ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 339 จีจ้านก็คือจอมมาร!
“ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่าเจ้าชอบมัน ดังนั้นมันจึงต้องตายอย่างอนาถกว่าผู้ใด!”
เขาพูดกรอกลงไปในหูของนางทุกประโยค
ที่จริงแล้วเจียงเย่วเองก็มิใช่หญิงอ่อนแอ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของจีจ้าน นางกลับไม่อาจขัดขืนแม้แต่น้อย
นางอ้าปากหอบหายใจ เห็นฟ่านอิงต่อสู้อยู่เพียงลำพัง แต่เขาก็ไม่อาจต้านทานศัตรูจำนวนมากได้
ชุดแต่งงานของเขาขาดวิ่น ทั่วทั้งร่างมีแต่บาดแผล หลั่งเลือดจนเป็นสีเดียวกับชุดแต่งงาน
ถึงแม้จะบาดเจ็บอย่างสาหัสแต่เขาก็ยังหอบเอาลมหายใจสุดท้ายเข่นฆ่าเข้ามาจนถึงห้องส่วนตัวของเจียงเย่ว
จีจ้านมิได้หลบหลีก เขาสะบัดแขนเสื้อเปิดประตูออกไป กดตัวเจียงเย่วเอาไว้ ให้เขาได้เห็นทุกอย่างทั้งหมดนี้
วันมงคลสมรส แต่คู่หมั้นกลับถูกผู้อื่น…..ต่อหน้าต่อตาของตนเอง สำหรับบุรุษผู้หนึ่งแล้วนี่เป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนทานได้
“อาเย่ว!” ฟ่านอิงแทบจะคลุ้มคลั่งไปแล้ว กระบี่ที่อยู่ในมือของเขาปราศจากเรี่ยวแรงใดๆ
“หากว่าเจ้าอยากให้มันยังมีชีวิตล่ะก็ ทางที่สุดก็บอกมันไป ว่าเจ้าไม่เคยชอบมันมาก่อนเลย คนที่เจ้ารักก็คือข้า” จีจ้านยกตัวขึ้นมา กระซิบลงเบาๆ ที่ข้างหูของเจียงเย่ว “หากเจ้ายอมพูด ข้าก็จะไว้ชีวิตของมันสักครั้ง”
เจียงเย่วแทบจะสลบตายไปแล้ว นางเจ็บปวดไปทั้งร่าง ราวกับว่านี่มิใช่ร่างกายของตนเอง
น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว นางมองไปที่ฟ่านอิง ขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น ก็เห็นองครักษ์ลับผู้หนึ่งตวัดดาบลงมา ตัดแขนของเขาขาดฉับออกไป
“อ๊าก!” เจียงเย่วกรีดร้อง นางปิดตาลงเอ่ยด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวว่า “เจ้าไปเสียเถอะ ข้าไม่เคยชอบเจ้ามาก่อนเลย คนที่ข้ารักก็คือ….ฮ่องเต้…ต้าโจว”
เพียงประโยคเดียว เจียงเย่วก็อยากจะกัดลิ้นของตนเองให้ขาดออกไป
ไปเสียเถอะ ฟ่านอิง ไปให้ไกลที่สุด ข้าเพียงขอให้เจ้ามีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่ต่อไป
และเพราะประโยคนั้น ทำให้ฟ่านอิงสูญสิ้นพลังใจที่จะเอาชีวิตรอด
กระบี่ที่เขากุมเอาไว้ตกลงไปบนพื้น สายตาเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า
วันนี้เดิมทีสมควรจะป็นวันที่สวยสดงดงามที่สุดในชีวิตของเขา ……แต่ว่าทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปแล้ว
การโจมตีที่ถูกวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าอย่างดี ทำให้พวกเขารับมือไม่ทัน
กู่เย่วกับต้าโจว ทำสงครามที่แนวหน้ามาเกือบเดือนแล้ว ใครก็ไม่มีทางคาดคิดว่า ฮ่องเต้ต้าโจวจะปลอมเป็นคนสูญเสียความทรงจำที่ไร้พิษภัยมาเข้าใกล้อาเย่ว ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพวกเขา ……ในขณะที่พวกเขาไม่ทันได้ระวังตัวที่สุดนั้น ก็บดขยี้พวกเขาจนไร้หนทาง
“ไปเสีย!” เจียงเย่วเห็นเขาทิ้งดาบ ก็ตะโกนร้องจนเสียงแตก “ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่ต้องการจะได้เห็นเจ้าอีกแล้ว เจ้าไปซะ!”
