ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 56
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 56
กุ้ยไท่เฟยโกรธมากถึงกับกำหมัดแน่น ไม่ได้ ให้เขาอภิเษกสมรสกับเซี่ยจื่ออานไม่ได้
ดวงตาของกุ้ยไท่เฟยฉายแววของความชั่วร้ายออกมา เซี่ยจื่ออานนางจะต้องตาย และจะต้องตายต่อหน้าพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิเหลียงด้วย
หนี่หรงติดตามเขาไป เขามีความกังวลเล็กน้อยจึงถามมู่หรงเจี๋ย “ท่านอ๋อง ท่านเชื่อใจในตัวเซี่ยจื่ออานจริง ๆ หรือ?
สีหน้าของมู่หรงเจี๋ยก่อนหน้านี้ที่แลดูอารมณ์ดีแปรเปลี่ยนเป็นมืดหม่น “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าต้องคอยจับตาดูเซี่ยจื่ออานอย่างใกล้ชิด อย่าให้ใครแตะต้องนางได้”
หนี่หรงตกตะลึง แต่ก็เข้าใจได้ในทันที “ท่านอ๋องโปรดวางใจ บ่าวเข้าใจแล้ว”
มู่หรงเจี๋ยกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก วันนี้เขาปฏิเสธการคัดค้านของทุกคน ให้เซี่ยจื่ออานรักษา ไม่ใช่ว่าเขามั่นใจในตัวนางมากนัก แต่เขารู้ว่าหมอหลวงหมดหนทางรักษาอาซินแล้ว เขาไม่สามารถมองดูอาซิน จากไปโดยที่ไม่ช่วยเหลืออะไรเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความหวังจะริบหรี่เพียงใด เขาจะไม่หมดความหวัง
เซี่ยจื่ออาน เจ้าจะต้องรักษาอาซินให้ดีที่สุด มิเช่นนั้น ข้าจะไม่ละเว้นเจ้าแน่
มู่หรงเจี๋ยไม่ได้นอนหลับที่พระตำหนักฉางเชิง แต่เขาคอยสังเกตพระอาการขององค์จักรพรรดิเหลียง ร่วมกับหมอหลวงอยู่เคียงข้างพระองค์อย่างใกล้ชิด
จื่ออานหลับจนถึงยามจื่อก็ตื่นขึ้นมา ผมยาวของนางไม่ได้ม้วนขึ้น ยาวลงมาประไหล่ นางสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมๆ ทำให้เอวของนางดูบางยิ่งกว่าเดิม
เจ้าของร่างผอมมาก และนางยังไม่โตเต็มที่เสียด้วยซ้ำ จื่ออานรู้สึกว่าร่างนี้ยังสามารถสูงขึ้นได้อีก ขอแค่ได้รับสารอาหารเพียงพอ
เมื่อจื่ออานมาถึง นางก็ขอให้หมอหลวงกลับไปพักผ่อนก่อน
หมอหลวงไม่กล้ากลับไป เพราะผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิสั่งให้ผลัดเปลี่ยนเวรยามกันปฏิบัติหน้าที่
อย่างไรก็ตาม เมื่อมู่หรงเจี๋ยได้ยินคำพูดของจื่ออาน เขาก็บอกกับหมอหลวงสองคนที่เฝ้าสังเกตพระอาการในคืนนี้ว่า “พวกเจ้ากลับไปกันก่อน ถ้ามีเรื่องอะไร ข้าจะเรียกตัวพวกเจ้ามาเอง”
เมื่อหมอหลวงได้ยินคำพูดของมู่หรงเจี๋ย พวกเขาก็ลุกขึ้นออกไป
มีองครักษ์และพวกข้าหลวงรับใช้ยืนอยู่ไกล ๆ ขณะที่หนี่หรงรออยู่ด้านนอก เขาค่อนข้างที่จะระแวดระวังตัว
สายลมยามค่ำคืน ช่างสดชื่นและเย็นสบายยิ่งนัก จื่ออานสระผมแล้ว แต่ผมยังไม่แห้ง นางใช้ประโยชน์จากสายลมยามค่ำคืนยกผมขึ้นเล็กน้อย ผมที่ยาวราวน้ำตก เข้ากันได้ดีกับใบหน้าที่สวยหมดจดของนาง ช่างเป็นความงดงามที่ไม่อาจพรรณนาออกมาได้
มู่หรงเจี๋ยที่มองไปยังนาง ก็เบี่ยงสายตามองไปทางอื่น
จื่ออานตระหนักดีว่าการกระทำนี้ค่อนข้างจะไม่สุภาพ อยู่ในยุคนี้ มีเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากมาย
นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ใช้มันมัดผม แล้วเดินไปหามู่หรงเจี๋ยพร้อมกล่าว “ท่านอ๋อง ท่านเองก็เหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”
มู่หรงเจี๋ยที่ในมือถือถ้วยชาอยู่ กล่าวอย่างแผ่วเบา: “ข้าต้องการอยู่ที่นี่เพื่อทำจิตใจให้สงบ”
จื่ออานนั่งลงบนขั้นบันไดหินของศาลา เอื้อมมือไปดึงชายกระโปรงลงมาเล็กน้อย และไม่พูดอะไร
มู่หรงเจี๋ยหันไปมองนาง “เจ้าคือผู้สืบทอดของเวินอี้จริง ๆ หรือ?”
จื่ออานหัวเราะแล้วหัวเราะอีก “ไม่จริง!”
มู่หรงเจี๋ยตกใจ “เจ้าใจกล้ามาก”
จื่ออานมองไปที่เขาและพูดอย่างกล้าหาญ: “ท่านอ๋อง ข้าไม่ได้มีภูมิหลังอะไรเช่นนั้น ทักษะทางการแพทย์ล้วนเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่คำพูดเหล่านี้ สามารถบอกกับท่านอ๋องได้ แต่กับผู้อื่นกลับไม่อาจบอกกล่าว มิเช่นนั้น ข้าก็ไม่อาจอยู่ที่นี่เพื่อรักษาองค์จักรพรรดิเหลียงต่อไปได้”
มู่หรงเจี๋ยถอนหายใจแรง เงยใบหน้าที่หล่อเหลาขึ้นมา คางที่โค้งมนของเขาแลดูเย่อหยิ่งเล็กน้อย “แน่นอนว่าคำโกหกของเจ้าจะทำให้คนอื่นคิดว่าเจ้าไม่น่าเชื่อถือ เจ้าอวดอ้างว่าเป็นผู้สืบทอดของเวินอี้ คนอื่น ๆ ที่ได้ยินก็ย่อมจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง”