ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 239 คนดี เจ้าอยู่ให้ห่างจากเขาหน่อย
คำพูดนี้ของเหยียนหยุนทุกคนต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน
ถึงขนาดสังหารพี่น้องภายในวังของแคว้นอื่น องค์หญิงแคว้นเหยียนผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
นางฆ่าพี่ชายแล้วยังกล้าโยนความผิดมาให้ฮ่องเต้ของพวกเขา ฝ่าบาทพระองค์ทรงถึงคราวเผชิญเคราะห์หนักแปดชาติจริงๆ ถึงได้ต้องมาประสบเหตุเช่นนี้!
คราวนี้ท่านหัวหน้าราชองครักษ์และใต้เท้าอวี้ซื่อต่างก็เข้ามาแล้ว
ทั้งสองต่างก็แยกย้ายกันเข้ามายืนอยู่ด้านข้างของจีเฉวียน พอได้รับสัญญาณจากพระเนตรของฮ่องเต้ เหล่าราชองครักษ์ก็เข้ามาจับตัวเหยียนเฉียวหลัว
ข้อมือของนางหักไปแล้ว ทั้งยังโดนเหยียนหยุนตวาดไปครั้งหนึ่ง คนตอนนี้จึงมึนงงไปหมดแล้ว
พอได้สติขึ้นมานางก็คิดจะขัดขืน แต่กลับเห็นตู๋กูเจวี๋ยเดินมาที่ด้านข้าง “องค์หญิงแคว้นเหยียน ท่านรู้จักคำพูดที่ว่า ทำชั่วได้ชั่ว [1] หรือไม่? ดูท่านสิ ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? วันๆ เอาแต่ก่อเรื่องไม่มีเว้น นี่มิใช่ว่าก่อเรื่องจนหาความตายให้ตนเองหรือไง ขนาดฮ่องเต้ของพวกเราก็ยังกล้าใส่ไคล้ บรรพบุรุษของท่านมิต้องโกรธจนกระโดดออกจากหลุมมาเอาชีวิตของท่านหรือไง?”
เหยียนเฉียวหลัวพูดอะไรไม่ออก ไอ้ตัวแสบนี่ เมื่อครู่ตอนที่นางข่มขู่จีเฉวียน ไม่เห็นมันออกมาพูดอะไรสักคำ พอเห็นเรื่องราวคลี่คลายลงเท่านั้นละ ก็รีบโดดเข้ามาเหยียบนางในทันที ไอ้คนไร้ยางอาย
นางกัดฟันกรอด ส่งสายตาอาฆาตให้กับตู๋กูเจวี๋ย แล้วหันกลับมามองค้อนเหยียนหยุนอีกครั้ง สุดท้ายค่อยเหลือบไปมองดูนางกำนัลตัวน้อยใบหน้ากลมๆ ที่อยู่ข้างกายเขา
นางกับตู๋กูซิงหลันต่างก็มีวิชาอาคมเหมือนกัน
ในวังหลวงของแคว้นต้าโจว ถึงกับมีคนที่รู้วิชาอาคมมากขนาดนี้เชียว?
หากมิใช่เพราะว่ามีนังนั่นโผล่ออกมาอย่างกระทันหัน วันนี้นางก็คงจะได้เป็นสตรีของจีเฉวียนสมใจไปแล้ว
นางขมวดคิ้วมุ่น จดจำนางกำนัลหน้ากลมผู้นั้นเอาไว้ในสมองอย่างแม่นยำ
เหล่าราชองครักษ์ควบคุมตัวเหยียนเฉียวหลัวออกไป
ภายในตำหนักเย็น ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมายังเหยียนหยุนและตู๋กูซิงหลันที่ยืนอยู่เคียงข้างกัน
ดวงตาหงส์ทั้งคู่แฝงแววอันตรายอย่างเต็มเปี่ยม
ไม่รอให้เขาทันได้เอ่ยปาก ก็เห็นเหยียนหยุนหอบเอาสังขารที่เจ็บหนักและปวดร้าวเข้ามาคำนับเขา “ฝ่าบาท เฉียวหลัวก่อเรื่องเช่นนี้ ถือว่ามีโทษสมควรตาย ฝ่าบาทจะตัดสินเช่นไรก็แล้วแต่พระองค์จะเห็นสมควร”
ด้านพระบิดาเมื่อทรงทราบเรื่องที่นางก่อขึ้น คิดว่าก็คงจะมิได้ให้อภัยโดยง่ายเช่นกัน
อย่าว่าแต่ดินแดนสามเหลี่ยมเหยียนตงเลย เกรงว่าแม้แต่แก้วแหวนเงินทองก็คงไม่เอามาไถ่ถอนบุตรสาวเช่นนี้กลับไปเป็นแน่
จากนั้นก็ได้ยินเหยียนหยุนกล่าวอีกว่า “ชีวิตนี้ของข้าเป็นเพราะได้บารมีของฝ่าบาทคุ้มครองจึงเก็บกลับมาได้ ฝ่าบาททรงต้องการดินแดนสามเหลี่ยมเหยียนตง พวกเราก็จะมอบออกไป”
วิธีการยอมถอยก้าวหนึ่งเช่นนี้ ทำให้สายตาของคนทั้งหลายเป็นประกายขึ้นมา
ทุกคนต่างรู้ว่า องค์รัชทายาทผู้นี้ยามอยู่ในแคว้นตนเองถือดีขนาดไหน ตอนนี้เขาเก็บชีวิตกลับมาได้ครั้งหนึ่งก็รู้จักผ่อนปรนบ้างแล้ว?
ดินแดนสามเหลี่ยมเหยียนตงที่ได้รับมาโดยง่ายดายเช่นนี้ ทำเอาพวกเขารู้สึกว่าคล้ายกับฝันไป
ยังคงเป็นฮ่องเต้ที่รักษาความสงบนิ่งเอาไว้ ตั้งแต่ต้นจนจบสีพระพักตร์ก็เย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็ง แม้ผู้อื่นยอมถอยให้ก็มิได้แสดงความตื่นเต้นยินดีออกมา
โดยเฉพาะยามนี้ สายพระเนตรของฝ่าบาทคล้ายจะทอประกายลึกล้ำกว่าเดิม
คงเพราะรัชทายาทเหยียนพึ่งจะคืนชีพขี้นมาหยกๆ สายพระเนตรบอดจึงไม่รู้จักอ่านสีหน้าผู้คน เขาถึงได้กล่าวเสริมขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง “เพียงแต่ว่าข้ามีข้อแม้ข้อหนึ่ง”
ว่าแล้ว ก็มองไปยังนางกำนัลตัวน้อยใบหน้ากลมๆ ข้างๆ กาย หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาก็เต้นตึกตักๆ ราวกับจะกระโดดขึ้นมาอีกครั้ง “ขอเพียงฝ่าบาทประทานนางกำนัลน้อยผู้นี้ให้กับข้า ดินแดนสามเหลี่ยมเหยียนตงก็จะเป็นของท่าน เรื่องพิพาทระหว่างต้าเหยียนของข้าและต้าโจวของท่านก็ขอให้จบลงเพียงเท่านี้ เป็นอย่างไร?”
ตู๋กูซิงหลัน “……..” นางไม่ควรจะช่วยชีวิตรัชทายาทสุนัขผู้นี้เลย
พอเหยียนหยุนกล่าวออกมา สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ยังไม่ทันเปลี่ยน ก็เห็นตู๋กูเจวี๋ยหน้าถอดสีไปก่อนแล้ว
“พูดอีกทีสิ เจ้าต้องการใคร?” เขาร้องเสียงสูง ถามออกไปตรงๆ ทันที ทำเอาเหยียนหยุนงงงันไปเล็กน้อย
เขาก็แค่ต้องการนางกำนัลเล็กๆ ผู้หนึ่ง มีปัญหาอะไรหรือ?