เจียงเย่วถูกจีจ้านกอดรัดเอาไว้ทั้งตัว ไม่รู้เพราะเหตุใด แต่กระดูกทั้งร่างของนางกลับปราศจากเรี่ยวแรงใดๆ
คิดๆ ดูแล้วนางก็ไม่นับว่าอ่อนแอ แต่เมื่อเผชิญกับจีจ้านกลับไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขัดขืน ที่แท้ก็เป็นเพราะ…..
ทันใดนั้นนางก็คิดไปถึงปิ่นปักผมดอกไห่ถาง
ก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกอยู่ว่ากลิ่นหอมจากปิ่นดอกไม้นั่นเข้มข้นอยู่บ้าง …..พอตอนนี้คิดขึ้นมาถึงได้รู้ว่า เขาได้ใส่ลูกเล่นบางอย่างเอาไว้ในปิ่นปักผมนั่น
ยาพิษ นี่จึงทำให้นางสูญเสียพละกำลัง
“อาเย่ว ใบหน้าของเจ้าแดงมากเลย เพราะชื่นชอบความสุขที่เราปรนเปรอให้เจ้าใช่หรือไม่?” มุมปากของจีจ้านมีรอยยิ้ม เขาเหมือนกับจอมมารที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก ไม่เพียงทรมานร่างกาย แต่ยังทำร้ายจิตใจ
“วางใจเถอะ ต่อไปทุกๆ วัน เราจะทำให้เจ้ามีความสุขเอง” คำพูดทั้งหมดของจีจ้านย่อมตั้งใจตรัสออกไปให้ฟ่านอิงฟัง
“เจ้าฮ่องเต้สุนัข ข้าจะฆ่าเจ้า!” ฟ่านอิงถูกเขายั่วยุสำเร็จ เขายกกระบี่ที่หล่นลงไปขึ้นมาอีกครั้ง
ยามที่กระบี่นั้นพุ่งเข้าใส่พระศอของพระองค์ จีจ้านก็มิได้หลบหลีก พระองค์เพียงแต่กอดเจียงเย่วเอาไว้ในอ้อมพระพาหา เชยคางของเจียงเย่วขึ้นมา ให้นางได้เห็นกระบี่ของฟ่านอิงที่พุ่งเข้ามา
ขณะที่กระบี่นั้นห่างจากพระศอออกไปเพียงแค่หนึ่งเมตรก็จะสามารถแทงละทุได้แล้วนั้น
ดาบอีกเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมาด้วยความเร็วที่สูงกว่ากระบี่ของฟ่านอิง ตัดฉับลงไปบนลำคอของเขา
เลือดสดๆ สาดกระเด็นใส่ใบหน้าของเจียงเย่ว ศีรษะคนหล่นลงมา
แม้ตาย ฟ่านอิงก็ยังต้องการฆ่าจีจ้านให้ได้ ศีรษะที่ถูกตัดลงมานั้น …..ตายตาค้าง
“อาเย่ว เจ้าดูสิ เขาจะฆ่าเราให้ได้ เดิมทีเราจะให้ทางรอดสายหนึ่งแก่เขา” จีจ้านคลายพระหัตถ์ที่จับคางเจียงเย่วเอาไว้ กระซิบข้างหูนางด้วยน้ำเสียงเสียใจราวกับถูกกระทำ “เจ้าคงจะไม่โทษว่าเราใช่ไหม?”
เจียงเย่วตัวแข็งทื่อไปแล้วดาบนั้นทำให้ภาพในสมองของนางว่างเปล่าไปหมด แม้แต่จีจ้านกล่าวอะไรก็ไม่ได้ยินอีกแล้ว
เลือดที่กระเด็นโดนใบหน้ายังคงอุ่นอยู่ แต่หัวใจของนางกลับแข็งตัวไปแล้ว
ครู่ใหญ่นางถึงได้กรีดร้องขึ้นมาด้วยความคลุ้มคลั่ง “อ๊าก!”
นางเกลียดจีจ้าน แต่เกลียดตนเองยิ่งกว่า!
เกลียดที่ตนเองช่างโง่เขลา เกลียดที่ตนเองพาสุนัขป่ากลับเรือน เกลียดตนเองรู้ทั้งรู้ถึงความละโมบโลภมากของเขา แต่กลับมิได้ใส่ใจ
ยามนี้เจียงเย่วคิดแต่จะติดตามฟ่านอิงไป
นางกัดลิ้นลงไปในทันที แต่จีจ้านกลับรู้ทันความคิดของนาง พระองค์ยื่นพระหัตถ์เข้าไปในปากของนาง
การกัดครั้งนี้ของเจียงเย่วใช้ออกด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด นางกัดลึกลงไปในเนื้อจนกัดได้เนื้อหลังพระหัตถ์ออกมาคำหนึ่ง
เจียงเย่วคลั่งไปแล้ว ครั้งเดียวไม่สำเร็จนางก็กัดลงไปอีก กัดลงไปจนสุดแรง
จีจ้านกลับรับเอาไว้โดยมิได้ส่งเสียง
ถึงนางกัดติดต่อกันหลายครั้งเข้า พระองค์ค่อยตรัสว่า “เจียงเย่ว หากว่าเจ้ากล้าตาย เราจะประหารครอบครัวทั้งหมดของเจ้า แม้แต่ชาวกู่เย่วทั้งหมดก็ต้องตายจนหมดสิ้น มอดไหม้เพื่อเจ้า”
เจียงเย่วเจ็บใจจนปวดร้าว หัวใจที่กำลังเกรี้ยวกราดเหมือนถูกแทงลงไปอีกครั้ง
“จีจ้าน เจ้ามันไม่ใช่คน ไม่ใช่คน อ๊ากกกก!” นางกรีดร้องอย่างเกรี้ยวกราดอยากจะฆ่าเขาด้วยมือของตนเอง
“เราเป็นประมุขของแคว้นต้าโจว ผู้ที่เป็นฮ่องเต้จะมีสักกี่คนที่เป็นคนดี” จีจ้านยังคงกอดนางเอาไว้
ที่จริงพระองค์ถอดฉลองพระองค์ตัวนอกออกไปแล้ว จึงนำมาห่อตัวนางเอาไว้อย่างแนบแน่น
“เจ้าเป็นองค์หญิงของกู่เย่ว แบกภาระและความรับผิดชอบเอาไว้บนร่าง เพื่อประชาชนของเจ้า เจ้าย่อมต้องคิดให้ดี ด้วยเพราะชีวิตของเจ้านี้ มีค่าอย่างยิ่ง”
เจียงเย่วนอกจากจะเจ็บปวดจนหัวใจสลายแล้ว ก็ยังสำนึกเสียใจอย่างที่สุด ความหวังทั้งหมดของนางกลายเป็นเถ้าถ่าน
ในวันอภิเษกของนาง นางกลับถูกคน….. คู่หมั้นถูกฆ่าต่อหน้า บ้านของนาง แคว้นของนางล่มสลายในชั่วพริบตา
จากสาวน้อยที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาผู้หนึ่ง กลายเป็นทาสเชลยจากแคว้นที่ล่มจม
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนางทำตัวเอง ที่แคว้นกู่เย่วต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะนางชักศึกเข้าบ้าน
นางมองออกไป เห็นศพที่แข็งทื่อไปแล้วของฟ่านอิง หัวใจของนางก็ตายไปด้วย
หัวใจตายไปแล้ว แต่ร่างกายไม่อาจตายไปด้วย….
นางต้องการล้างแค้น นางต้องการให้จีจ้านไม่ตายดี!
น้ำตาไหลจนเหือดแห้ง ลำคอแหบแห้งจบไร้เสียง ร่างของนางเหมือนกับศพที่จีจ้านแบกออกไป ในตอนนั้นดวงตาของนางมีแต่ความชิงชังอย่างรุนแรง
ภาพตรงหน้ามีแต่เลือดเต็มไปหมด
ภายในรถม้า ลูกแก้วบนมือของตู๋กูซิงหลันไร้แสงจนหมดแล้ว
หัวใจของนางเหมือนกับถูกก้อนหินใหญ่กดทับเอาไว้อย่างแน่นหนา
แม่เอ๋ย!
จีจ้านผู้นั้นคือจอมมารอย่างแท้จริง!
เมื่ออยู่ในความทรงจำของเจียงเย่ว นางย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ระทมที่เจียงเย่วได้รับ
ขณะที่จมดิ่งอยู่ในความทรงจำนี้ ตู๋กูซิงหลันเกือบจะพุ่งเข้าไปถอดรองเท้าตบตีจีจ้านสักรอบ
ต้องมาเผอิญเจอจอมมารเช่นนี้ ถือเป็นความซวยที่สั่งสมมาแล้วแปดชาติหรือไม่?
แม้แต่วิญญาณทมิฬยังทนดูต่อไปไม่ได้ เมื่อได้เห็นความทรงจำขององค์หญิงเย่ว มันย่อมต้องรู้สึกว่า เจ้าฮ่องเต้สุนัขก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไรนัก
แถมยัง….ออกจะน่ารักอยู่บ้างเสียด้วยซ้ำ
——
ไรท์: เป็นตอนที่ดาร์คมากจริงๆ อย่าว่าแต่คนอ่านเลย คนแปลก็จะหายใจไม่ออก
ตอนต่อไป “เจ้ามารชั่วช้าลามก! ไปให้พ้นนะ!”