ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 605 ความปรารถนาของศิษย์ ข้าย่อมสนับสนุน ชีวิตของศิษย์ ข้าย่อมปกป้อง
- Home
- ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง
- ตอนที่ 605 ความปรารถนาของศิษย์ ข้าย่อมสนับสนุน ชีวิตของศิษย์ ข้าย่อมปกป้อง
ร่างของนางส่องประกายระยิบระยับ พอหันตัวไปก็ค่อยๆนั่งลงบนบัลลังก์อย่างช้าๆ
สองขาไขว้กัน มือข้างหนึ่งเท้าคางเอาไว้ สายตาเย็นชากวาดลงไปบนร่างของตู๋กูซิงหลันรอบหนึ่ง
สตรีที่เกิดมามีรูปโฉมอันล้ำเลิศ ราศีประจำตัวก็แข็งแกร่งเหนือธรรมดาเช่นนี้ ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะเคยได้เห็นเป็นครั้งแรก
สองขาคู่นั้นงดงามราวกับว่าหลุดออกมาจากในภาพเขียน ทำให้คนต้องวิญญาณหลุดลอย คิดแต่จะไปประจบกับขาของพี่สาวคนงามเท่านั้น
หางจิ้งจอกทั้งเก้าเป็นสีแดงดุจกองเพลิง กวัดแกว่งอยู่ที่ด้านหลังของนางราวกับฉากปรากฏตัวของปีศาจร้ายฉากหนึ่ง
เพียงแค่หางจิ้งจอกทั้งเก้าเส้นก็ยึดพื้นที่ว่างในตำหนักใหญ่ไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ถึงจะเรียกนางว่าเป็นปีศาจ แต่ว่านางกลับดูเหมือนทวยเทพที่มนุษย์ไม่อาจต่อต้านใดๆได้มากกว่า
แม้แต่ตู๋กูซิงหลันก็ยังต้องลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
สายตาของนางถึงกับไม่อาจละไปจากร่างของพี่สาวจิ้งจอกผู้นี้แม้แต่ชั่วขณะเดียว ไอปีศาจสีแดงขาวที่ไหลเวียนสลับกันไปมาอยู่รอบกาย สามารถเขย่าจิตวิญญาณของพวกมนุษย์ให้สั่นสะเทือนได้เลยด้วยซ้ำ
แข็งแกร่งอย่างยิ่ง! พี่สาวผู้นี้แข็งแกร่งระดับพระกาฬไปแล้ว!
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้เลยว่า พี่สาวท่านนี้บางทีอาจจะมิได้อ่อนแอไปกว่าบิดาของนางเลยด้วยซ้ำ
ต๋าจี่ คือนางปีศาจที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกมนุษย์
ตอนนี้เมื่อมาปรากฏขึ้นตรงหน้าของตน ตู๋กูซิงหลันกลับรู้สึกว่า นางเป็นเหมือนดั่งทวยเทพ ที่ทำให้ผู้คนทั้งเคารพและรักใคร่มากกว่า
นั่นเป็นความรู้สึกปลาบปลื้มที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย
แต่ไหนแต่ไรตู๋กูซิงหลันก็ชื่นชอบคนงามมาตลอด ยามนี้เมื่อมียอดหญิงงามมาอยู่ตรงหน้า นางถึงกับรู้สึกว่าตาของตนเองใกล้จะบอดแล้ว
ท่านเจ้าสำนักยืนอยู่ด้านหนึ่ง ตอนนี้เพราะความตื่นเต้นในใจของศิษย์ พลังในการอ่านใจของเขากำลังใกล้จะระเบิดเข้าไปทุกที
เขาไม่เคยสัมผัสได้ถึงหัวใจของศิษย์น้อยที่ตื่นเต้นจนระทึกถึงเพียงนี้มาก่อนเลย
ราวกับว่าปีศาจจิ้งจอกตัวใหญ่ตรงหน้า ก็คือคนรักในอีกซีกโลกหนึ่งของนางนั่นเอง นางตื่นเต้นเสียจนหัวใจใกล้จะระเบิดอยู่แล้ว
ท่านเจ้าสำนักมีแต่ความหนักใจ ทั้งยังไม่ยินดีเลยสักนิด
พวกเผ่าจิ้งจอก ถนัดล่อลวงและควบคุมจิตใจมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร จิตวิญญาณของพวกมันดึงดูดให้คนเกิดความหลงใหล ดูท่าศิษย์น้อยจะติดกับเข้าอย่างเต็มเปาแล้ว
อ้อ เขาไม่ควรไปโทษศิษย์น้อย หากจะโทษก็ต้องโทษเจ้าปีศาจจิ้งจอกพวกนั้น
ในจมูกมีแต่กลิ่นไออันอ้อยอิ่งของพวกมัน ทำให้คนรู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง
ที่จริงแล้วกลิ่นที่ท่านเจ้าสำนักรู้สึกว่า ‘ขี้อ่อย’ ในจมูกของตู๋กูซิงหลันกลับรู้สึกเพียงว่าหอมหวน
เป็นกลิ่นหอมแบบโบราณ ที่ให้ความรู้สึกถึงความยอดเยี่ยมและสูงส่ง
พี่สาวไม่เพียงแต่เกิดมามีรูปโฉมงดงามเหนือล้ำ แม้แต่กลิ่นหอมเฉพาะตนก็ทำให้คนรู้สึกว่าน่าหลงใหลอย่างยิ่ง
ดวงตาและหัวคิ้วของตู๋กูซิงหลันวาดโค้ง พอเท้าขยับ ร่างก็เขยื้อนไปด้านหน้าอย่างไม่รู้ตัว
“ท่านพี่ต๋าจี่เจ้าคะ….” นางเอ่ยเรียกครั้งหนึ่ง แม้แต่หัวคิ้วก็เปลี่ยนเป็นโค้งตาม
มีแต่ผีสางเท่านั้นที่รู้ว่านางกำลังตื่นเต้นถึงเพียงไหน!
