ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 71
ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 71
หลิงหลงฟูเหรินคลานเข่าไปข้างหน้า ร่ำไห้เสียงดัง “องค์ไทเฮาช่างหลักแหลม อันที่จริงแล้วจื่ออานเป็นผู้บริสุทธิ์ นางถูกมารดาผู้ให้กำเนิดหลอกใช้ ขอให้องค์ไทเฮาได้โปรดเห็นแก่ที่นางยังอ่อนเยาว์และโง่เขลา ให้อภัยนางด้วยเถิดเพคะ ถ้าจะมีใครต้องรับผิดชอบ ก็ให้หม่อมฉันแบกรับความผิดทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียวเถิดเพคะ”
หวงไท่โฮ่วมองไปที่หลิงหลงฟูเหริน นางรู้สึกไม่ยินยอมในตอนแรก
นางอยู่ในวังหลังมาหลายปี เคยเห็นการต่อสู้ระหว่างพวกนางสนมมาทุกรูปแบบ แต่ถือว่านางยังโชคดี ที่ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของนางได้เพราะจักรพรรดิองค์ก่อนให้เกียรตินางเป็นอย่างมากแม้แต่พวกนางสนมเองก็ไม่กล้าต่อกรกับนาง ดังนั้นนางก็ได้แต่เฝ้าดูการต่อสู้ด้วยสายตาที่เย็นชา
นางรู้สึกว่าระหว่างหลิงหลงฟูเหรินกับหยวนซื่อไม่ได้จัดการง่ายดายเช่นนั้น แน่นอนว่า เพราะนางก็ไม่ได้ประทับใจอะไรต่อหยวนซื่อ ดังนั้นนางจึงเชื่ออาการที่หลิงหลงฟูเหรินแสดงออกว่าเศร้าเสียใจอยู่บ้าง
นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตรัสกับซุนกงกง “เจ้าไปตามฮองเฮามาที่นี่ นางเป็นพระมารดาขององค์จักรพรรดิเหลียง ข้าต้องถามนางว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร”
ก่อนหน้านี้หวงไท่โฮ่วไม่เคยคิดที่จะไปไล่เบี้ยถามหาความรับผิดชอบจากจวนมหาเสนาบดีเด็ดขาด เรื่องนี้มันน่าอายมากพออยู่แล้ว เพื่อที่จะระงับข่าวลือจากภายนอก เป็นการดีที่สุดถ้าจะไม่ทำอะไรเลย
ดังนั้น แผนแรกที่วางไว้ คือการลงโทษเซี่ยจื่ออานก็ปล่อยผ่านไปเถิด ทว่าตอนนี้เซี่ยจื่ออานได้ถวายการรักษาองค์จักรพรรดิเหลียง ถึงนางจะไว้วางใจจื่ออานมากเพียงใดก็ไม่ทันแล้ว จะต้องจัดการเช่นไร?
พระสนมเหมยที่ฟังคำสั่งหวงไท่โฮ่ว นางกับมหาเสนาบดีเซี่ยต่างมองตากัน
มหาเสนาบดีเซี่ยเหลือบมองไปยังหลิงหลงฟูเหริน นางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา และแสร้งทำเป็นเศร้าเสียใจอีกครั้ง
เดิมทีฮองเฮารู้สึกกระวนกระวายใจมาก และเมื่อได้ยินซุนกงกงที่มาส่งข่าวบอกว่า มหาเสนาบดีเซี่ยมาขออภัยโทษต่อหน้าพระพักตร์หวงไท่โฮ่ว ใบหน้านางก็ยิ่งแลดูเย็นชาขึ้น พลางกล่าวอย่างเคืองโกรธ “ข้าไม่ไต่สวนเรื่องนี้แล้ว เขาช่างอยากถวายหัวเสียจริง นี่มันยังไงกัน? ต้องการให้ข้าตัดหัวเขาจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
ซุนกงกงกล่าวอย่างแผ่วเบา “ฮองเฮา ได้โปรดระงับโทสะ แล้วเสด็จไปที่นั่นก่อน พระสนมเหมยกับมหาเสนาบดีเซี่ยต่างกล่าวว่า เรื่องการถอนหมั้น เป็นเพราะหยวนซื่อยุยงพ่ะย่ะค่ะ”
จื่ออานที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ริมฝีปากเธอก็ผุดรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา เป็นอย่างที่คาดไว้ พวกเขาเข้าวังมา เพื่อแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เพียงแต่จะทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเลยได้งั้นเหรอ?
