ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 438 “ข้ารู้แต่ว่า ฆ่าคนชดใช้ชีวิต”
ตู๋กูซิงหลันเหม่อมองดูเขาแล้วพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
เดิมทีนางคิดว่าต้นไม้ที่ดูดซับจิตวิญญาณด้านหลังนั่น….เกิดจากความประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของต้นไม้ที่อยู่เบื้องหลัง
คิดไม่ถึงว่า ที่จริงแล้วจะถูกเยี่ยจ้านใช้เพื่อ…..
นางมองดูต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง แม้แต่นางเองก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่แสนจะอ่อนแอของมารดาในนั้น….
นางเป็นถึงสุดยอดปรมาจารย์ไสยเวทย์ของโลกโน้น มีพรสวรรค์ในการสัมผัสกับจิตวิญญาณอย่างแข็งแกร่ง หากว่าแม้แต่นางยังสัมผัสไม่ได้ นั่นจะน่ากลัวถึงเพียงไร
หุบเหวไร้ก้นเมื่อสิบสองปีก่อนคงจะต้องยิ่งโหดเ**้ยมและอันตรายกว่าตอนนี้อีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า
สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในสนามรบของสงครามมหาเทพโบราณ เพียงแค่ไอสังหารก็คงสามารถทำลายร่างของมนุษย์ได้แล้ว
มารดาจะอย่างไรก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ….แล้วนางจะไปต้านทานได้อย่างไร?
เยี่ยจ้านเป็นราชามังกรของเผ่ามังกรทมิฬ ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นเขา กลับใช้พลังวิญญาณมังกรครึ่งหนึ่ง สละเวลาไปสิบกว่าปี ถึงได้เสาะหาจิตวิญญาณของมารดาได้เล็กน้อยจนแทบจะสัมผัสไม่ได้….
ตู๋กูซิงหลันไม่รู้เลยว่า หากจะรวบรวมจิตวิญญาณให้ครบถ้วนสมบูรณ์ จะต้องใช้เวลามากมายเพียงไร
บางที…..เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียเลยด้วยซ้ำ
เขากำลังสละกำลังและพลังชีวิต ไปรอคอยสิ่งที่ไม่มีวันประสบผลสำเร็จ
ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่ข้างกายเขา ล้วงเอายันต์สีเหลืองหลายใบออกมาจากในอกเสื้อ ริมฝีปากก็เอ่ยเอื้อนคาถา ก็เห็นยันต์เหล่านั้นบินออกไปทั้งสี่ทิศ
มีบ้างที่เกาะลงบนต้นไม้ ผนึกเข้าไปในลำต้น มีบ้างบินเข้าไปในความมืดมิด ลึกเข้าไปในหุบเขา
“ยันต์รวบรวมวิญญาณ?” เยี่ยจ้านสมกับที่เป็นสหายเก่าแก่ของซื่อมั่ว ได้เห็นเพียงแค่แวบเดียวเขาก็รู้แล้ว
ซื่อมั่วมิได้เก็บงำวิชา ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีล้วนถ่ายทอดให้กับบุตรสาวของเขาจนสิ้น
ยันต์ที่สามารถรวบรวมจิตวิญญาณได้นี้ แต่ละใบล้วนแสนล้ำค่า
ตู๋กูซิงหลันพอใช้ออกก็ซัดออกไปสิบกว่าใบ ทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างทรงอานุภาพ
หากว่าเป็นเพียงสถานการณ์ธรรมดาทั่วๆไป ยันต์รวบรวมวิญญาณมากมายเพียงนี้ต้องสามารถเสาะหาจิตวิญญาณคืนมาได้สามส่วนหรือเจ็ดส่วนแล้ว
แต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าค่อนข้างซับซ้อน….ตู๋กูซิงหลันเองก็ยังไม่กล้ารับประกันว่ายันต์รวบรวมวิญญาณเหล่านี้จะใช้ได้ผลหรือไม่
“บางที…จะมากจะน้อยอาจจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง” ตู๋กูซิงหลันพูดพลางลุกขึ้นยืน แนบใบหน้ากับต้นไม้ รับฟังเสียงจากต้นไม้ต้นนี้อย่างตั้งใจ
นี่เป็นต้นไม้ที่เยี่ยจ้านสร้างขึ้นจากร่างจริงของเขา ฝังรากลึกอยู่ใต้หุบเขาไร้ก้น ดูดซับพลังวิญญาณจากพื้นดินทั้งหลายเพื่อคุ้มครองจิตวิญญาณของมารดา
ในต้นไม้มีเสียงหัวใจเต้นสะท้อนออกมาอย่างแผ่วเบา กิ่งก้านและใบที่อยู่เหนือศีรษะโน้มลงมา โอบกอดนางเอาไว้อย่างแผ่วเบา
เหมือนดั่งมือของมารดาที่ลูบไล้เบาๆ
ไม่รู้ว่าทำไม จมูกของตู๋กูซิงหลันถึงได้รู้สึกแสบร้อนขึ้นมา
นางกางแขนออก สวมกอดต้นไม้นั้นเบาๆทั้งยังแนบใบหน้าเข้าไป
มิว่าจะอย่างไร นางจะต้องทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มี ไปรวบรวมจิตวิญญาณทั้งหมดของมารดากลับมา
เรื่องราวในตอนนั้น….ตู๋กูซิงหลันไม่โทษว่าเยี่ยจ้าน
ได้แต่บอกว่าเขาแบกภาระเอาไว้ในร่าง มีความจำใจของตนเอง ตอนนี้เขาเลือกที่จะเสาะหาจิตวิญญาณของมารดาอยู่ใต้หุบเขาไร้ก้น รอคอยให้นางกลับมา
แสดงว่าเขาให้คุณค่าของความรักมากกว่าความแค้น
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันนั้นไม่เหมือนกัน
ครู่ต่อมา ก็เห็นนางปล่อยต้นไม้ ดวงตาดอกท้อมีแต่ความเย็นยะเยือกสุดหยั่ง มือของนางสัมผัสกับดาบยักษ์ที่อยู่ข้างๆ กระชับด้ามดาบเอาไว้ ไอสังหารบนร่างเข้มข้นเสียจนแม้แต่เยี่ยจ้านที่ตาบอดก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เขาเอ่ยถามเบาๆ
“ล้างแค้น” ตู๋กูซิงหลันบอกออกไปสองคำอย่างรวบรัด
“ท่านพ่อเป็นราชามังกร ย่อมไม่อาจใช้ดาบประหัตประหารราชินีของตนเองได้ แต่ข้าไม่เหมือนกัน ข้าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับนาง” แววตาของตู๋กูซิงหลันเย็นยะเยือก “ข้ารู้แต่ว่า ฆ่าคนต้องชดใช้ชีวิต นางทำให้มารดาร่างแหลกลาญจิตวิญญาณแตกสลาย นางก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามสมควร”
มารดามิใช่มือที่สาม!
ตอนนั้นมารดาได้ตัดสินใจถอยออกจากความรักความแค้นนี้แล้ว!
นางไม่เคยทำร้ายหวาชางสุ่ย ทั้งยังเลือกที่จะส่งเสริมพวกเขา เสียสละความสุขของตนเอง
หากว่าหวาชางสุ่ยมิได้ลงมือกับมารดา ตู๋กูซิงหลันคงจะรู้สึกสงสารนางอยู่บ้าง นางเองก็ ‘จับพลัดจับผลู’ กลายเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้ายของเหตุการณ์นี้เช่นกัน
แต่ว่ามารดาก็อุตส่าห์ทำถึงขั้นนี้แล้ว นางกลับโหดเ**้ยมถึงกับลงมือฆ่าฟัน เอาชีวิตมารดา!
ตู๋กูซิงหลันย่อมไม่มีทางอภัยให้นาง!
เยี่ยจ้านอ้าปากค้าง ผ่านไปนานก็ยังไม่พูดอะไร
ตอนนั้น…..เป็นเพราะเขามีข้อกังวลมากไป สุดท้ายแล้วจึงไม่ได้ฆ่านาง
เพียงแต่ทุบตีนางจนปางตาย นางบาดเจ็บสาหัส บาดแผลนี้ ชั่วชีวิตก็ไม่อาจหายขาดได้
เสี่ยวหลันต้องการฆ่านางเพื่อแก้แค้นให้กับมารดา เขาไม่มีคุณสมบัติจะไปห้ามปราม
ตู๋กูซิงหลันเรียกเขา ‘ท่านพ่อ’ คำหนึ่ง ก็เท่ากับว่ายอมรับฐานะของเขาแล้ว
เขารู้ดีว่า …..นางไม่ได้เกลียดเขา และไม่โทษว่าเขา
บุตรสาวผู้นี้ รู้จักแยกแยะเรื่องราวอย่างชัดเจน
ครู่ใหญ่ เขาค่อยเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้ายังเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มิใช่คู่มือของนาง”
“แม้แต่ จะเป็นคู่มือของเยี่ยเฉิงและเยี่ยอิงก็ยังไม่ได้”
ตู๋กูซิงหลันควงดาบยักษ์ในมือรอบหนึ่ง “ท่านมิใช่บอกว่าในร่างของข้ามีพลังที่หลับใหลของเผ่ามังกรทมิฬหรอกหรือ?”
ริมฝีปากแดงของตู๋กูซิงหลันคลี่ออกมา ดาบยักษ์ในมือยิ่งเปล่งแสงเย็นยะเยือกที่ทึมทึบ นางลืมตากว้างมองดูความมืดมิดที่อยู่เหนือต้นไม้ขึ้นไป
ตอนนี้นางถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเยี่ยเฉิงถึงได้ต้องการรับอนุอยู่ตลอดเวลา ต้องการจะมีบุตรให้ได้ ของเพียงคลอดทารกศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้
ถึงแม้ว่าเขามิได้รับสืบทอดพลังของเผ่ามังกรทมิฬ แต่ก็คิดจะใช้วิธีสืบทอดสายเลือดทางบิดาให้กำเนิด ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’ ขึ้นมา
จากนั้นค่อยดูดซับพลังของ ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’ มาเป็นพลังของตนเอง
‘พลังของเผ่ามังกรทมิฬ’ นั้นซุกซ่อนอยู่ในสายเลือดที่สืบทอดต่อกันมา ถึงแม้ว่าจะเป็นการข้ามรุ่นก็ยังสามารถกระทำได้ เพียงแต่ว่าโอกาสนั้นมีไม่มาก
เขาก็ไม่ย่อท้อที่จะทดลองไปเรื่อยๆ
สิ่งที่เยี่ยเฉินทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อจะได้มา กลับอยู่ในร่างกายของนาง
ตู๋กูซิงหลันไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นไก่อ่อนมาก่อน
ตอนที่นางพึ่งจะมาถึงโลกนี้ ร่างกายนี้อ่อนแอเสียจนไม่น่าเหลียวแล
แต่ว่าตอนนี้ เพียงแค่เวลาสั้นๆสองเดือน ก็ถูกนางฝึกฝนจนกลายเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งได้แล้ว
นางสมควรคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ร่างกายนี้เป็นร่างของผู้มีพรสวรรค์อันแข็งแกร่ง!
ถึงเยี่ยจ้านจะมองไม่เห็น แต่ว่าในสมองก็บังเกิดภาพ บุตรสาวของเขาถือดาบเอาไว้ด้วยดวงตาเป็นประกาย
ตอนนั้นพลังทั้งหมดในร่างของนางถูกเขาสะกดเอาไว้ …พลังที่นางมีอยู่ในร่างกายตอนนี้ย่อมเกิดจากการที่นางฝึกฝนขึ้นมาด้วยตนเอง
บุตรสาวผู้นี้ ยังแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มากมาย
ตอนนั้นที่สะกดเอาไว้ ก็เพื่อจะปกป้องนาง
บุตรสาวที่เติบโตอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขาและซื่อมั่ว วันนี้ได้เติบใหญ่แล้ว มีความคิดเป็นของตนเอง เขาไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องไปปิดกั้นนางเอาไว้อีก
“บิดาจะคลายสะกดให้กับเจ้า” พักใหญ่ เยี่ยจ้านถึงได้เอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็คล้ายกับว่าคิดอะไรขึ้นได้ เขาชี้ไปทางจีเฉวียนที่อยู่ห่างออกไป
“เจ้าต้องการแก้แค้นให้กับมารดา แล้วคนผู้นี้เล่า?”
ยากนักที่เขาจะชี้ไปได้ถูกทาง ตู๋กูซิงหลันมองตามนิ้วมือของเขาไป
ต้นไม้ต้นนี้ก็เชื่อฟังอย่างยิ่ง พอรู้ว่าตู๋กูซิงหลันกำลังมองไปที่จีเฉวียน ก็รีบส่งคนมา
เขาถูกกิ่งไม้พันเอาไว้จับนอนหงายขณะส่งมาถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลัน ตลอดทั้งร่างของเขามีแต่บาดแผล คนหลับลึกไปไม่ได้สติ เส้นผมดำยาวพลิ้วเบาๆ
……………………………………………..