เดิมทีองค์ราชินีเพียงเหลือบมองดูนางอย่างเย็นชาเท่านั้น แต่ว่าขาที่ตอนนี้เตรียมจะเตะนางลงจากเขาไปในเท้าเดียวกลับต้องชะงักไปเพราะคำเรียกหาว่า ‘ท่านพี่ต๋าจี่’
ใบหูจิ้งจอกบนศีรษะอดไม่ได้ที่จะขยับน้อยๆครั้งหนึ่ง
แววตาของนางหลุบลง ขนตาที่ยาวและหนาเป็นแพบดบังประกายในแววตาของนางเอาไว้จนหมดสิ้น
นางไม่ชอบชื่อต๋าจี่นี้เลย เพราะว่ามันเต็มไปด้วยความทรงจำที่นางไม่อยากจะนึกถึง
ดังนั้นในหุบเขาหมื่นปีศาจจึงแทบจะไม่เคยมีใครกล้าเรียกนางด้วยชื่อนี้ด้วยซ้ำ
ทุกคนต่างก็เรียกหานางว่าเป็นองค์ราชินี
อยู่ๆก็ได้ยินชื่อนี้ขึ้นมา ทำให้เรื่องที่เคยลืมไปแล้วย้อนกลับมาใหม่ราวกับน้ำหลาก
นางปิดตาลง พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สายตาก็หยุดอยู่ที่แหวนจิ้งจอกบนนิ้วของตู๋กูซิงหลัน
นางค่อยเอ่ยปากขึ้นมาอย่างช้าๆว่า “เจ้าก็คือนางในดวงใจของเสี่ยวเยา ฮ่องเต้หญิงน้อยแห่งดินแดนโบราณผู้นั้น”
หางเสียงของนางแฝงความเกียจคร้าน สายตาของนางมองออกไปยังนาฬิกาแดดที่วางอยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่ามันหมุนไปแล้วกี่รอบ
เพราะเลือดพิษของเจ้าครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกรนั่น ทำให้นางถึงกับหลับไหลไปหลายวัน พอตื่นขึ้นมา หุบเขาปีศาจก็เพิ่มคนไม่กลัวตายขึ้นมาอีกหลายคนรึ?
อืม ทั้งยังกล้าบุกเข้ามาในหุบเขาปีศาจของนาง
ตู๋กูซิงหลันรีบโบกไม้โบกมือทันที “ไม่คู่ควรเอ่ยถึง ไม่คู่ควรเอ่ยถึง ข้าเห็นจิ้งจอกน้อยเป็นเหมือนน้องชายเสมอมา”
กับซูเยา ตู๋กูซิงหลันไม่เคยคิดอะไรในทำนองชายหญิงมาก่อนเลย
ที่ตอนนี้นางกำลังตื่นเต้น ก็เป็นเพราะว่าท่านพี่ต๋าจี่กำลังพูดคุยกับนางต่างหาก สุดยอด!
ท่านพี่ต๋าจี่ตัวเป็นๆ!
ตอนนี้นางกลายเป็นพวกแฟนคลับไปแล้ว สองตามีแต่ประกายวิบวับราวกับดวงดาว
ในเมื่อมีจิ้งจอกในตระกูลซูของข้าไปชอบเจ้า เจ้าก็ต้องรับเอาไว้” ท่านพี่ต๋าจี่ยังคงวางท่าสูงส่ง นางสลับเท้าไขว้ขา สายตายังคงเย็นชา
“อย่าว่าแต่ที่เจ้าได้ไปเป็นความรักจากน้องชายของข้า”
องค์ราชินีทรงเลื่องลือในเรื่องพื้นอารมณ์ไม่ดี ยามปกติเมื่อไม่พอใจขึ้นมาก็จะจับน้องชายของตนเองมาซ้อมสักรอบหนึ่ง
ก็แค่เจ็บพอแปลบๆ
น้องชายของตนเอง มีแต่ตนเท่านั้นที่รังแกได้ ผู้อื่นอย่าได้แตะต้องแม้แต่เส้นขน
ตู๋กูซิงหลัน “เอ่อ…..”
