ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 40
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 40
“อย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้ เวินอี้เป็นคนรัฐเหลียง ทักษะการฝังเข็มทองของนางถูกส่งต่อไปให้ท่านอ๋องอันหรานแห่งรัฐเหลียง หลังจากที่ท่านอ๋องได้รับทักษะการฝังเข็มทองแล้ว ก็ไม่พบผู้สืบทอดต่ออีกเลย หากเจ้าต้องการคุยโวก็ควรตรวจสอบให้ดี ก่อนที่จะพูดเรื่องไร้สาระ”
หลังจากที่กุ้ยไท่เฟยพูดจบ นางก็ตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าเข้ามานี่ นำตัวผู้หญิงที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้ไปโบยและขังไว้ในห้องลงทัณฑ์ รอฟังคำสั่ง”
เนื่องจากเป็นคำสั่งของกุ้ยไท่เฟย องครักษ์ในวังสองคนจึงก้าวไปข้างหน้าบิดแขนจื่ออาน กดตัวนางลงไปที่พื้น
จื่ออานรู้ว่าที่นี่มีเพียงคนเดียวที่เชื่อใจนาง คนผู้นั้นก็คือมู่หรงเจี๋ย ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เขาตรง ๆ และกล่าว “ท่านอ๋อง พระอาการขององค์จักรพรรดิเหลียงนั้นค่อนข้างจะสาหัสนัก ไม่ว่ายังไงก็ตามได้โปรดยืนกรานว่าจะไม่ย้ายพระองค์ไป ฝ่าบาทจำเป็นต้องอยู่ในที่ที่มีอากาศเพียงพอ”
มู่หรงเจี๋ยไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมองไปที่หวงไท่โฮ่ว
หวงไท่โฮ่วยกมือขึ้นเรียกมู่หรงเจี๋ย: “อาเจี๋ย สตรีนางนี้มีอุบายที่น่ากลัว เจ้าฉลาดเสมอมา ไม่น่าจะหลงเชื่อคำลวงของนาง”
มู่หรงเจี๋ยเงียบไปครู่หนึ่งและมองไปที่ฮองเฮา “ฮองเฮาเคยตรัสว่าจะให้ข้ากับเซี่ยจื่ออานหมั้นหมายกันจริงหรือไม่?”
จื่ออานสั่นไปทั้งตัว เขาหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อปกป้องนาง? อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่าในไม่ช้า เขาต้องแต่งงานกับนางอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพื่อองค์จักรพรรดิเหลียงแล้ว เขาถึงกับเสียสละชีวิตการสมรสตนเองเลยหรือ?
หลังจากได้ยินเช่นนี้ สีหน้ากุ้ยไท่เฟยก็เปลี่ยนไปทันที “อาเจี๋ย หุบปากซะ!”
มู่หรงเจี๋ยจ้องไปที่ฮองเฮา “ฮองเฮา ข้าเพียงถามท่านว่า จริงหรือไม่?”
ฮองเฮาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาของนางค่อนข้างจะดูประหลาดใจ อันที่จริงแล้ว นางยินดีมากที่จะให้เซี่ยจื่ออานกับมู่หรงเจี๋ยมั่นหมายกัน ด้วยวิธีการนี้ พระสนมของมู่หรงเจี๋ยจะเป็นเป็นบุตรสาวที่จวนมหาเสนาบดีเกลียดชังเข้ากระดูกดำ และเขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากจวนนั้น หรือได้รับการหนุนหลังจากทางครอบครัวของพระสนมให้มาต่อกรกับองค์รัชทายาทได้ นางเคยกล่าวถึงเรื่องการอภิเษกนี้มาก่อน แต่ถูกกุ้ยไท่เฟยปฏิเสธ หวงไท่โฮ่วก็ไม่ได้กล่าวอะไร นางคิดว่าคงต้องปล่อยเรื่องนี้ไป คาดไม่ถึงว่ามู่หรงเจี๋ยจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเสียเอง
กุ้ยไท่เฟยยังอยากจะพูดต่อ แต่มู่หรงเจี๋ยกลับหยุดนางไว้ และซักไซ้ฮองเฮาต่อไป “ฮองเฮาเคยกล่าวไว้ว่าการอภิเษกสมรสของข้านั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินของเสด็จแม่ หรือไม่ก็ฮองเฮา ข้าเพียงต้องการถามท่านหนึ่งประโยค ก่อนหน้านี้ที่ท่านกล่าวมานั้น ยังคงรักษาคำพูดอยู่หรือไม่?”
ฮองเฮากระแอมเบา ๆ แล้วกล่าว “ข้าเพียงกลัวว่าจะทำให้ท่านรู้สึกคับข้องใจ”
องค์รัชทายาทรีบกล่าว “เสด็จแม่ ในเมื่อเป็นความต้องการของเสด็จอา ก็ให้เสด็จอาแต่งกับนางเสียเถิด”
ฮองเฮามองไปที่หวงไท่โฮ่ว แสดงสีหน้าเหมือนตัดสินใจไม่ได้ “เสด็จแม่ เรื่องนี้ท่านคิดเห็น…”
หวงไท่โฮ่วกล่าวอย่างเฉยเมย “ในเมื่อเป็นความต้องการของอาเจี๋ย เซี่ยจื่ออานก็มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง จะมีสิ่งใดไม่เหมาะสมเล่า? จะว่าไป ปีนี้อาเจี๋ยก็อายุยี่สิบห้าปีแล้ว ควรจะอภิเษกได้เสียที”
กุ้ยไท่เฟยหน้าซีดเผือด นางกล่าวเสียงค่อย “ท่านพี่!”
หวงไท่โฮ่วมองไปที่นางและกล่าวเบา ๆ “น้องพี่เจ้าตั้งหน้าตั้งตารอการอภิเษกของอาเจี๋ยมาโดยตลอด ตอนนี้เรื่องดี ๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว เจ้าไม่มีความสุขหรือ? หรือเจ้าคิดว่าการตัดสินใจของพี่มันไม่เหมาะสม?”
กุ้ยไท่เฟยส่ายหัว ใบหน้ายังคงซีดเซียว “น้องไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นก็ดีแล้ว” หวงไท่โฮ่วมองไปที่จื่ออาน “เนื่องจากเจ้าเป็นว่าที่พระสนมของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ อย่างนั้นเจ้าก็ลงไปพักผ่อนก่อน แล้วค่อยให้คนส่งตัวเจ้ากลับจวน”
จื่ออานถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางรู้ว่าเมื่อถูกโบยแล้วถูกนำตัวไปคุมขังในห้องลงทัณฑ์แล้ว ชีวิตของตนเองก็คงต้องจบสิ้นเป็นแน่ มู่หรงเจี๋ยคือคนที่ช่วยชีวิตนางไว้
นางมองดูมู่หรงเจี๋ยด้วยดวงตาที่ดูซับซ้อน แม้ว่าในใจจะรู้สึกขอบคุณ แต่ว่านางก็รู้สึกว่าตนเองได้ตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่าเดิม
องครักษ์เชิญนางให้ออกไป นางหันหลังกลับ เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินหยวนพ่านตะโกนเสียงดัง “ฝ่าบาทฟื้นแล้ว”