ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 231
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 231
เขายังคงปอกเปลือกลูกแพร์ต่อไป และกล่าว “เพราะนั่นไม่ใช่ของเสด็จแม่”
เขาเงยหน้าขึ้น โดยที่บนใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยคราบเลือด เขาเงยคางที่มีเคราสีดำขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่ซีดขาวแลดูหนักแน่น
นางเอื้อมมือไปเช็ดเลือดบนใบหน้าของเขา เลือดได้แห้งไปแล้ว เช็ดยังไงก็เช็ดไม่ออก มันเป็นเลือดของศัตรูที่เหลือทิ้งไว้บนใบหน้าของเขา
นางเช็ดมันสองสามครั้ง แล้วจึงวางมือลงเพราะไร้ประโยชน์ และมองดูลูกแพร์ในมือของเขา หลังจากที่เขาปลอกเปลือกออก ก็ได้ใช้มีดผ่ามันออกเป็นสองซีก ยื่นครึ่งหนึ่งให้นาง “อากาศร้อนนัก ทานลูกแพร์เพื่อดับกระหายเสียหน่อยเถิด”
มือของนางสั่นอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น จ้องมาที่เขา ใบหน้าของเขาขาวซีดเผือดราวกับคนตาย
นางแทบจะแยกไม่ออกเลยว่านั่นคือความฝันหรือว่าความจริง และนางก็รู้สึกกลัวมาก เลยลุกขึ้นไปหาป้าซือจู
ป้าซือจูที่อยู่ข้างหลัง ได้มองไปที่มู่หรงเจี๋ย “ท่านอ๋องไท่เฟยไม่ชอบทานลูกแพร์เพคะ”
“ทานสักหน่อยก็ดี เสด็จแม่กำลังโกรธมาก และลูกแพร์จะช่วยดับความโกรธของเสด็จแม่ได้ ถือว่าเป็นยาที่ดีสำหรับท่าน” มู่หรงเจี๋ยกัดอีกครึ่งซีกที่เหลือ และน้ำลูกแพร์ก็ได้กระเด็นมาตกลงบนหลังมือของไท่เฟย
นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเปลวไฟแผดเผา แล้วนางก็หยิบลูกแพร์อีกครึ่งซีกปาออกไปในทันที “ไม่ ข้าไม่กิน ข้าไม่กิน!”
นางยืนขึ้นมาในทันทีและตะโกนด้วยความเจ็บปวด “ซือจู พยุงข้าเข้าไปด้านใน ข้าเหนื่อยแล้ว”
ป้าซือจูก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงนาง จากนั้นก็มองไปที่มู่หรงเจี๋ย อยากพูดช่วยไท่เฟยสักสองสามคำ แต่เมื่อนางสัมผัสได้ถึงดวงตาที่แสนเย็นชาของมู่หรงเจี๋ยแล้ว นางก็เลยไม่เอ่ยคำพูดนั้นออกมา
แม่ลูกแบ่งลูกแพร์ แม่ลูกแตกหักกัน!
นี่ไม่ใช่เพราะท่านอ๋องสร้างเรื่องขึ้นมา แต่เป็นกุ้ยไท่เฟยที่สร้างเรื่อง
ไท่เฟยเดินเร็วมาก แม้ว่าป้าซือจูจะช่วยพยุงนาง แต่ในท้ายที่สุดนางก็ดึงตัวป้าซือจูออกไป ราวกับว่ามีวิญญาณชั่วร้ายกำลังไล่ตามนางมาอยู่ข้างหลัง
เมื่อนางเข้ามาในห้อง นางก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมาแล้วก็กระแทกมันลงกับพื้น หายใจรุนแรง แม้แต่เส้นเลือดยังปูดปูนขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน ดวงตาถลึง จนทำให้ป้าซือจูรู้สึกหวาดกลัวเมื่อมองดูมัน
“กุ้ยไท่เฟยโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ!” ป้าซื่อซู่มองนางอย่างหงอย ๆ “อย่างน้อย ๆ ท่านอ๋องก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่หรือเพคะ? สองสามวันมานี้ท่านก็เสียใจกับการตายของเขา และนี่เขาก็ได้กลับมาแล้ว ไม่ดีหรือเพคะ?”
“ข้ายอมให้เขาตายไปเสียดีกว่า!” กุ้ยไท่เฟยกัดฟันแน่น “ดีกว่าให้เขากลับมาทำลายข้าเช่นนี้ มันหมายถึงอะไรกัน? ที่ผ่าลูกแพร์ครึ่งลูกให้ข้า? มันหมายความว่าเขาไม่ต้องการข้าแล้วใช่หรือไม่? ไม่ ไม่สิ ก่อนหน้านั้น ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการเขาแล้ว”
“ไท่เฟย จำเป็นต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ?” ป้าซือจูหลั่งน้ำตา “สองสามวันมานี้ ท่านเองก็นอนไม่หลับ โศกเศร้าเสียใจเพราะเรื่องของท่านอ๋อง เขากลับมามีชีวิตนั่นสำคัญกว่าเรื่องอื่นใดมิใช่หรือเพคะ?”
“เขาตายไปแล้ว ข้าเสียใจให้กับเขา มันคือความผูกพันธ์ของแม่และลูก แต่เมื่อเขากลับมามีชีวิต เขาก็จะทำลายการใหญ่ของข้า ข้าถึงยอมให้เขาตายไปดีกว่า ยอมเสียใจเรื่องเขา อย่างน้อย ๆ ข้ายังมีความปราณี ที่มอบความไว้วางใจให้กับอ๋องแปด ซือจู เจ้าติดตามข้ามาหลายปีแล้ว เจ้าไม่รู้เหรอว่าใจข้าคิดเช่นไร?”
น้ำตาของป้าซือจูที่กรุ่น ๆ ก็ไหลรินลงมา นางเป็นคนเลี้ยงดูท่านอ๋องมาจนเติบใหญ่ นางไม่มีทางเลือก…
นางอ้าปากแล้วกล่าวถามอย่างแผ่วเบา “การเอาชนะคนผู้นั้น และอยู่ในตำแหน่งไท่โฮ่ว มันสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ?”
พอกุ้ยไท่เฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ราวกับไม่เชื่อว่าประโยคนี้จะออกมาจากจากปากของนาง “เจ้าถามข้าว่ามันสำคัญไหม? เจ้าพูดมาสิว่ามันสำคัญไหม? หลายปีที่วางแผนมานี้ ไม่ใช่เพื่อให้มีวันนี้หรอกหรือ?”
เสียงทะเลาะกันของทั้งสองคนดังออกไปข้างนอก
ลมกลางคืนทำให้เสื้อผ้าของมู่หรงเจี๋ยพลิ้วไหว ดวงจันทร์ซ่อนอยู่ใต้เมฆ และโคมไฟที่อยู่ในสนามหญ้าก็ดับลง ท่ามกลางความมืดมิด เขาเดินออกไปทีละก้าว ๆ แต่แผ่นหลังของเขากลับดูหดหู่ยิ่งนัก
“ท่านอ๋อง!” หนี่หรงไล่ตามเขามา เขายังได้ยินการสนทนาระหว่างกุ้ยไท่เฟยกับป้าซือจูอีกด้วย เพราะกุ้ยไท่เฟยไม่ต้องการจะปกปิดเจตนา และความคิดของนางอีกต่อไปแล้ว
กุ้ยไท่เฟยอยู่ที่หน้าต่าง มองดูมู่หรงเจี๋ยเดินจากไปทีละก้าว ๆ ดูเหมือนนางจะเห็นรอยยิ้มแบบเด็ก ๆ บนใบหน้าของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่จูงมือนางและเงยหน้าขึ้นมา “เสด็จแม่ เมื่อลูกเติบใหญ่ ลูกจะสร้างเรือนไม้หลังเล็ก ๆ ไว้ที่ริมทะเลสาบให้ท่าน เพื่อให้ท่านได้ชมทิวทัศน์ของทะเลสาบที่กว้างใหญ่”
นางรู้สึกตกใจขึ้นมาในทันที!
เด็กน้อยคนนั้น ได้เดินออกไปจากชีวิตของนางแล้ว
มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในสนามหญ้าของไท่เฟยตลอดทั้งคืน