ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 288
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 288
“เด็กรับใช้?” ซูชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เด็กรับใช้ก็มีอยู่หรอก เมื่อก่อนเคยเข้ามาเก็บกวาดที่นี่ครั้งหนึ่ง แต่เขาไม่พอใจเอาเสียมาก ๆ โมโหเสียใหญ่โต ตั้งแต่นั้นป็นต้นมา หนี่หรงกับข้าก็เป็นคนที่ทำความสะอาดที่นี่ เซียวท่าก็เคยทำความสะอาดที่นี่เช่นกัน แต่ว่าเจ้าอย่าไปคาดหวังอะไรกับเซียวท่ามากนัก ห้องของเขายังรกกว่าที่นี่เสียอีก”
“เซียวท่าไม่ยอมให้ผู้หญิงเข้าใกล้เลยงั้นหรือ?” จื่ออันคิดว่าบนโลกใบนี้มีคนแปลก ๆ เช่นนี้ด้วยหรือ? ในเมื่อเขาเป็นชายแท้ ก็ต้องเป็นฝ่ายรุกเข้าไปใกล้ชิดผู้หญิงก่อน และก็คงต้องชอบการที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเขาเช่นกัน
“เขาไม่เคยชอบเลย” ซูชิงดูพึงพอใจมาก “ดังนั้นเมื่อได้ออกไปข้างนอกกับพวกเขา แม้ว่าข้ากับหนี่หรงจะไม่ได้เนื้อหอมมาก แต่ก็มักจะได้ประสบการณ์มากมายกลับมาเสมอ”
คำพูดของเขามีเลศนัย และเขาก็ให้ความร่วมมือด้วยรอยยิ้ม จื่ออันรุ้สึกไม่สบอารมณ์ มองไปที่เขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
เมื่อทั้งสองคนดื่มสุราคนละหนึ่งจอกแล้วก็เริ่มลงมือปฏิบัติงาน
จื่ออันก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี “เขาไม่เคยปล่อยให้ผู้หญิงย่างกรายเข้ามาในห้องนี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
ซูชิงส่ายหัว “ไม่เคยเลย ขนาดโหรวเอ๋อยังเข้ามาไม่ได้ แต่สำหรับท่านคือข้อยกเว้น”
นางไม่ต้องการเป็นข้อยกเว้นที่แสนเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้!
“ใครคือโหรวเอ๋อ?” จื่ออันอยากรู้มาก หนี่หรงหยิบชุดให้นางสวมก่อนแล้วจึงบอกว่าชุดนี้เป็นของคุณหนูโหรวเอ๋อ ตอนนี้พอได้ยินที่ซูชิงพูดถึงนางผู้นี้ขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าสำหรับมู่หรงเจี๋ยแล้ว โหรวเอ๋อผู้นี้จะเป็นคนที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
“โหรวเอ๋อก็คือโหรวเอ๋อสิ!” ซูชิงหยิบเศษแจกันที่แตกอย่างระมัดระวัง แล้วโยนทิ้งลงในตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่ คนเดียวลากออกไปไม่ได้ ต้องใช้สองคนช่วยยก
เมื่อเห็นว่าเขาไม่บอก จื่ออันก็รู้สึกว่าคุณหนูโหรวเอ๋อผู้นี้ช่างดูลึกลับเสียจริง
ทั้งสองคนเก็บของในห้องมาได้หนึ่งชั่วยามแล้ว เหลือแค่การกวาดพื้นเท่านั้นที่เป็นขั้นตอนสุดท้าย
ซูชิงดัดเอวของเขา ชุดที่สวมใส่ชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัว “ไม่เอาแล้ว ข้าจะไม่กวาดพื้น ท่านกวาดก็แล้วกัน”
“อย่างไรเสียท่านก็เป็นถึงผู้ที่อยู่ในค่ายทหาร เหตุใดถึงทำเรื่องอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วถึงยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้เล่า?” จื่ออันรู้สึกว่าเขาก็แค่เกียจคร้านเฉย ๆ
“ไม่ได้ เดี๋ยวโรคเก่ากำเริบ” ใช่ เขาก็แค่ขี้เกียจ
จื่ออันเดินไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม หยิบกระเป๋าที่ใช้ใส่เข็มออกมา แล้วดึงเข็มเล่มที่ยาวที่สุดขึ้นมา “โรคเก่าหรือ? ข้าจะช่วยตรวจดูให้ท่านเอง”
ซูชิงมองไปที่เข็มที่มีความยาวเท่ากับนิ้ว เขาก็ถอนหายใจยาว และเดินคอตกออกไปหยิบไม้กวาดเข้ามา “คุณหนูใหญ่ท่านพักผ่อนไปเถิด เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เมื่อจื่ออันเก็บเข็มเข้าที่ดีแล้ว นางก็ออกไปนั่งบนขั้นบันไดหินตรงหน้าระเบียง ส่วนมู่หรงเจี๋ยก็กำลังฝึกเพลงดาบอยู่ในสนามหญ้า
ตอนที่ทำงานเป็นสายลับ นางรู้สึกว่าแม้ว่าในวันปกติสายลับจะเก็บตัวอย่างเงียบเชียบ แต่ว่าเมื่อต้องปฏิบัติภารกิจ พวกเขาก็จะเหี้ยมโหดกว่าใคร ๆ ฆ่าคนได้อย่างไม่กะพริบตา แม้จะถูกเลือดของศัตรูสาดกระเซ็นมาเปื้อนหน้าก็ตาม แต่ก็ยังต้องถือปืนเพื่อไปต่อ
มันเป็นการฆ่าที่ไร้ซึ่งความงาม มีแต่สู้สุดชีวิต ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ตายจะเป็นเราเองที่ต้องตาย
จะไม่พูดว่าท่าถือปืนสง่างามหรือไม่สง่างาม แต่จะดูเพียงความแม่นยำเท่านั้น ยิงไปที่ศีรษะของศัตรูนัดเดียว ตนเองถึงจะมีชีวิตรอด
ดังนั้นนางจึงเคยเกลียดการเข่นฆ่า การต่อสู้ และศิลปะการต่อสู้ เพราะไม่ว่าจะเป็นมวยปล้ำ หรือที่นางเรียนมาพวกเทควันโด และมวยไทย ทั้งหมดล้วนร้ายกาจมากเอาชนะด้วยความแข็งแกร่งและพละกำลัง
นางไม่เคยเห็นศิลปะการต่อสู้ที่สวยงาม และสง่างามเช่นนี้มาก่อน แน่นอนว่ายกเว้นในทีวี
เขาสวมเสื้อคลุมหลวม ๆ สีขาว แขนยาวเหยียด ถือดาบยาว กวัดแกว่งไปมา ปลายดาบชี้ออกไป ดูแล้วช่างสง่างามยิ่งนัก ท่วงท่าผ่าเผยดั่งสายรุ้ง ดูเหนือชั้นกว่าคนทั่วไป
ใบไม้รอบ ๆ ตัวถูกคมดาบของเขากวาดลงมา ราวกับเกล็ดหิมะสีเขียวที่ลอยอยู่กลางอากาศเป็นชั้น ๆ ร่างของเขาค่อย ๆ ลอยแล้วหมุน รัศมีของดาบปกคลุม ใบไม้ที่ร่วงหล่นก็หมุนอยู่รอบราวกับเป็นเข็มขัดสีเขียว ดูสวยงามสุดจะพรรณนา
นางเท้าคางแล้วมองเขาอย่างหลงใหล นี่คือสามีในอนาคตของนาง ไม่ว่าเขาจะรักหรือไม่ก็ตาม อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้รักใครอยู่แล้ว เป็นนางได้ก็ดี
ทันใดนั้น เขาก็ทำท่าจบ ถือดาบและยืนนิ่ง เขาหันหน้ามายกคิ้วเฉี่ยว ๆ ของเขาขึ้น และผุดรอยถากถางที่มุมปากของเขา “ดูเจ้าสิ โง่เสียจริง ช่างน่าไม่อาย”
ฉากเดิมที่งดงามยิ่ง ถูกทำลายลงในทันที
จื่ออันถอนตาออกจากเขา และยืนขึ้นด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก เมื่อครู่นี้นางไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ใครจะสนกันเล่า นางไม่สนหรอกนะ
นางกำลังจะเดินเข้าไปด้านในก็เห็นทหารองครักษ์สองนายช่วยพยุงหนี่หรงเข้ามา