สามเหลี่ยมเหยียนตงของพวกเขา คงไม่อาจให้เปล่าได้กระมัง?
ขอแค่นางกำนัลเล็กๆ ผู้หนึ่งเป็นการแลกเปลี่ยน แคว้นต้าโจวก็ได้กำไรออกจะตายใช่ไหม?
หลี่กงกงเหลือบตามองดูรัชทายาทแคว้นเหยียนแวบหนึ่ง ในใจก็จุดประกายไฟใส่คนผู้นี้ขึ้นมา
จะเอาใครไม่ว่า เจ้าคิดจะเอาไทเฮาน้อย?
ไม่รู้หรือว่านั่นคือชีวิตจิตใจของฮ่องเต้พวกเรา? อย่าว่าแต่เป็นสามเหลี่ยมเหยียนตง ต่อให้เจ้ามอบแผ่นดินแคว้นเหยียนมาครึ่งหนึ่ง ดูสิว่าฮ่องเต้ของพวกเราจะเหลียวแลบ้างหรือไม่?
จีเฉวียนที่ประทับนั่งอยู่บนเก้าอี้มาตลอดยามนี้ก็ยืนขึ้นมาแล้ว
เพียงสาวพระบาทไม่กี่ครั้งพระองค์ก็ก้าวมาถึงเหยียนหยุนและตู๋กูซิงหลัน พระหัตถ์ข้างหนึ่งคว้าตู๋กูซิงหลันมาไว้ในอ้อมอก ดวงเนตรหงส์คู่นั้นจดจ้องเหยียนหยุนจนวิญญาณแทบจะถอดออกจากร่าง “ตอนที่เจ้าบอกกับเหยียนเฉียวหลัวว่าตำหนักตี้หัวมีคนโปรดคนใหม่ คือใครนั้นในใจเจ้าไม่ได้คิดคำนวณไว้บ้างหรือ?”
อุ้งมือใหญ่โตของเขาโอบเอวของตู๋กูซิงหลันเอาไว้อย่างแนบแน่น ร่างของคนทั้งสองแทบจะชิดติดกัน
เหยียนหยุนตะลึงไปครู่ใหญ่ สักพักหนึ่งเขาถึงได้มีปฏิกริยาขึ้นมา ที่แท้นับตั้งแต่ที่เขาเหยียบเข้ามาในวังหลวง ก็ตกอยู่ภายใต้การจับตาของจีเฉวียนมาโดยตลอด
กระทั่งคำที่ตนเองพูดกับเหยียนเฉียวหลัว เขาก็ยังรู้อย่างชัดเจน
เขาเป็นเหมือนกับเจ้าของงานเลี้ยง ที่มองดูพวกเขาออกมาแสดง แถมการแสดงที่น่าอดสูของพวกเขาก็ยังทำให้บันเทิงไม่น้อย
เพียงแต่จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า คนโปรดคนใหม่ในตำหนักตี้หัวที่แท้ก็คือ….นางกำนัลตัวน้อยที่ทั้งงดงามและน่ารักผู้นี้?
คนอื่นๆ ยิ่งนิ่งตะลึงไป มองดูเผินๆ นางกำนัลตัวน้อยผู้นี้และไทเฮามีหน้าตาคล้ายกันมาก แต่ว่ารูปร่างผิดกันลิบลับเกินไปแล้ว
แค่เพียงไม่กี่วันไทเฮาน้อยจะทรงอวบอ้วนขึ้นมาถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
จะต้องเป็นเพราะว่าฝ่าบาททรงหาสตรีที่คล้ายคลึงกับไทเฮามาคนหนึ่งเพื่อเป็นคนโปรดคนใหม่ สิ่งเหล่านี้บอกอะไรบ้าง?