ทำไงดี เจอคนหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่ว่านางพูดอะไรออกมา ก็รู้สึกว่าน่าฟังไปหมด
ทั้งหัวตาและหางคิ้วของตู๋กูซิงหลันโค้งมนไปหมดแล้ว
นางทำท่าราวกับว่า มิว่าท่านจะพูดอะไรออกมาข้าก็เห็นว่าดีทั้งสิ้น
ก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยสวยงามน่าดูมากๆแล้ว แต่ว่าความงามของท่านพี่ต๋าจี่ถึงขั้นบรรยายไม่ถูกจริงๆ
“ตอนที่อยู่ในโลกปัจจุบัน เจ้าเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ครั้งหนึ่ง วันนี้เจ้าบุกรุกเข้ามาในหุบเขาหมื่นปีศาจ เห็นแก่ที่เจ้าจิ้งจอกงี่เง่านั่นติดค้างชีวิตเจ้าครั้งหนึ่ง ข้าก็จะไว้ชีวิตของเจ้าสักครั้ง”
นางโบกแขนเสื้อขึ้นมาครั้งหนึ่ง ในตำหนักก็พลันปรากฏวงแสงสะท้อน ราวแผ่นกระจกสะท้อนขึ้นมา
ตัวกระจกบานนั้นกำจายไอปีศาจออกมาอยู่ตลอดเวลา
ในกระจกสะท้อนภาพทิวทัศน์ที่เชิงเขาของหุบเขาปีศาจ
“ลงจากเขาไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้ไม่อาจกลับมาเหยียบย่ำหุบเขาปีศาจได้อีกแม้แต่ครึ่งก้าว”
ท่านเจ้าสำนักย่อมไม่ได้ลงมือ
ในเมื่อเจ้าจิ้งจอกตัวใหญ่นี่คือ ‘ไอดอล’ ของศิษย์น้อย คือคนที่นางชื่นชอบและอยากพบ
ไม่ว่าเขาจะชิงชังพวกจิ้งจอกในที่นี่สักเท่าไร ขอเพียงนางชื่นชอบ ต่อให้นางคิดจะครอบครองหุบเขาปีศาจแห่งนี้ กลายเป็นเจ้าของคนใหม่ เขาก็จะจัดการให้นางพอใจโดยไม่ต้องเอ่ยซ้ำ
“ความปรารถนาของศิษย์ ข้าย่อมต้องสนอง ชีวิตของศิษย์ข้าย่อมปกป้อง”
ขณะที่พูด รอบกายท่านเจ้าสำนักก็ปรากฏหมอกสีดำกำจายออกมาเป็นชั้นๆ ทันทีที่หมอกสีดำปรากฏออกมา ก็สะกดไอปีศาจลงปได้หลายส่วน
“เรื่องที่นางไม่เต็มใจจะทำ ไม่ว่าผู้ใดในใต้หล้าก็ไม่อาจบีบบังคับได้”
ท่านเจ้าสำนักยืนอยู่ข้างกายตู๋กูซิงหลัน สายตาที่มองไปยังต๋าจี่เย็นชาอย่างที่สุด
ผู้คนในใต้หล้าต่างก็ถูกความงดงามและเสน่ห์ของนางดึงดูดเอาไว้ ยกเว้นแต่เพียงเขา
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด …..หรือบางทีนี่อาจเป็นพรหมลิขิต
ที่ในสายตานี้มีแต่เพียงศิษย์น้อยเพียงผู้เดียว
ต๋าจี่จึงเหลือบตามองดูบุรุษผู้นี้แวบหนึ่ง
ตั้งแต่ตอนแรก ความสนใจทั้งหมดของนางก็อยู่ที่ร่างของตู๋กูซิงหลัน นางรู้สึกว่าทั้งแววตาและหัวคิ้วของฮ่องเต้หญิงผู้นี้มีบางสิ่งที่ดูคุ้นเคยอย่างยิ่ง
ดังนั้นจึงละเลยบุรุษอีกสองคนที่อยู่ข้างกายนาง
ยามนี้พอท่านเจ้าสำนักจงใจใช้พลังออกมาสลายแรงกดดันรอบข้างออกไป จึงดึงดูดความสนใจของนางได้สำเร็จ
ท่ามกลางหมอกสีดำที่เข้มข้น เส้นผมสีดำราวน้ำหมึกของเขาพลิ้วไปตามสายลม
ดวงหน้านั้นทั้งหล่อเหลาและเย้ายวน แม้แต่เหล่าจิ้งจอกตัวผู้ในตระกูลของนางยังไม่มีผู้ใดเทียบได้
มิน่าเล่า ฮ่องเต้หญิงแผ่นดินโบราณผู้นั้นจึงมิได้เห็นค่าความรักของเสี่ยวเยาอยู่ในสายตา เป็นเพราะว่าข้างกายตนเองมีบุรุษที่โดดเด่นเช่นนี้อยู่ก่อนแล้วนั่นเอง
ดวงตาของต๋าจี่กระตุก “บุรุษในใต้หล้า ล้วนรู้จักกล่าวคำหวานให้สตรีเบิกบานใจ ปากที่บอกว่างามที่สุดก็คือเจ้า สุดท้ายแล้ว วิ่งหนีไปเร็วที่สุดก็คือพวกเจ้า”
………………………………