท้า รถม้าที่ข้าและองค์หญิงนั่งมา ตามหลังรถม้าพวกเขามาโดยตลอด ตอนที่ท่านแม่ของข้าตกลงมา อีกเพียงนิดก็โดนรถม้าของพวกข้าชนเข้า โชคยังดีที่คนรถพบเจอเข้า ทำให้หยุดรถม้าได้ทัน ตอนที่พวกเราลงจากรถม้าเพื่อไปช่วยคนนั้น ท่านแม่ของข้าก็สลบไปแล้ว นางไม่ได้ล้มลงไปบนพื้นตรงหน้า กลับล้มลงพื้นทางด้านซ้ายก่อนศีรษะทางซ้ายจึงกระแทกเข้ากับหลุมที่พื้น ทำให้เลือดไหลออกมามาก จากลักษณะท่าทางที่ตกลงมา ทำให้คาดได้ว่านางโดนผู้อื่นผลักตกลง ใต้เท้าไต่สวนคดีมาหลายปี น่าจะทราบว่าหากกระโดดลงมาจากรถม้า ท่านแม่ข้าจะต้องตกลงด้านหน้า”
ใต้เท้าเหลียงเป็นใบ้พูดไม่ออก
ใต้เท้าเหลียงพูดต่อ “ในส่วนนี้ ต้องเบิกตัวคนรถม้ามาสอบถามให้ชัดเจน”
จื่ออันจึงตอบ “ใต้เท้าลืมแล้วรึ? คำให้การของคนรถก่อนหน้านี้มิอาจใช้ได้ คำพูดของเขาไม่น่าเชื่อถือ”
ตอนนี้ฮูหยินหลิงหลงถึงได้เข้าใจว่าก่อนหน้านี้ที่เซี่ยจื่ออันชักจูงนางอยู่นาน มิใช่เพื่อใช้ประโยน์จากคำพูดนางมาโต้แย้งกลับหรือ
“ได้ ต่อให้คำให้การของคนรถมิอาจเชื่อได้ แต่คำให้การของหยวนซื่อและเฉินซื่อแตกต่างกัน แต่ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยัน” ใต้เท้าเหลียงกล่าว
อ๋องหลี่จึงได้ตรัสออกมา “อืม ทั้งสองคนต่างก็มีคำให้การของตนเอง แต่ไม่มีพยาน และมิมีผู้ใดยินยอมไปตรวจสอบหลักฐาน แล้วควรจะเชื่อใครเล่า? ”
ใต้เท้าเหลียงมิได้ส่งเสียง ศีรษะมีเหงื่อเย็นไหลซึมอยู่ตลอด ใต้เท้าเหลียงก็โดนหลอกเหมือนกัน ไม่มีผู้ใดเป็นพยาน แต่ละฝ่ายต่างยืนยันในคำพูดตน ในสถานการณ์นี้แล้ว ศาลาว่าการจำเป็นต้องเชื่อคำพูดของหยวนซื่อ
ใต้เท้าเหลียงมองไปยังมหาเสนาบดีเซี่ย ใบหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ยไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ โดยเฉพาะตั้งแต่ที่อ๋องหลี่เข้ามา มิอาจนำเรื่องนี้มาทำลายเซี่ยจื่ออันได้
แต่เขายังคงดิ้นรนต่อ “หากเป็นเช่นนี้แล้ว งั้นก็ตรวจสอบหลักฐานจากที่เกิดเหตุก็แล้วกัน ใต้เท้าเหลียง นำคนไปตรวจสอบที่รถม้าสักหน่อยเถอะ หากว่านายหญิงโดนเฉินซื่อผลักตกลงมาแล้ว จพต้องหลงเหลือร่องรอยไว้เป็นแน่”
มหาเสนาบดีเซี่ยยังคงคาดหวังจะยังสามารถสร้างพยานหลักฐานได้ หากวันนี้มิอาจจัดการเซี่ยจื่ออันและหยวนซื่อได้แล้ว เกรงว่าภายหน้ายิ่งมิอาจทำอะไรพวกนางทั้งสองได้
อ๋องหลี่จึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะสั่งให้คนไปตรวจสอบ ส่วนใต้เท้าเหลียงควรไต่สวนต่อไป ข้ามีข้องสงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้นในรถม้า หากสามารถยืนยันได้ว่าเฉินซื่อโกหกแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าเหตุผลในการกระโดดรถม้าของหยวนซื่อลดลง”