ฮองเฮาได้ยินคำพูดของซุนกงกงแล้วก็เงยหน้าขึ้น มองไปยังจื่ออานแล้วกล่าว “จื่ออาน เจ้ามานี่”
จื่ออานส่งต่อการรมยาให้หยวนพ่าน และเดินไปหาตามรับสั่ง “ฮองเฮาจะรับสั่งสิ่งใดกับหม่อมฉันหรือเพคะ?”
ฮองเฮามองมาที่นางและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องการถอนหมั้น ท้ายที่สุดก็ถึงคราต้องสะสาง ข้าไม่ตำหนิและลงโทษเจ้า องค์จักรพรรดิเหลียงก็ให้อภัยเจ้าเช่นกัน แต่จงเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบให้ข้าฟัง”
ฮองเฮารู้เรื่องราวพวกนี้เป็นอย่างดี จื่ออานเคยพูดให้ฟังมาบ้างแล้ว แต่ว่านางจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อที่จะได้ตอบโต้กับพระสนมเหมยและมหาเสนาบดีเซี่ยได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจให้มหาเสนาบดีเซี่ยกับพระสนมเหมย ดึงเซี่ยจื่ออานมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อีกครั้ง อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่ในตอนนี้
“ฮองเฮา เหตุใดถึงได้พูดถึงเรื่องนี้ในเวลานี้เพคะ? เวลานี้ในใจของหม่อมฉันคิดถึงแต่เรื่อง…”
ฮองเฮาพูดขัดขึ้นมา “ข้ารู้ว่าในตอนนี้เจ้าคิดถึงแต่เรื่องการถวายการรักษาองค์จักรพรรดิเหลียง แต่ว่ามีคนที่ไม่ปล่อยให้เจ้าหมดความกังวล เจ้าจึงต้องตอบคำถามมา”
จื่ออานเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปที่มู่หรงเจี๋ยโดยที่ไม่รู้ตัว เขานั่งไขว้ขาด้วยท่วงท่าที่ดูสบายไร้กังวลอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงพูดคุยกับองค์จักรพรรดิเหลียงอยู่
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่ไม่รู้ว่าทำไม จื่ออานถึงคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับเขา
เมื่อเห็น จื่ออานที่มองมา เขาก็เอียงศีรษะมองไปยังนาง ท่าทางของเขาดูไร้เดียงสามาก ทว่าบนใบหน้าที่หล่อเหล่าของเขานั้นยังมีความทะเล้นปะปนอยู่
จื่ออานก้มศีรษะลง ยับยั้งปลายหอกของเขาที่พุ่งมา หากผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิเป็นคนจัดฉากขึ้นมา อย่างนั้นละครฉากนี้ต้องไม่ง่ายดายเป็นแน่ ดีมาก เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะรอนางกลับจวนไปก่อนแล้วค่อยลงมือ ในเมื่อพวกเขาไม่รอ งั้นก็มาต่อสู้กันในวังสักยกเถิด
ในขณะที่จื่ออานกำลังจะตอบฮองเฮากลับไป ทันใดนั้นมู่หรงเจี๋ยก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “จริงสิ ตอนที่ข้ากำลังจะเข้าวังมา ก็ได้ยินคนภายนอกบอกว่าเซี่ยจื่ออานถูกโบยและถูกคุมขังไว้ในห้องลงทัณฑ์เพราะเรื่องการถอนหมั้น ไม่รู้ว่ามหาเสนาบดีเซี่ยมาด้วยเรื่องนี้หรือไม่?”
สีหน้าของฮองเฮาเปลี่ยนไป “อะไรนะ? ใครกันช่างพูดจาเหลวไหล?”