ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 255
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 255
เรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ใหญ่เหลือเกิน ฝูงชนจึงห้ามใจให้ไม่มองมิได้
สองพี่น้องนี้กลับถูกชายผู้นี้สวมเขา ยิ่งไปกว่านั้นนั่นคือเซี่ยหว่านเอ๋อว่าที่พระชายาในองค์รัชทายาทท่านนี้ อาจจะมิใช่บุตรีของมหาเสนาบดีเซี่ย
เซี่ยหว่านเอ๋อพบว่ามหาเสนาบดีเซี่ยจ้องมองยังฮูหยินหลิงหลง ภายในใจนางนั้นรู้สึกกลัว เอ่ยถามออกไป “ท่านพ่อ ท่านคงมิได้เชื่อคำพูดของหญิงบ้านางนี้หรอกใช่ไหมเจ้าคะ?”
อ๋องเหลียงเองใบหน้าดูราวกับหวังดี ทรงตรัสขึ้น “ใช่แล้ว ท่านมหาเสนาบดี เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็ก ๆ คำพูดที่เชื่อมิได้ของผู้อื่นนั้น ทางที่ดีแล้วควรจะตรวจสอบให้ชัดเจนสักหน่อย”
เขาคิดว่าในเมื่อจื่ออันได้วางแผนการเอาไว้เยี่ยงนี้แล้วนั้น คงจะต้องมีหลักฐานที่จะยืนยันเรื่องนี้ได้ ดังนั้นพระองค์จึงทรง “จิตใจดี” ช่วยมหาเสนาบดียืนยันสักหน่อย
ฝูงชนเมื่อได้ยินคำของอ๋องเหลียงแล้วนั้น ต่างก็ทยอยแสดงความ “จิตใจดี” ขยั้นขยอให้มหาเสนาบดีเซี่ยตรวจสอบให้ชัดเจน ใบหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ยนั้นถึงกับพูดมิออก คำพูดพวกนั้น หากมิใช่ว่ามีผู้คนมากมายเหล่านี้อยู่ด้วยแล้ว จิตใจที่ต้องการฆ่าเฉินเอ้อร์และฮูหยินหลิงหลงก็คงจะมีแล้ว
ภรรยาของเฉินเอ้อร์นั้นเหลือบมองมหาเสนาบดีเซี่ย เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา ใบหน้าที่ดูไม่ได้นั้นทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกปวดใจ “นายท่าน ข้ามิได้ตั้งใจที่จะมาก่อวามวุ่นวายที่จวนของท่าน เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่อยากที่จะพูดออกมา แต่ข้าอดใจไว้ไม่ได้ ข้ามิเหมือนท่านมหาเสนาบดีถูกคนวางแผนหลอกลวงได้เช่นนี้ หลายปีมานี้ เจ้าคนเลวนี้ได้รับผลประโยชน์จากเฉินเหลิงหลงมาก็มิน้อย บางครั้งก็เป็นเรื่องดี ๆ บางครั้งก็เป็นเงินทอง ส่วนกับหลิวซื่อนั้น พวกเขาอย่างน้อยก็ห้าหกปีแล้วที่ไปมาหาสู่กัน เรื่องเหล่านี้ก็มิใช่ความลับอะไร เมื่อเขาเมาเหล้าแล้ว มักจะกลับไปคุยโวกับเพื่อนหมาแมวพวกนั้น นอนกับภรรยาของผู้ใด ได้เงินทองมาเท่าไหร่ เรื่องราวเหล่านี้ นายท่านสามารตรวจสอบได้ สำหรับลูกชายหญิงของท่านนั้น หากอยากตรวจสอบก็ไม่ได้ยากอะไร ในตอนนั้นภายในที่อยู่อาศัยของเฉินหลิงหลง เขามักจะไปหานางบ่อย ๆ สองคนไปมาหาสู่บ่อยเข้า ก็เกิดเรื่องราวขึ้น เดิมเจ้าคนสารเลวนี้ต้องการจะแต่งเฉินหลิงหลง เพียงแต่ตอนนั้นนายท่านเองก็ชอบพอนาง เฉินหลิงหลงอยากจะปีนให้สูงขึ้น จึงหยุดการติดต่อกับเจ้าสารเลว แต่น่าเสียดายยิ่งนัก ตอนหลังกลับพบว่าตั้งครรภ์บุตรของเขา เรื่องนี้เป็นท่านหมอหลี่แห่งสำนักเปาหยวนถังเป็นคนตรวจเจอ นายท่านสามารถไปสอบถามท่านหมอหลี่ได้ หากว่าข้าในวันนี้นั้นพูดตำเท็จออกมา ขอให้ฟ้าผ่าข้า!”
พูดจบนางจึงมองไปยังเฉินเอ้อร์ ความรู้สึกดั่งถูกทำร้ายจนจิตใจตายด้าน เอ่ยออกมา “เฉินเอ้อร์ ข้ากับเจ้า นับตั้งแต่นี้ ตัดขาดความสัมพันธ์กัน ข้าจะพาลูกออกจากเมืองหลวง ชาตินี้เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้เจอพวกเขาอีก”
พูดจบ จึงตัดสินใจจากไป
แขกทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ต่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจไปกับหญิงนางนี้ มีสามีเยี่ยงนี้ ก็ยากลำบากเพียงพอแล้ว
เฉินเอ้อร์ฟื้นคืนสติจากความหวาดกลัวนั้นแล้ว เขามิใช่คนโง่ หลายปีที่เข้าออกจวนมหาเสนาบดีนั้น อีกทั้งยังอยู่รอบกายของหญิงหลากหลายประเภทจึงทำให้มองออก
เขาพยายามคิดกลับไป ตั้งแต่ที่ตนเองโดนจับได้แล้วนั้น ภายในใจรู้สึกเต้นกระสับกระส่าย อาการกระสับกระส่ายนั้น ก็มิอาจจะอธิบายออกมาได้ โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาในห้องพักแล้วนั้น ราวกับว่าทั้งกายของเขาไม่ได้สติไป ทุกอย่างในสายตาเขานั้นราวกับภาพลวงตา ถึงกับลืมไปแล้วว่าตนเองมาทำอะไรที่ห้องพักแห่งนี้
เขาคิดว่าตนเองโดนเซี่ยจื่ออันวางยาพิษ เมื่อมองเห็นจื่ออันและเฉินหลิวหลิ่วเข้ามาแล้วนั้น เขาลุกกระโดดขึ้นมาชี้ไปยังจื่ออัน “เป็นนาง เรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนการของนาง นางวางยาข้า ทั้งหมดเป็นแผนการของนาง เป็นนางที่ต้องการจะทำร้ายฮูหยินหลิงหลง ต้องการทำร้ายฮูหยินรอง ทำร้ายข้า!”
เฉินเอ้อร์ตะโกนออกมาหลายต่อหลายครั้ง แม้แต่หลิวซื่อเองก็ฟื้นคืนสติกลับมา “ไม่ผิด เป็นนาง เป็นนางที่ทำ นางให้คนหลอกล่อข้ามาที่นี่ วางยาข้า พวกท่านลองเข้าไปดมดู ในห้องยังคงมีกลิ่นหอม เป็นนางที่วางยาไว้ที่แห่งนี้ก่อน เป็นกลิ่นดอกกระดังงา เป็นยาลุ่มหลง”
ฝูงชนต่างมองไปยังจื่ออันด้วยความตื่นตกใจ ราวกับได้คำอธิบายึงกลิ่นที่มีอยู่ในห้อง ใช่หรือมิใช่เป็นกลิ่นดอกกระดังงาจริงหรือ?
จื่ออันใบหน้ากลับไม่ปรากฏร่องรอยใด ๆ นางมองไปยังเฉินเอ้อร์ “เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน? ตั้งแต่เช้าวันนี้ข้าก็ไปอวยพรให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่า หลังจากนั้นก็ไปนั่งดื่มชาอยู่ในสวนดอกไม้ จากนั้นก็อยู่ด้วยกันกับคุณหนูตระกูลเฉินตลอด”
เฉินหลิวหลิ่วขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยความโมโห “ข้าอยู่กับคุณหนูใหญ่เซี่ยตลอด ไม่ได้จากไปแม้แต่ก้าวเดียว เจ้าบอกว่าเป็นนางที่วางแผน มิใช่ว่าก็ต้องการที่จะลากข้าลงน้ำไปด้วย? เจ้ากล้าสาดน้ำสกปรกใส่ข้า ข้าจะยัดหัวเจ้ากลับไปในหลุมที่เจ้าเกิด เรื่องชั่วร้ายของเจ้ามีใครไม่รู้บ้าง? ใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าอาศัยขายใบหน้ากินข้าว? หากข้าเป็นมหาเสนาบดีเซี่ยแล้ว ฮูหยินของตนตกอยู่ในกำมือของคนประเภทนี้ จักต้องตัดมันออกมาให้เป็นเนื้อสัตว์ แล้วบังคับให้เจ้ากินกลับไป มิน่าใช้นามเดียวกับเจ้าเลย ทั้งยังจะเป็นญาติกันอีก ข้าช่วยท่านย่าด่าเจ้าแล้ว”
ประโยคนี้ของคุณหนูตระกูลเฉิน ทำเอาทุกคนอดหัวเราะไม่ได้ นี่มิใช่ว่าแม้แต่เหล่าไท่จวินก็โดนด่าเข้าไปด้วยหรือ?