ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 425 นางพบว่าจีเฉวียนนั้นมีปัญหา
“จะบอกว่าสมบัติล้ำค่าที่เราถนอมเอาไว้ในมือ ไปเป็นอนุของเจ้าหรือ?” จีเฉวียนยังคงจับจ้องเยี่ยเฉินอยู่เช่นนั้น ทั่วทั้งร่างแผ่กระแสความยิ่งใหญ่ของผู้ครองใต้หล้าออกมา “เจ้ามันเป็นตัวอะไร!”
ในเมื่อดาบแรกยังไม่อาจสับเยี่ยเฉินได้ เขาก็ส่งดาบที่สองออกไป
พลังที่รุนแรงนั้นทำให้แม้แต่เยี่ยเฉินยังต้องสะท้าน
เขาใช้พลังในการรักษาตัวไปมาก บาดแผลบนร่างปิดเข้าหากันด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แต่ว่าจีเฉวียนกลับสามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่า!
เพียงไม่กี่ชั่วพริบตา ร่างท่อนบนของเยี่ยเฉินก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เนื้อหนังปลิ้นออกมา เลือดไหลนอง
“อย่าได้สู้รบยืดเยื้อ พวกเราไปกัน” ตู๋กูซิงหลันเห็นจีเฉวียนที่ดวงเนตรแดงก่ำ ก็รีบกระซิบลงไปที่ข้างหูของเขา
ที่นี่จะอย่างไรก็เป็นรังหลักของเผ่ามังกรทมิฬ นอกจากองค์ไท่จื่อแล้ว ขุมกำลังอื่นๆพวกนางยังไม่รู้จักอย่างชัดเจน จากว่าสู้กันยาวยืดเยื้อนานไป จะทำให้เกิดเหตุพลิกผันได้
จีเฉวียนยังคงมีสีหน้าดุจภูเขาน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลาย ดวงตาหงส์มีเส้นเลือดขึ้นราวกับถูกย้อมด้วยหมอกสีเลือดจางๆ
เขาจับมือข้างนั้นของตู๋กูซิงหลันเอาไว้อย่างแนบแน่น กล่าวช้าๆทีละคำว่า “เขารังแกเจ้า สมควรตาย”
ตอนที่ตู๋กูซิงหลันได้ยินคำว่า ‘รังแก’ สองคำจากปากเขาก็เข้าใจผิดไป
รอบด้านมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาทั่วทุกทิศทาง นางรีบถกแขนเสื้อขึ้นมาให้เขาดู “ก็แค่ล้อเล่นกันนิดหน่อย แต้มพรหมจรรย์นี้ แดงราวกับจะเป็นหยดเลือดอยู่แล้ว แสดงว่าข้าไม่ได้เสียหายอะไรไม่ใช่หรือ? เขายังไม่ทันได้รังแกข้า ท่านคิดมากไปแล้ว”
สีพระพักตร์ของจีเฉวียนเปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมาในชั่วพริบตา
จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งลง ตรัสเสียงเย็นชาว่า “ที่เราพูดไป หมายถึงที่เขาทุบตีเจ้า”
ตู๋กูซิงหลัน “…..”
ว่าแล้ว ดวงเนตรหงส์ก็เป็นประกายขึ้นมา แม้แต่แววตาที่ฉายออกมาก็ยังนุ่มนวลลงไปอีกหลายส่วน
“ซิงซิง เจ้ารีบร้อนอธิบายให้เราฟัง แสดงว่าในใจห่วงใยกังวลในตัวเราอยู่ชัดๆ จริงไหม?”
“เวลาแบบนี้ ยังจะมาพูดเรื่องรักๆใคร่ๆอะไรกัน มันใช่ที่หรือ?” ตู๋กูซิงหลันแทบจะคุกเข่าให้กับเขาแล้ว
พึ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ไม่กี่ลมหายใจ นางก็ใช้ยันต์ไปสิบกว่าใบแล้ว
ในบรรดายันต์เหล่านั้นยังมียันต์สีชาดที่ ยามคับขันสามารถช่วยชีวิตได้ด้วยใบหนึ่ง
“เรารู้ว่า เจ้าจะต้องห่วงใยเราอย่างแน่นอน” เห็นนางไม่ปฏิเสธ ในพระทัยของจีเฉวียนก็ยิ่งปิติยินดี
พระองค์ตรัสต่อไป “เรื่องของฉางซุนอิง ข้าสามารถอธิบายให้ฟังได้”
ตู๋กูซิงหลัน “พี่ชาย ท่านช่วยลืมตาดูสถานการณ์หน่อยได้ไหม?”
ตอนนี้นางไม่มีอารมณณ์จะฟังคำอธิบายของเขาแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น….ทำไมนางจะต้องไปฟังคำอธิบายของเขาด้วย?
