ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 240
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 240
มหาเสนาบดีเซี่ยจ้องมองไปที่นาง ฉากเมื่อครู่เขาเห็นได้ชัดเจนมาก ดูเหมือนว่านางจะจงใจแสร้งทำเป็นตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตามไม่ใช่นางที่เป็นคนลงมือ นางไม่ได้หาเรื่อง แม้แต่พูดสักคำนางยังไม่พูด ถึงแม้อยากจะลงโทษนาง แต่ก็ต้องมีข้ออ้าง
“อย่าก่อเรื่องอีก!” เขาทำได้เพียงระบายความโกรธไปที่เซี่ยฟางเอ๋อกับเซี่ยหว่านเอ๋อ
เซี่ยฟางเอ๋อกลัวลุงคนนี้มาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าเขาโกรธจนหน้าเขียวแล้ว แม้ว่านางจะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าเผยท่าทางให้รู้ได้
ในตอนแรกหลิวซื่อก็แค่ไม่ชอบเซี่ยจื่ออัน แต่หลังจากที่ได้เห็นความฉลาดแกมโกงของนางแล้ว ก็รู้สึกเกลียดนางขึ้นมาทันที
แม้กระทั่งฟางเอ๋อยังถูกมหาเสนาบดีดุ นางจะไม่ยอมทนอีกต่อไป
“ช่างเถิด ในตอนนี้นางอยู่ในจวนก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุนางอยู่แล้ว แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ชอบนาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้” ฮูหยินหลิงหลงทำเหมือนไม่ต้องการให้หลิวซื่อไปถือสาหาความจื่ออัน แต่ก็พูดยั่วยุไม่หยุดหย่อน
หลังจากที่หลิวซื่อได้ยินดังนั้น ในใจก็มีแผนการแล้ว อยากจัดการจื่ออันให้ฮูหยินผู้เฒ่า เป็นทั้งการเอาใจนางแถมได้แก้แค้นให้ฟางเอ๋ออีกด้วย
จื่ออันยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มองหน้าคนเหล่านี้ นางเบื่อกับการต่อสู้กันในตระกูลแบบนี้เต็มทีแล้ว เห็นได้ชัดว่าก็เป็นญาติพี่น้องกันทั้งหมด แต่กลับคิดที่จะต่อสู้กันเอง
ป้าชุ่ยยู่เปิดประตูออกมาแล้วพูดว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าแต่งตัวเสร็จแล้ว ขอเชิญนายท่าน และนายท่านรองพาคนในตระกูลทุกคนเข้าไปด้านในได้”
ทุกคนเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งจื่ออันก็เป็นคนที่เดินอยู่รั้งท้าย
ฮูหยินผู้เฒ่าแต่งองค์ทรงเครื่องได้อลังการ เป็นชุดใหม่เอี่ยมสีดำที่ปักลายดอกเบญจมาศสีทองช่อใหญ่ไว้เปรียบดั่งอายุที่ยืนยาว และปลายแขนเสื้อปักลายต้นเขียวหมื่นปี มีซึ่งหมายถึงจะโชคดีตลอดไป มีสุขภาพที่ดีมีอายุที่ยืนยาว ผ้าแพรต่วนที่ปักลายมาโดนแสงก็สะท้อนเป็นประกายออกมาเล็กน้อย ราวกับสายน้ำที่ไหลอยู่ในทะเลสาบ
เกล้าผมขึ้นเป็นมวยสูง บนศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผมมงคลอายุยืน ปล่อยจอนผมลงมาต่ำเล็กน้อย ปิ่นปักผมที่ลงยาเคลือบไว้ดูวิบวับเล่นแสงเป็นอย่างมากและที่หน้าผากหยกขาวห้อยไปอยู่ ซึ่งทำให้ดูสง่างามและมั่งคั่งมากยิ่งขึ้น
นางเงยหน้าขึ้น และก็เห็นบาดแผลบนใบหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้า?”
“จ้าถูกทำร้าย” มหาเสนาบดีเซี่ยตอบอย่างคลุมเครือ
เมื่อเห็นผู้คนมากมายมาที่นี่ นางจึงไม่ถามอะไรมาก ปล่อยมันไปก่อน
หลังจากที่ทุกคนเข้ามาร่วมฉลองวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว นางก็มองไปที่จื่ออันแล้วกล่าว “แม่ของเจ้าล่ะ? ข้าได้บอกให้นางมาที่นี่ด้วยนี่?”
“หลานจะตอบคำถามของท่านย่าเอง คือดวงตาของท่านแม่ยังมองไม่เห็น เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเดินไปชนกับอะไรเข้า ดังนั้นนางจึงไม่ได้มา” จื่ออันตอบ
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้มองไปที่นาง แต่กลับเรียกป้าหลานยู่อย่างเคร่งขรึมให้เข้ามา “เจ้านี่มันยังไงกัน? ข้าบอกกับเจ้าไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ไปบอกฮูหยินใหญ่ ให้นางมาที่นี่ให้ได้?”
ป้าหลานยู่ตอบว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ บ่าวทำตามคำสั่งของท่านไปแจ้งที่เรือนเซี่ยจือหยวนแล้ว แต่คุณหนูใหญ่ไม่ยอมให้ข้าพบฮูหยินเลย บอกว่าดวงตาของฮูหยินก็มีปัญหา และพูดว่าไม่จำเป็นต้องมา”
“ไปส่งข่าวอีกครั้ง ในฐานะที่เป็นนายหญิงของจวนมหาเสนาบดี แม้กระทั่งงานฉลองวันเกิดของข้าก็ยังไม่มา ฉาวโฉ่จริง ๆ?” ฮูหยินผู้เฒ่าตะคอกเสียงดังอย่างน่าเกรงขาม
ป้าหลานยู่รับคำสั่ง “เจ้าค่ะ!”
นางมองไปที่จื่ออัน มุมปากของนางก็ยกขึ้นอย่างเย้ยหยัน เหลือบมองไปที่จื่ออันอย่างยั่วยุ ราวกับว่ากำลังพูดว่า ดูสิ ผู้ที่อ่อนด้อยกว่าจะต่อกรกับผู้ที่มีอำนาจได้เช่นไร