ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 34
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 34
มู่หรงเจี๋ยตอบว่า “ต้นไทรอย่างนั้นเหรอ? ที่วังฉางเชิงมีอายุมาอย่างยาวนาน และยังคงมีสวนที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยต้นไทรอยู่ใกล้แหล่งน้ำจำนวนมาก”
จื่ออานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจมาก “จริงเหรอเพคะ? ที่นั่นดีมาก ๆ เพคะ ข้าอยากให้ท่านอ๋องช่วยพูดเกลี้ยกล่อมฮองเฮา ให้เคลื่อนย้ายฝ่าบาทองค์จักรพรรดิเหลียง ไปที่วังฉางเชิง และอาศัยเพียงแค่ชั่วคราวเพคะ นอกจากนี้ข้าอยากให้ที่ป่าต้นไทรตรงข้างแม่น้ำมีเตียงหนึ่งเตียง เพื่อให้องค์จักรพรรดิเหลียงได้นอนที่นั่นด้วยเพคะ”
“เพราะเหตุใด?” มู่หรงเจี๋ยไม่รู้ว่าควรเชื่อหรือไม่เชื่อนางดี และรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่พบนางแผนการรักษาของนางน่าเชื่อถือมาก แต่ตอนนี้ทั้งการแยกอากาศ ทั้งการเคลื่อนย้ายไปที่ป่าต้นไทรขนาดใหญ่ นี่ไม่ใช่การรักษาและนี่เป็นการทรมานให้รู้สึกเจ็บปวดมากกว่า
จื่ออานรู้สึกกังวลและร้อนใจเล็กน้อย ในยุคปัจจุบันไม่ว่าเธอจะตัดสินใจใช้แผนรักษาแบบใด จะไม่มีใครถามเหตุผลกับเธอ เพราะเธอคือ ความเชื่อมั่นของแผนการรักษานั้นเอง
แต่ที่นี่ เธอกลับดูต่ำต้อยด้อยค่าราวกับฝุ่นละออง เมื่อเธอตัดสินใจจะทำอะไร เธอจำเป็นต้องอธิบายเหตุผลให้กับคนใหญ่คนโตฟังทั้งหมด ซึ่งการต้องอธิบายทั้งหมดทำให้เสียเวลาไปมาก
“เพราะว่า” จื่ออานอธิบายอย่างอดทนและใจเย็นต่อว่า “ต้นไทรเป็นพืชที่เติบโตเร็ว โดยเฉพาะพืชที่อยู่ริมน้ำ ช่วงเวลาประมาณบ่ายสามถึงห้าโมงเย็น พืชจะสามารถปลดปล่อยออกซิเจนได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้พวกเราต้องเข้าไปอยู่ภายในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยออกซิเจนเพคะ”
เธอประมาณการอธิบาย และเตรียมคำพูดข้ออ้างเหตุผลต่าง ๆ เพื่ออธิบายอย่างช้า ๆ ไว้แล้ว เพราะว่าเธอต้องพูดอธิบายอย่างละเอียด เพื่อโน้มน้าวผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และหยวนพ่านให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มู่หรงเจี๋ยได้ฟังจื่ออานพูดแล้ว เขาก็ไม่มีคำถามอะไรอีก จึงพูดว่า “เจ้าและหยวนพ่านอยู่ที่นี่ และปรึกษาหารือกันเรื่องแผนการรักษาเสียเถอะ ส่วนข้าจะเข้าไปพูดคุยกับฮองเฮาเรื่องนี้ และจะจัดการส่งตัวองค์จักรพรรดิเหลียงตามไปที่นั่นเอง”
จื่ออานรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณมากจึงรีบตอบกลับว่า “ขอบพระทัยท่านอ๋อง เพคะ!”
มู่หรงเจี๋ยเหลือบมองดูเธอและพูดอย่างเย็นชาว่า “เซี่ยจื่ออาน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ” เมื่อพูดจบเขาก็หมุนตัวกลับไปเข้าข้างในวังทันที
ข้างในใจของจื่ออานรู้สึกเหมือนปล่อยวางก้อนหินที่หนักอึ้งลงได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเธอได้ต่อสู้กับฮองเฮา และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาอย่างหนักหน่วง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่ออกความคิดเห็นเรื่องการช่วยองค์จักรพรรดิเหลียงกับเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับองค์จักรพรรดิเหลียง ด้วยวิธีนี้เธอจึงไม่รู้สึกกังวล และไม่ต้องรู้สึกผิดใจกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในการช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเหลียง
แต่อย่างไรก็ตาม เธอไม่ใช่คนที่จะวางแผนการร้ายและหลอกลวงไปวัน ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์รู้สึกห่วงใย และเป็นกังวลจริง ๆ หรือแสร้งทำเป็นกังวลกันแน่ แต่ตอนนี้เธอทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น
เพียงหวังว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จะจำได้ว่าองค์จักรพรรดิเหลียง คือหลานชายของเขา และคิดว่าเป็นหนึ่งในครอบครัวเดียวกัน
เธอจัดการกับความรู้สึกภายในใจของเธอ และปรึกษาหารือเรื่องแผนการรักษากับหยวนพ่าน เมื่อหยวนพ่านได้ฟังสิ่งที่เธอพูดแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็ถามจื่ออานว่า “เจ้าจะทำการรักษาองค์จักรพรรดิเหลียงได้อย่างไร?”
จื่ออานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบกลับว่า “ตราบใดที่สามารถควบคุมการระบาดของเชื้อ และไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มได้ ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถทำการรักษาได้เจ้าค่ะ”
หยวนพ่านเงียบอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ตกลง ข้าเชื่อใจเจ้า ถึงแม้ว่าจะไม่มีเหตุผลเลยก็ตาม สิ่งที่เจ้าพูดทั้งหมดนั้นไร้สาระเกินไป แต่เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเหลียงให้ฟื้นคืนมาได้จริง ๆ ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหล่าขุนนางจะสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า และรับผิดชอบผลที่จะตามมาทั้งหมดไปพร้อมกับเจ้าด้วย”
จื่ออานรับรู้ถึงความไว้วางใจจากสิ่งที่หยวนพ่านพูดกับเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ต้องการความน่าเชื่อถืออะไรไปมากกว่านี้แล้ว ก่อนหน้านี้เธอต้องการแค่พูดโน้มน้าวใจ เพื่อให้เขาไม่เข้ามาแทรกแซงการรักษาให้มากที่สุด เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะสนับสนุนเธอเช่นนี้ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นทวีคูณ เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “ด้วยการสนับสนุนของทุกคน ข้าจะทำให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”
ไม่รู้ว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พูดโน้มน้าวฮองเฮาได้อย่างไร เมื่อเขาออกมาจากห้องโถงของวัง สีหน้าของเขาก็แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจน และเขาพูดสรุปว่า “เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม เราจะส่งองค์จักรพรรดิเหลียงไปที่นั่นทันที”