ซูหวงกุ้ยเฟยพึ่งจะทรงครรภ์ได้ไม่นาน ฝ่าบาทไม่อาจแตะต้องนาง จึงหาคนโปรดคนใหม่เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้
แต่ว่าทำไมถึงต้องหาคนที่คล้ายคลึงกับไทเฮาน้อยขนาดนี้ด้วย?
หรือว่าที่จริงแล้วเรื่องราวมิได้เป็นไปตามข่าวลือที่ว่าไทเฮาน้อยอกหักจากฝ่าบาทความรักไม่เกิดผล…..
ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดไทเฮาน้อยเช่นกัน เพียงแต่ด้วยฐานะที่แตกต่าง จึงไม่อาจอยู่ร่วมกับนางได้ ดังนั้นถึงได้หาตัวแทนขึ้นมา
ว่ากันตามจริง ตัวแทนที่ขาวๆ อ้วนๆ นี้ดูแล้วก็น่ารักกว่าไทเฮาน้อยมากมายนัก
“เหยียนหยุน เก็บชีวิตกลับมาได้ก็จงสำรวมให้มากหน่อย” จีเฉวียนยังทรงประกบตัวแทนผู้นั้นเอาไว้แนบแน่น ราวกับเป็นเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น “คนโปรดคนใหม่ของเรา คือสตรีที่เจ้าไม่อาจแตะต้องได้ไปทั้งชาติ”
ตรัสแล้ว พระองค์ก็ไม่ทรงลืมที่จะจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากของนาง “คนดี ต่อไปอยู่ให้ห่างจากรัชทายาทผู้นี้สักหน่อย เขาไม่ใช่คนดีอะไร”
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกคล้ายกับว่าบนหน้าผากติดไฟได้ขึ้นมา นางอยากจะกระโดดถอยออกไปทีเดียวสามก้าว แต่ติดที่ว่าถูกเขากอดเอาไว้ทั้งตัว จนหมดหนทางจะหลบหนี
จีเฉวียนทำเอานางจั๊กจี้ไปทั้งตัวแล้ว ขอตัดคำว่าเด็กดีอะไรนั่นทิ้งจะได้ไหม!
ตู๋กูเจวี๋ยมองดูน้องสาวตัวอวบอ้วน หลังจากนั้นก็ต้องทนดูจีเฉวียนเอารัดเอาเปรียบน้องสาวภายใต้หนังตาของเขา ก็รู้สึกว่าคำพูดที่อัดอั้นอยู่ในท้องจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ต่อให้น้องสาวอ้วนขึ้นมาอีกห้าสิบชั่ง เขาก็สามารถดูออกในชั่วพริบตา
อย่าว่าแต่พึ่งจะอ้วนขึ้นมาเท่าเดียวเท่านั้น
จะว่าอย่างไรตอนนี้นางก็เป็นถึงไทเฮา เพื่อที่จะปิดหูปิดตาผู้อื่นว่าจีเฉวียนมีใจให้น้องเล็ก ก็เลยจับไปขังแล้วขุนรึ!
ช่วงก่อนหน้านี้ในวังต่างก็เล่าลือกันไปทั่วแล้ว ว่าตำหนักตี้หัวอาหารทั้งสามมื้อในแต่ละวันล้วนเป็นขาหมู
คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ถูกขุนจะเป็นน้องสาวของตนเอง
ตู๋กูเจวี๋ยกำลังจะเอ่ยปาก สายพระเนตรประหนึ่งปลายดาบของฮ่องเต้ก็กวาดมาถึง “ขุนนางอวี้ซื่อ รัชทายาทแคว้นเหยียนกับองค์หญิงแคว้นเหยียนร่วมมือกันแสดงงิ้วแกล้งเป็นแกล้งตายฉากหนึ่ง เพื่อใช้ข่มขู่แคว้นต้าโจวของพวกเรา เจ้าคิดว่าสมควรจะจัดการเช่นไร?”
——
[1] 恶有恶报: