ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 577 ช่างเป็นนางมารร้ายที่มีพรสวรรค์แต่กำเนิด ตายกันหมดละทีนี้!
- Home
- ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง
- ตอนที่ 577 ช่างเป็นนางมารร้ายที่มีพรสวรรค์แต่กำเนิด ตายกันหมดละทีนี้!
หัวใจของเขาหล่นวูบไปอย่างแรง
จากนั้น เพียงครู่เดียว หมอกสีดำก็จางหายไป ปรากฏเป็นตู๋กูซิงหลัน…..และฟ่านอิงที่อยู่ข้างกาย
หมอกสีดำที่ยังคงไม่ยอมจางหาย ก็คือร่างของฟ่านอิง
เขายังคงปิดบังรูปโฉมของตนเองเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ยอมให้ใบหน้าที่น่าหวาดกลัวนั้นปรากฏขึ้นสู่สายตาของผู้คนเบื้องหน้า
ฝูงชนเองที่ได้เห็นการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของเจ้าสำนักหยินหยางก็ยังไม่ทันได้สติคืนมาเท่าไรนัก
อยู่ๆพวกเขาก็พึ่งจะสังเกตเห็นสาวน้อยที่อยู่ด้านหลังของท่านเจ้าสำนัก
พอนางปรากฏตัว ก็เปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก ชุดสีแดงเพลิงทั้งร่าง และรูปโฉมอันพิลาสล้ำ แทบจะพุ่งเข้าสู่ดวงตาของพวกเขา
จากดวงตาสู่ดวงใจ คนที่ได้เห็นต่างไม่ทันตั้งตัว จิตใจไร้การป้องกันอย่างสิ้นเชิง
ทำเอาแม้ว่าพวกเขาจะเค้นสมองครุ่นคิดก็ยังคงนึกไม่ออกว่าในใต้หล้าถึงกับมีสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้
การปรากฏตัวของนางในชั่ววินาทีนั้น ราวกับการปิดล้อมเมือง ที่โอบล้อมพวกเขาเอาไว้
เจ้าแคว้นทองถึงกับพูดอะไรไม่ออกแล้ว….เขาเอาแต่จ้องมองไปยังสาวน้อยผู้งดงามเพริดพริ้งที่ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ หัวใจถึงกับเต้นระทึกขึ้นมา
เดิมที….เขาคิดว่า แม่นางซ่งคือสุดยอดของความงดงามในดินแดนจิ่วโจวแล้วเสียอีก
คิดไม่ถึงว่า ในใต้หล้านี้นอกจากแม่นางซ่งแล้ว …..ยังจะมีเทพธิดาอยู่อีก?
เดี๋ยวก่อน ….ทำไมสาวน้อยผู้นี้ถึงได้ดูแล้วรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างยิ่ง
หลังจ้องมองกันอยู่ครึ่งค่อนวัน ผู้คนค่อยดูออก…..
นี่ นี่คือฮ่องเต่หญิงแห่งดินแดนโบราณผู้นั้นมิใช่หรือ?
ภาพเหมือนของนาง เหล่าคนที่อยู่ในที่นี้ต่างก็เคยเหมือนกันมาหมดแล้ว เพียงแต่ว่าภาพนั้นยังงามได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของนางเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นพออยู่ๆนางก็ปรากฏตัวขึ้นมาแวบแรก ผู้คนจึงยังไม่ทันได้มีปฏิกริยาขึ้นมา
ตอนนี้พอนึกขึ้นมาได้ ต่างก็พากันโง่งมกันไปหมดแล้ว
ที่จริงแล้วทุกคนต่างก็ทราบอยู่แก่ใจดีว่า เมื่อหลายเดือนก่อน พวกเขาต่างก็ได้ส่งลูกน้องในมือออกไปยังดินแดนโบราณ เพราะคิดจะกลืนกินเนื้อติดมันชิ้นนั้นลงไปจนแทบทนไม่ไหว
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เหล่าคนที่ถูกส่งออกไป ไม่มีแม้แต่คนเดียวได้กลับมา
พอส่งชุดหลังออกไปอีก เพื่อตามหาผู้คนในชุดแรก ก็ไม่มีใครกลับมาเช่นกัน
จากนั้นเรื่องนี้ จึงค่อยๆถูกพวกเขารามือเอาไว้ก่อนชั่วคราว
ต่างก็คิดกันไปว่าที่ใต้ทะเลลึกคงจะต้องเกิดปัญหาอะไรขึ้นเป็นแน่ ทุกคนจึงได้หายสาปสูญไปในทะเลไร้ก้น
เพราะที่ทะเลไร้ก้นแห่งนั้น คือพื้นที่ของเผ่ามังกรทมิฬถึงแม้ว่าดินแดนจิ่วโจวจะมีผู้ฝึกตนอยู่มากมาย แต่ว่าเผ่ามังกรทมิฬก็ยังไม่ใช่ที่ที่ใครก็จะแตะต้องได้โดยง่าย
แต่ใครจะคิดว่า ฝ่ายที่ไม่น่ามีกำลังจะเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรด้วยทั้งสิ้นอย่างฮ่องเต้หญิงของดินแดนโบราณกลับเสด็จมาที่จิ่วโจวด้วยตนเอง
แถมยังปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันเช่นนี้
ขณะที่ทุกคนต่างก็กำลังมีสีหน้างงงวย ก็เห็นต้าซือมิ่งของซิวหลัวเตี้ยนผุดลุกขึ้นมาแล้ว
เขาก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ด้วยสีหน้าย่ำแย่
“ที่แท้…. ศิษย์น้อยที่เจ้าสำนักหยินหยางรับตัวเอาไว้ก็คือฮ่องเต้หญิงน้อยแห่งดินแดนโบราณ….”
ฝูงชน “…..”
หืม? ฮ่องเต้หญิงน้อยคือศิษย์ของจอมมารร้าย?
ทำไมพวกเขาถึงได้รู้สึกว่าฟังไม่ค่อยเข้าใจ?
คำพูดนั้นมันหมายความว่าเช่นไรกันแน่?
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกนับถือสายตาของเขาอยู่บ้าง ครั้งก่อนที่เขาได้เห็นนาง นางยังอยู่ในคราบแปลงโฉม ตอนนี้พึ่งจะคืนสู่รูปโฉมเดิม
ระหว่างทั้งสองนั้นแม้จะมีส่วนคล้ายคลึงแต่ว่าจุดที่แตกต่างกลับมีอยู่มากมาย
เขากลับสามารถมองออกได้ในช่วงเวลาสั้นๆ นับว่ามีสายตาที่ไม่ธรรมดา
ริมฝีปากสีแดงของนางขยับ “ใช่แล้ว แล้วเจ้าคิดเห็นว่าเป็นอย่างไร?”
ต้าซือมิ่ง “……” เขารู้สึกว่าตนเองถูกดูถูกอีกแล้ว อีกฝ่ายไม่คิดจะปิดบังแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ามิได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
“คิดเห็นรึ?” ครู่หนึ่งจากนั้น ค่อยได้ยินต้าซือมิ่งเอ่ยเสียงเย็นชาออกมาสองคำ
“เพื่อเจ้าแล้ว เจ้าสำนักหยินหยางถึงกับทำลายวังตันติ่งกง หญิงงามชักนำเภทภัย ล่อลวงให้หลงใหลจนไร้สติ เจ้าบอกมาสิว่าข้ายังไม่มีอะไรจะวิจารณ์อีกหรือ?”
ผู้คนทั้งหลายได้ฟังแล้ว ในใจก็พากันเห็นด้วยอยู่หลายส่วน มิน่าเล่าเจ้าสำนักหยินหยางถึงได้ทำลายวังตันติ่งกง ที่แท้ก็เป็นเพราะหลงใหลในความงามของนางนั่นเอง
เรื่องของฮ่องเต้หญิงน้อยในดินแดนโบราณผู้นี้ พวกเขาต่างก็ได้รับฟังมาอยู่ไม่น้อย
อย่างเช่นขณะที่นางได้เฉลิมยศเป็นฮองเฮาก็ทำเอาฮ่องเต้องค์ก่อนของต้าโจวถึงกับสวรรคตไปเพราะความงามของนาง…..
หรืออย่างเช่น หลังจากนี่นางได้กลายเป็นไทเฮาน้อย ก็ยังล่อลวงโอรสเลี้ยงของตนเอง ก็คือฮ่องเต้ที่พระนามว่าจีเฉวียนอะไรนั้น จนหลงใหลคลั่งใคล้อย่างเสียสติ ถึงกับยกบัลลังก์ทั้งหมดให้กับนาง
น้ำคลำเช่นนี้ ไม่หมกตัวอยู่ในดินแดนโบราณ แต่กลับมาเป็นนางมารถึงดินแดนจิ่วโจว
ยอดเยี่ยม พอมาถึงก็สามารถล่อลวงเจ้าสำนักหยินหยางจนหลงใหลได้ทันที
ช่างเป็นนางมารร้ายที่มีพรสวรรค์แต่กำเนิด ตายกันหมดละทีนี้!
แตะต้องไม่ได้!
เห็นได้ชัดเลยว่า เจ้าสำนักหยินหยางถูกนางมารผู้นั้นล่อลวงไปแล้ว ถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นขึ้นมา
ในวังตันติ่งกง เลือดท่วมเป็นท้องธาร สภาพที่ถูกสังหารลบล้างจนหมดสิ้น โหดเ**้ยมอย่างที่สุด!
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้สนใจปฏิกริยาของคนเหล่านั้นเลย นางเหลือบตามองดูต้าซือมิ่งอย่างเย็นชา “เกิดมาหน้าตาดีแล้วมันผิดที่ตรงไหน?”
ต้าซือมิ่ง “……” แม่เอ๊ย ช่างไร้ยางอายนัก!
คำพูดนี้เขาย่อมไม่อาจด่าออกไปซึ่งๆหน้า
เจ้าสำนักผู้นั้นไหนเลยจะยอมปล่อยผู้ที่กล้าสาดโคลนใส่ศิษย์น้อยของเขาได้กัน
“ศิษย์น้อยมิได้ก่อเภทภัย นางคือเทพธิดาบนสวรรค์”
ผู้คนทั้งหลาย “…..”
ฟังสิ ที่พูดออกมานั่น ยังมิใช่เป็นตัวก่อเภทภัยอีกหรือ?
ถึงกับหลงใหลจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ขนาดนี้แล้ว ยังจะดีอีกหรือ?
ตู๋กูซิงหลันเองก็ตกตะลึงไป เห็นเขากล่าวออกมาอย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้นางอดจะคิดถึงจีเฉวียนไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยบอกว่า นางเป็นเทพธิดาน้อย
คำพูดที่ทั้งสองต่างกล่าวออกมา เกือบจะเหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ในใจของนางปวดร้าวขึ้นมาอย่างเงียบๆ
“เรื่องที่ข้ากระทำด้วยตนเอง ไยต้องไปลากเอาศิษย์น้อยมาเกี่ยวข้อง? ใครที่กล้าดูหมิ่นนาง ข้าจะสังหารมันทั้งตระกูล”
ทั่วทั้งบริเวณมีแต่ความเงียบงัน ….และเสียงสูดอากาศเย็นๆเข้าไปในปอด
ไม่รู้เพราะเหตุใด ในชั่ววินาทีนั้นพวกเขาเหมือนได้เห็นจอมทัพผู้อหังการ ที่พร้อมจะโยนเหตุและผลทั้งหลายทิ้งไป และปกป้องสนมน้อยตัวร้ายอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น
น่าโมโหนัก!
เรื่องที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือ สองคนนี้มีรูปโฉมงดงามอย่างยิ่ง งดงามเสียจนในใจของพวกเขาไม่อาจก่อความรังเกียจเดียดฉันท์ขึ้นมาได้
ไม่ว่าจะเป็นที่ใด มนุษย์ปถุชนต่างชมชอบชื่นชมผู้ที่มีรูปโฉมงดงามราวเทพเซียนอยู่แล้ว
พี่รองยกมือขึ้นมากอดอก พิงร่างกับด้านหนึ่งของกระโจม สายตามองอยู่บนร่างของเจ้าสำนักหยินหยางกับน้องสาวของตนสลับกันไปมา
หากว่าเขาจดจำได้ไม่ผิดละก็…..เมื่อหลายวันก่อนตอนที่ได้พบกับเจ้าสำนักหยินหยางที่จุ้ยเซียนจูนั้น เขากับน้องเล็กยังไม่คล้ายสนิทสนมกันถึงเพียงนี้
หรือว่าคืนนั้นหลังจากที่เขาถูกขับไล่ออกมา เจ้าสำนักสุนัขผู้นั้นกระทำเรื่องที่ไม่อาจบอกผู้คนกับศิษย์น้อย ดังนั้นในใจจึงมีพิรุธ ถึงได้ออกโรงปกป้องนางอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้
ตู๋กูเจวี๋ยรู้สึกว่า มีแต่เหตุผลเช่นนี้จึงพอจะอธิบายได้
เนื่องเพราะก่อนหน้านี้เขามีอคติที่ฝังรากลึกต่อฮ่องเต้สุนัข ….ดังนั้นเลยพาลมาถึงเจ้าสำนักตัวร้ายผู้นี้ เขาก็พลอยไม่ชอบขี้หน้าไปด้วย จะมองซ้ายมองขวาอย่างไรก็ดูขัดนัยตา
หากว่ามีโอกาสจะต้องประมือกับเขาให้แหลกลาญกันไปข้างหนึ่ง ให้เขาไม่กล้ารังแกน้องเล็กอีกต่อไป
ตอนนี้ในสมองของต้าซือมิ่งมีแต่ควันพวยพุ่งขึ้นมาหมดแล้ว
สีหน้าของเขาโกรธเกรี้ยว ขณะที่กำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา ก็เห็นว่าในหมอกสีดำที่อยู่ข้างกายของพวกเขามีเสียงของฟ่านอิงเปล่งออกมา
“พอแล้ว”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้บริเวณทั้งหมดเงียบงันลงไปในทันที จากนั้นเพียงครู่เดียวทั้งหมดก็ตระหนกขึ้นมาราวหม้อน้ำระเบิด
………………………….