ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 275
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 275
พระสนมซุนโมโห มืออีกข้างหยิบถ้วยชาอีกใบบนโต๊ะ อยากจะทุบหัวของจื่ออัน แต่จื่ออันเผยดวงตาดุร้าย บีบคอนางอย่างรวดเร็ว “ท่านลองดูอีกครั้งสิ?”
พระสนมซุนคาดไม่ถึงว่านางจะกล้าทำถึงขนาดนี้ นางตกใจอยู่ครู่นึง แล้วความโกรธก็ปรากฏอยู่ในดวงตา
ในชั่วขณะนี้ มู่หรงเจี๋ยและหนี่หรงก็เดินเข้ามา
พระสนมซุนก็เปลี่ยนท่าทีหยิ่งผยอง เป็นท่าทางน่าสงสาร อ้อนวอน “ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย!”
มู่หรงเจี๋ยเร่งฝีเท้าเข้ามา ดวงตาแฝงความโกรธ เอ่ยเสียงดัง “ปล่อยมือ!”
เขาผลักจื่ออันออกไป จื่ออันโดนเขาออกแรงผลักจนยืนไม่มั่นคง เพียงนิดก็เกือบล้ม หลังจากที่ยืนได้มั่นคงแล้ว ดวงตาเย็นชาถอยกลับมาอีกก้าว ภายในใจเหน็บหนาว เขาถึงกลับปกป้องสนมรองของตน มิใช่หรือ? นางผู้หญิงชั่วนี้จะทำร้ายผู้หญิงของเขา เจ็บใจแล้วหล่ะสิ?
“ท่านอ๋อง…” พระสนมซุนดวงตาแดงก่ำ อยากจะโผเข้ามา มู่หรงเจี๋ยกลับหยิบถ้วยชาในมือของนาง แล้วเอ่ยอย่างโมโห “ปล่อยมือ ใครใช้ให้เจ้าจับถ้วยชาของข้า?”
เมื่อเขามองเห็นเศษแก้วแตกไปสามทิศบนพื้นแล้ว ใบหน้าก็เขียวคล้ำ หันกลับมาเอ่ยอย่างโมโห “พระสนมซุน เจ้าช่างบังอาจนัก”
หนี่หรงหันกลับมามองแวบนึง หน้าก็ค่อย ๆ เปลี่ยน “โอ้พระเจ้า นี้เป็นถ้วยหยกขาวคู่งามที่องค์จักรพรรคพระองค์ก่อนทรงประทานให้แก่ท่านอ๋อง กลับทำแตกไปแล้วหนึ่งใบ”
พระสนมซุนเมื่อได้ยินว่าเป็นของที่องค์จักรพรรคพระองค์ก่อนทรงประทานให้ ตกใจจนใบหน้าซีดขาว “ท่านองค์โปรดทรงระงับโทสะ ไม่ใช่หม่อมฉันที่ทำแตก เป็นนาง เป็นนาง…”
พระสนมซุนชี้ไปยังจื่ออัน เอ่ยโมโหเสียงดัง “ท่านอ๋อง เป็นนางที่ทำแตก”
มู่หรงเจี๋ยพูดอย่างโกรธเคือง “ไป ออกไป!”
พระสนมซุนเมื่อเห็นว่าพายุแห่งความโกรธในดวงตาเขามากยิ่งขึ้น จะกล้าพูดออกมาที่ไหนกัน ทำได้เพียงนำคนออกไป
พระสนมซุนออกไปแล้ว มู่หรงเจี๋ยมองทายังจื่ออัน “เจ้าโง่เกินไปแล้ว?”
จื่ออันตกใจอยู่ชั่วครู่ “มิใช่ข้าที่โยน เป็นนางที่โยนมา”
มู่หรงเจี๋ยโยนถ้วยชากลับไปบนโต๊ะ ถ้วยแตกแยกออกไม่กี่ครั้ง เพียงนิดก็ตกลงพื้น จื่ออันตกใจโผเข้าไปรับ โชคดีนักที่ไม่ตกลงมา แต่ก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลเปียกร่างนาง
คนผู้นี้ก็จริงเลย อารมณ์ทำไมถึงได้หงุดหงิดเยี่ยงนี้? ถ้วยทรงคุณค่าเยี่ยงนี้ ใยถึงได้โยนทิ้งบนโต๊ะเยี่ยงนั้น? หากแตกหักไปอีก ก็จะกลายเป็นว่าทั้งคู่ก็จะไม่มีแล้ว
หนี่หรงเก็บเศษชิ้นส่วนสามชิ้นนั้นของถ้วยชา “ช่างเป็นถ้วยที่ดียิ่งนัก กระหม่อนใช้เงินสิบอีแปะซื้อมา”
“…” จื่ออันถือถ้วยชานั้น ใบหน้านางเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ
มู่หรงเจี๋ยเลิกคิ้ว สูดลมหายใจ “ว่าเจ้าโง่ เจ้ายังไม่ยอมรับ?”
จื่ออันมองเขาอย่างโกรธเคือง “เป็นความผิดข้ารึ?”
ใครก็มิอาจรู้ได้ว่าที่เขาพูดนั้นจริงหรือเท็จ? เข้ามาก็ร้องตะโกนให้ปล่อยมือ นางในตอนนั้นกำลังบีบคอพระสนมซุนอยู่ ย่อมต้องคิดว่าหมายถึงนาง
และยังเป็นเขาที่เอ่ยว่าถ้วยใบนั้นเป็นองค์จักรพรรคพระองค์ก่อนทรงประทานให้ นางยิ่งไม่รู้ว่าเป็นหนี่หรงที่ใช้เงินสิบอีแปะซื้อมา “เงินก้อนโต” ซื้อมา ยังจะกล่าวหาว่านางโง่?
เขาหรี่ตา มองนางที่เปียกไปทั้งร่าง และยังมีหลังมือซ้ายที่มีรองรอยลวกแดง ดวงตาฉายแววโกรธขึ้งอีกครั้ง ตั้งแต่ถ้วยชาจนถึงกาน้ำชาหกรดใส่นางจนเป็นแผลพอง เขาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาส่ายหัวอย่างผิดหวัง “เจ้าเป็นซะอย่างนี้ ต่อให้มีสักสิบชีวิตก็ไม่พอใช้ในจวนอ๋อง ฉลาดขึ้นสักนิดได้ไหม?”
จื่ออันจะรู้ได้อย่างไรว่าจู่ ๆ พระสนมซุนผู้นี้จะเข้ามา?
แต่ที่เขาพูดมาก็ไม่ผิด นางใจอ่อนเกินไป
“ให้ใครก็ได้เอาเสื้อคลุมมา ไปหยิบยาน้ำร้อนลวกมา” มู่หรงเจี๋ยเองก็ขี้เกียจที่จะว่านางแล้ว จึงออกคำสั่งออกไป