ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 39
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 39
มู่หรงเจี๋ยที่ได้ยินคำพูดของกุ้ยไท่เฟยก็ได้อธิบาย “เสด็จแม่ เซี่ยจื่ออานผู้นี้รู้ทักษะการฝังเข็ม นางเชี่ยวชาญมาก อาซินเพิ่งจะสลบไป โชคดีที่นางเข้าวังมาจะช่วยทำให้ฟื้น ลูกคิดว่าทักษะทางการแพทย์ของนางนั้น…”
เสียงไอของหวงไท่โฮ่วขัดจังหวะการพูดของมู่หรงเจี๋ย กุ้ยไท่เฟยกล่าวเสียงเข้มทันที “ไร้สาระ ทักษะทางการแพทย์ของสตรีนางหนึ่งจะยอดเยี่ยมกว่าของหมอหลวงได้อย่างไร? ไม่ต้องวุ่นวายแล้ว รีบส่งคนกลับไป อย่าปล่อยให้ตากลมอยู่ที่นี่”
จื่ออานเข้าใจได้ในทันทีว่า กุ้ยไท่เฟยไม่ได้ตำหนิผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ แต่นางกำลังปกป้องเขาอยู่ คนที่ไม่พอใจกับการย้ายองค์จักรพรรดิเหลียงมาที่นี่ก็คือ หวงไท่โฮ่ว นางไม่ยินยอมให้สตรีนางหนึ่งมาถวายการรักษาองค์จักรพรรดิเหลียง คิดว่าทักษะทางการแพทย์ของจื่ออานสู้หมอหลวงไม่ได้
กุ้ยไท่เฟยกังวลว่าบุตรชายของนางจะทำให้หวงไท่โฮ่วขุ่นเคืองพระทัย ดังนั้นจึงใช้ฐานะความเป็นแม่บังคับให้เขาส่งตัวองค์จักรพรรดิเหลียงกลับไป เพื่อหลีกเลี่ยงผลที่ตามมา
จื่ออานประเมินความซับซ้อนของสถานการณ์ในวังต่ำไปจริง ๆ ตอนแรกนางคิดว่าตราบใดที่ฮองเฮารับปากให้นางถวายการรักษาองค์จักรพรรดิเหลียงได้ ที่เหลือก็คือปัญหาด้านการรักษา นึกไม่ถึงว่าภายหลังฮองเฮาจะไม่เห็นด้วย กลับเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิที่ร่วมมือกับแผนของนางและคิดว่ามันเหมาะสม นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีหวงไท่โฮ่วเข้ามาขัดขวางอีก
นางเงยหน้าขึ้น และเห็นว่าใบหน้าที่แน่วแน่เด็ดเดี่ยวของมู่หรงเจี๋ยเต็มไปด้วยความมืดมน
มู่หรงเจี๋ยกล่าว “เพิ่งจะย้ายคนเข้ามา แล้วจะย้ายออกไปอีก เขาได้รับความลำบากมาเพียงพอแล้ว เซี่ยจื่ออานกล่าวว่า เขาจะฟื้นขึ้นในไม่ช้า รอสักครู่ พอเขาฟื้นค่อยตัดสินใจกันอีกครั้งเถิด”
กุ้ยไท่เฟยเหลือบมองสีพระพักตร์ของหวงไท่โฮ่ว พระนางทรงดูไม่พอพระทัยมาก ๆ แต่กลับไม่พูดอะไร เพียงนั่งอยู่หน้าเตียง ยื่นมือไปลูบหน้าองค์จักรพรรดิเหลียงเบา ๆ
กุ้ยไท่เฟยกล่าว “อย่ารอช้า รีบส่งตัวกลับไปโดยเร็ว เซี่ยจื่ออานบอกว่าจะฟื้นขึ้นมา แล้วหมอหลวงพูดว่าอย่างไร?”
พูดจบ นางก็มองไปที่หยวนพ่าน “องค์จักรพรรดิเหลียงจะฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้ใช่หรือไม่?”
หยวนพ่านลังเลเล็กน้อยแล้วจึงกล่าวตอบ “ทูลกุ้ยไท่เฟย องค์จักรพรรดิเหลียง ทรงสลบมาหนึ่งชั่วยามกว่า ๆ แล้ว อีกไม่นานก็น่าจะฟื้นขึ้นมาแล้ว พ่ะย่ะค่ะ”
อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ แต่เนื่องจากเขาได้สัญญากับจื่ออานไว้แล้วว่าจะให้ความร่วมมืออย่างสุดกำลัง ในตอนนี้จึงได้แต่พูดออกไปแบบนี้เท่านั้น
หวงไท่โฮ่วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วตรัสด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ในเมื่อท่านหยวนพ่านกล่าวเช่นนี้ ก็ให้รออีกสักชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย หลังจากเวลาผ่านไปแล้วยังไม่ฟื้นขึ้นมา ให้รีบส่งตัวกลับไปทันที”
จื่ออานแอบเป็นกังวล ใครจะบอกเวลาที่แน่นอนได้ว่าจะฟื้นตอนไหน? บางคนหลังจากอาการลมชักกำเริบหนัก ๆ ก็จะสลบไปหนึ่งวัน อาการก็แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล
หลังจากที่หวงไท่โฮ่วพูดจบ นางก็มองไปที่จื่ออาน “เจ้าคือ บุตรสาวของจวนมหาเสนาบดีที่ถอนหมั้นกับองค์จักรพรรดิเหลียง เซี่ยจืออานผู้นั้นหรือ?”
คำพูดนางฟังดูใจเย็น เหมือนว่านางไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกอันใด แต่พอจื่ออานเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นความชิงชังในดวงตาของนางได้อย่างชัดเจน
จื่ออานกล่าว”กราบทูลหวงไท่โฮ่ว หม่อมฉันคือ เซี่ยจื่ออานเพคะ”
“เจ้าไปเล่าเรียนมาจากผู้ใด?” หวงไท่โฮ่วกล่าวถามอีกครั้ง น้ำเสียงของนางดูไม่ค่อยพอใจนัก
ไม่เคยมีใครถามคำถามนี้มาก่อน และแม้แต่จื่ออานเองก็ไม่เคยคิดที่จะอธิบายคำถามนี้ด้วยซ้ำ
ขณะที่ตื่นตระหนกก็จำได้ว่าเคยเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่หยวนซื่อเก็บสะสมไว้ชื่อว่า ทักษะการฝังเข็มทอง หนังสือเล่มนี้เป็นฉบับที่เย็บเล่มเอาไว้ ผู้เขียนคือ เวินอี้ ในหนังสือเล่มนี้ยังมีการแนะนำตัวเวินอี้สั้น ๆ ไว้อีกด้วย แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด นางเป็นฮองเฮาของรัฐเหลียง แต่ว่าเสียชีวิตไปหรือยังนั้น จื่ออานก็ไม่รู้เหมือนกัน
จื่ออานกล่าวตอบ “หม่อมฉันเป็นผู้สืบทอดของเวินอี้ ผู้ซึ่งเป็นฮองเฮาของรัฐเหลียงเพคะ”
“เวินอี้?” ทันทีที่เสียงของจื่ออานเงียบลง ก็ได้ยินทุกคนร้องอุทาน แล้วมองมาที่นางด้วยความสงสัย
กุ้ยไท่เฟยกล่าวเสียงเข้ม “เจ้ากล้าบอกว่าเจ้าเป็นผู้สืบทอดของเวินอี้อย่างนั้นเหรอ? เวินอี้นางสวรรคตเป็นร้อย ๆ ปีมาแล้ว ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่กัน? บอกว่าเป็นผู้สืบทอดของเวินอี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ เจ้าคิดว่าวังหลวงเป็นสถานที่แบบไหนกัน? ใช่ที่ที่เจ้าจะมาโกหกหลอกลวงได้ตามความต้องการอย่างนั้นหรือ?”
จื่ออันตอบอย่างใจเย็น “ทูลกุ้ยไท่เฟย หม่อมฉันเพียงเรียนมาจากผู้สืบทอดของเวินอี้นะเพคะ หาได้บอกว่าเรียนมาจากเวินอี้ไม่”