ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 263
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 263
มหาเสนาบดีเซี่ยเงยหน้าขึ้นราวกับกำลังกลืนอากาศ เขายืดคอยาวมาก ใบหน้าที่ชอกช้ำของเขามีทั้งความเศร้าและความโกรธอย่างยากที่จะพรรณนา “แต่อย่างไรเสียข้าก็เป็นพ่อของนาง มิใช่หรือ? จุดนี้นางเองก็ปฏิเสธไม่ได้”
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมาก “เรื่องราวดำเนินมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไร้เดียงสาอยู่อีกงั้นหรือ? เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าหลังจากที่นางถูกบังคับให้อภิเษก ถูกวางยาพิษ และถูกวางแผนให้ร้าย นางยังจะคิดว่าเจ้าเป็นพ่ออยู่อีก? และยังคิดถึงจวนมหาเสนาบดีอยู่ไหม?ถ้าหากนางยังคิดถึงจริง วันนี้นางคงไม่ทำให้เจ้าเสียหน้าหรอกนะ”
มหาเสนาบดีเซี่ยใช้ทั้งสองมือลูบหน้าตัวเอง ราวกับว่าเขาแก่ขึ้นสิบปีในทันที “นางเป็นลูกคนเดียวของข้า”
ฮูหยินผู้เฒ่ายืนขึ้นในทันที แล้วก้าวไปตบหน้าเขา “ไม่ใช่ ตอนนี้เจ้าไม่มีลูกเลยสักคนเดียว นางก็ไม่ใช่ลูกสาวของเจ้าแล้ว ตั้งแต่ที่เจ้าบังคับให้นางอภิเษกนางก็ได้กลายมาเป็นศัตรูของเจ้า และนางก็คิดใคร่ครวญอยู่ทุกวัน ถึงวิธีที่จะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”
มหาเสนาบดีเซี่ยรู้สึกปวดที่แก้ม ความเจ็บปวดนี้ทำให้เขาหงุดหงิด ทั้งยังทำให้เขานึกถึงดวงตาที่เย็นชาของนางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เมื่อก่อนเจ้าถูกเฉินหลิงหลงทำให้สับสน หลายปีมานี้เจ้ามีเพียงนางที่เป็นภรรยาคอยรับใช้เจ้า แน่นอนว่าเจ้าจะต้องรู้สึกอ่อนไหว เจ้าเองก็ยังหนุ่มยังแน่นยังแต่งงานใหม่ได้อีก เพื่อให้เจ้ามีทายาทสืบสกุล” ฮูหยินผู้เฒ่านั่งลงอย่างช้า ๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา “ดังนั้นไม่ว่าเซี่ยหว่านเอ๋อจะเป็นลูกสาวของใครก็ตาม ตอนนี้ยังไงก็ต้องเป็นลูกของเจ้า ฮองเฮามีพระราชเสาวนีย์ออกมาแล้ว เจ้าจะได้เป็นว่าที่พ่อตาขององค์รัชทายาท และเป็นมหาเสนาบดีของราชสำนัก มีอนาคตที่ยาวไกลไร้สิ้นสุด ลูกของเจ้าก็จะสืบทอดความรุ่งโรจน์ของเจ้า เชิดหน้าชูตาตระกูลเซี่ยของเราได้ต่อไปอีก เจ้าเข้าใจไหม?”
หัวใจที่ห่อเหี่ยวของมหาเสนาบดีเซี่ย ได้ชุ่มชื้นเขียวขจีขึ้นมาเล็กน้อย
“เมื่อก่อนแม่ก็เคยพูดกับเจ้าว่า นิสัยของหลินเอ๋อยังไช้ไม่ได้ ให้เจ้าแต่งงานใหม่ แต่เจ้าคำนึงถึงเฉินหลิงหลง กลัวว่านางจะไม่สบายใจ จึงทำให้เสียเวลามาตั้งหลายปี ดูเจ้าสิ ผู้หญิงเช่นนี้หรือที่เจ้าโปรดปรานมาหลายปี?”