ของที่ไม่เอาไว้ ต่อให้พยายามจะคืบคลานกลับมาอย่างไร นางก็ไม่คิดจะเหลือบแลแม้แต่น้อย
เยี่ยเฉินประเมินสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน นี่มันชัดเลยว่า บุรุษผู้นี้คือคนที่ไล่ติดตามอนุตัวน้อยของเขามา
ส่วนอนุของเขา ก็ไม่ได้ชอบอีกฝ่ายเลยสักนิด
กระบี่ในมือของเขาวาดออกไปก็เห็นรอบด้านบังเกิดความเคลื่อนไหว
จากนั้นก็เป็นมังกรขนาดยักษ์สีดำพุ่งออกมาจากด้านบนของตำหนัก ล้อมตัวกันเป็นวงกลม จับจ้องลงมาที่พวกนางด้วยไอสังหารเป็นตาเดียว
ตู๋กูซิงหลันพบว่าจีเฉวียนนั้นคือตัวปัญหา!
ใครอยู่ใกล้เขา เป็นต้องพบกับความโชคร้ายไม่จบไม่สิ้น!
ถูกแมงกระพรุนยักษ์จับไปปล่อยพิษใส่ ที่จริงก็เป็นเรื่องที่น่าละอายที่สุดในชีวิตของนางแล้ว
พอเขาปรากฏตัวขึ้นมาก็เป็นต้องลากเอาเคราะห์กรรมต่างๆมาด้วย
นางได้แต่เอามือนวดขมับ เพราะตอนนี้รู้สึกว่าความดันโลหิตใกล้จะทะลุอยู่แล้ว
ตอนนี้ มังกรสีดำที่ตัวใหญ่ที่สุดยอบตัวลงมาเบื้องหน้าเยี่ยเฉิน
เยี่ยเฉินสะกิดร่างพลิกตัวขึ้นไปบนศีรษะมังกร บาดแผลบนร่างของเขาดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้ว เขายืนอยู่บนเศียรมังกรมองลงมาดูตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนที่ด้านล่าง
เอ่ยเบาๆอย่างเฉื่อยชาว่า “จับสตรีผู้นั้นเอาไว้ แล้วค่อยฆ่าบุรุษนั่น”
คนอย่างเขา หากว่ามีคนกล้ามายื้อแย่งอะไร เขาก็จะยิ่งไปช่วงชิงมา
ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว เขาจะร่วมรักกับอนุคนที่สองร้อยห้าสิบต่อหน้าต่อตาบุรุษผู้นี้
อนุน้อยชอบเรื่องสนุกสนาน
เช่นนั้นหากว่ามีสัมพันธ์รักกับนางต่อหน้าต่อตาบุรุษที่คลั่งไคล้นาง ไยมิใช่เรื่องที่ยิ่งสนุกสนานใหญ่หรอกหรือ?
เยี่ยเฉินยกยิ้มมุมปาก สีหน้ายิ่งตื่นเต้นยินดี
เขาไม่เคยรู้สึกครุ่นคิดถึงสตรีใดเช่นนี้มาก่อน ปรารถนาจะต้องได้มาให้ได้
เหล่ามังกรดำต่างรับคำสั่ง พุ่งเข้าหาตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนในทันที
มังกรดำหลายสิบตัวพุ่งเข้ามาอย่างพร้อมเรียง กลายเป็นภาพที่เหมือนกับเป็นวาระสุดท้ายของโลกกำลังมาถึงก็ไม่ปาน
เมื่อมังกรนับสิบตัวพุ่งเข้ามาใกล้ก็แผ่แรงกดดันมหาศาลออกมา
ศีรษะที่ใหญ่โตเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้า แต่ละตัวล้วนสามารถสร้างแรงกดดันบีบคั้นจนหายใจไม่ออก
แม้แต่แผ่นยันต์ที่อยู่ในมือก็ยังสั่นสะท้านน้อยๆ
ในตอนนั้นเอง ด้านหลังของจีเฉวียนก็ปรากฏหมอกสีดำที่เข้มข้นจำนวนมากออกมา
ร่างของเมียๆในตอนนี้ใหญ่โตกว่าที่ตู๋กูซิงหลันเคยเห็นในครั้งแรกมากนัก
ร่างของมันเป็นสีดำขลับ จนใกล้จะสามารถมองเห็นรูปกายที่แท้จริงได้แล้ว
ทั่วร่างเป็นเกล็ดสีดำเหลื่อมประกายสีทองตลอดทั้งตัว
ร่างของมันคล้ายกับกิเลน ด้านหลังมีปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่ง
หากว่ามันไม่ร้องเมียเมียละก็ จะต้องดูแล้วองอาจขึงขังหน้าเกรงขามอย่างที่สุดแน่นอน
แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้ามังกรนับสิบตัว เมียเมียก็ไม่ได้มีทีท่าตื่นตระหนกเลยสักนิด
มันมีดวงตาสีดำประกายทองคู่หนึ่ง พอดวงตาของมันมองมา ในดวงตาปรากฏแววตื่นเต้นยินดี
จีเฉวียนโอบกอดตู๋กูซิงหลัน พลิกร่างขึ้นไปบนหลังของเมียเมีย
เมียเมียก็กางปีกออกมา โผบินขึ้นไปกลางอากาศ
มังกรดำหลายสิบตัวนั้นไล่ตามมา ทั้งยังอ้าปากเปล่งแสงเย็นวาบออกมา
ลำแสงเย็นวาบนั้นรวมกับเป็นระเบิดแสงลูกหนึ่ง กำลังกลืนกินเมียเมียลงไป
ระเบิดแสงนั้นสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เสมือนหนึ่งสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างแรง ทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบถูกระเบิดจนราบเรียบเป็นหน้ากลอง เหลือเพียงละอองธุลีลอยคละคลุ้ง
บนหลังของมังกรเยี่ยอิงกอดอกยืนชมอยู่บนนั้นด้วยดวงตาเย็นชาดุจดั่งเหยี่ยวราตรีตัวหนึ่ง
เส้นผมที่ยาวสลวยของเขาพลิ้วไปด้านหลัง
คิดดิ้นรนรึ?
ฮึ……
เมื่ออยู่ในอาณาเขตของเผ่ามังกรทมิฬ ก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น! มิใช่ว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้างก็จะรอดไปได้!
น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาพึ่งจะขาดหายไป ก็เห็นว่าท่ามกลางระเบิดแสงที่ฟุ้งกระจายมีเงาสีดำเงาหนึ่งปรากฏขึ้นมา!
เป็นเมียเมีย!
มันขยับบิน โผบินออกมาจากระเบิดแสงเหมือนกับตอนที่พึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา
ระเบิดแสงนั้นถูกความมืดขุมหนึ่งดูดกลืนลงไปทั้งหมด!
เยี่ยเฉินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ในตอนนั้นเองความมืดขุมนั้นก็พุ่งมาถึงเหนือศีรษะของเขา
ในความมืดมิดได้ยินเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเสมือนสายฟ้าฟาดอยู่ภายใน
ทันใดนั้น ก็เห็นระเบิดแสงที่หายไปปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เสียงตูมตามดังอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยเฉิน
ในระเบิดแสงนั้นมีสายฟ้าสีดำฟาดลงมาด้วยความรุนแรง แทบจะทำลายตำหนักของไท่จื่อจนราบเรียบ
กลายเป็นฉากของสายอสนีที่ฟาดลงมา ทั้งยังเป็นอสนีของทวยเทพเบื้องบน!
บนหลังของเมียเมีย พระหัตถ์ข้างหนึ่งของจีเฉวียนโอบตู๋กูซิงหลันเอาไว้ อีกข้างหนึ่งกุมกระบี่เหมันต์ ดวงเนตรคู่นั้นกวาดมองลงไป เย็นชาจนทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้าน
“ซิงซิง” จีเฉวียนเอ่ยเรียกนาง
“เจ้าดูสิ เราเก่งกาจมากเลยใช่หรือไม่?”
ตู๋กูซิงหลัน “…….”
ในมุมมืดแห่งหนึ่ง ดวงตาสีครามคู่หนึ่งลืมตาขึ้น พลางกวาดมองมาจากจุดที่มิได้ไกลสักเท่าไร
…………………………………..
守宫砂 (แต้มพรหมจรรย์): โส่วกงซา: เห็นมาหลายเรื่องแล้ว พอเกี่ยวกับพรหมจรรย์ เป็นต้องเอ่ยถึงจุดสีแดงที่แต้มอยู่บนท้องแขน มันมาจากไหน? คืออะไร? ตามที่ค้นคว้า 守宫(โส่วกง) นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของตุ๊กแก! โดยคนเลี้ยงจะป้อนแร่สีแดงชนิดหนึ่งให้มันกินเข้าไปจนผิวกลายเป็นสีแดง (แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้วเขาบอกว่าที่มันเป็นสีแดงเพราะตัวเมียอยู่ในช่วยฤดูผสมพันธ์จ้า ไม่ต้องกินอะไรมันก็แดงเอง) ค่อยนำมันมาบดเป็นผง แล้วจึงนำมาแต้มบนแขนของสตรีที่ผ่านการคัดเลือดในวัง เป็นเครื่องหมายว่า นางผ่านการตรวจแล้วว่าเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ เชื่อกันว่าพอผ่านการมีสามี จุดแดงนี้จะหายไปเอง ซึ่งไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใดนะคะ ไม่ต้องไปเสียเวลาลอง
ตอนต่อไป “หวาชางสุ่ย”