เมื่อพูดถึงเซี่ยหลิน มหาเสนาบดีเซี่ยก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังอยู่ในวัง เขาจึงพูดแดกดัน “พระสนมเหมยรั้งตัวเซี่ยหลินไว้ งั้นก็ให้เขาอยู่ในวังต่อไปเถิด ตายไปแล้วก็ช่าง หรือฟั่นเฟือนไปแล้วก็ช่าง ดีที่สุดคือชั่วชีวิตนี้ไม่ต้องเจอเขาอีก”
ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงรู้สึกสงสารเซี่ยหลิน แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่หลานชายของนาง แน่นอนว่าความรักที่มีให้เขาก็ได้หมดลงไปด้วย นางจึงตอบกลับอย่างเย็นชา “พระสนมเหมยจะต้องส่งเขากลับมาแน่ ถึงเวลานั้นค่อยคิดหาวิธีส่งเขากลับไปบ้านเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ห้ามเจ้าฆ่าเขา ตอนนี้เจ้าจะทำให้หว่านเอ๋อสงสัยไม่ได้ หากนางรู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกของเจ้า ต่อไปภายภาคหน้าถึงแม้นางจะเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท นางก็จะไม่ช่วยเหลือเจ้า ”
“ลูกทราบดี” ดวงตาของเขาดูร้ายกาจและโหดร้าย “เรื่องหาภรรยาใหม่ ต้องรบกวนท่านแม่แล้ว”
“ถ้าเจ้าอยากมีครอบครัวที่สงบสุขในอนาคต เจ้าก็ไม่อาจปล่อยให้เซี่ยจื่ออันมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก ส่วนหยวนซื่อ เจ้าก็ลองหาวิธีจัดการเอาเอง ขับไล่ออกไปก็คงไม่ได้ ใช้กฎการหย่าทั้งเจ็ดมาใช้ขับไล่นางก็ไม่ได้ เพราะนางไม่ได้ทำผิดเลยสักข้อ หากว่าเจ้าหย่า คนอื่นเขาก็จะนินทาลับหลัง ตอนนี้จวนมหาเสนาบดีของเราเสื่อมเสียมากพออยู่แล้ว”
มหาบดีเซี่ยพยักหน้า “ท่านแม่พูดถูก ตอนนี้เซี่ยจื่ออันเกลียดข้าจนเข้ากระดูกดำ ปล่อยนางเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้านางอภิเษกสมรสกับผู้สำเร็จราชการด้วยความเกลียดชังเช่นนี้ หน้าที่การงานของข้าก็จะถูกขัดขวาง ข้าจะต้องหาทางกำจัดนางให้ได้ ”
“ลองคิดหาวิธีอื่นดู หากอยู่ในจวนแห่งนี้ ก็จะทำอะไรนางไม่ได้” ความเหนื่อยล้าได้ปรากฎบนใบหน้าที่ชาญฉลาดของนางเล็กน้อย นางแข็งแกร่งมาโดยตลอด เดิมทีคิดว่าการกำจัดเซี่ยจื่ออันเป็นแค่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงให้เฉินหลิงหลงจัดการเรื่องนี้ เป็นเพราะนางประเมินเฉินหลิงหลงสูงเกินไป ทั้งยังประเมินเซี่ยจื่ออันต่ำไปอีกด้วย
และเมื่อตอนนี้ที่จะต้องลงมือจัดการนางด้วยตนเอ งก็กลับพบว่าเซี่ยจื่ออันได้เข้มแข็งขึ้นมากแล้ว แม้กระทั่งนางเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
เรือนเซี่ยจื่อหย่วน
จื่ออันวินิจฉัยอาการของหยวนซื่อว่าเกิดจากการบาดเจ็บที่สมอง และลิ่มเลือดก็ได้ไปกดทับเส้นประสาทตา การฝังเข็มและการรมยามีประสิทธิภาพมากในการสลายเลือดที่คั่งอยู่
หยวนซื่อนอนอยู่บนเตียง จื่ออันจึงฝังเข็มให้นาง
แม่นมหยางที่มองอยู่ข้าง ๆ และเห็นว่าทั้งสองคนแม่ลูกดูเหมือนจะไม่พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้นางจึงเอ่ยถาม “ฮูหยิน ท่านคิดว่าเซี่ยหวายจุนจะขับไล่เซี่ยหว่านเอ๋อกับเฉินหลิงหลงออกไปหรือไม่เจ้าคะ?”
หยวนซื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่มีทาง!”
แม่นมหยางตกใจเล็กน้อย “ไม่มีทาง? นี่เป็นความอัปยศอย่างร้ายแรง เซี่ยหวายจุนจะอดทนได้เช่นไร?”
“จะไม่อดทนต่อความอัปยศอดสูนี้ก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาก็อดทนมาหลายปีแล้ว เขาจะไม่ยอมเสียเปรียบและทนทุกข์โดยเปล่าประโยชน์แน่นอน ตอนนี้เซี่ยหว่านเอ๋อจะได้อภิเษกกับองค์รัชทายาท เว้นเสียจากว่าฮองเฮาจะมีพระราชเสาวนีย์ออกมาให้ยกเลิกการอภิเษก ไม่อย่างนั้นเซี่ยหว่านเอ๋อก็ยังเป็นลูกสาวของเซี่ยหวายจุนอยู่ เขาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างไร้ยางอาย ดังนั้นเขาจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตัวเองเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน”