ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 757 โอกาสหนึ่งในสอง
พริบตานั้นฮว๋ายยู่ถึงกับร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมา ฝีเท้าของนางหยุดอยู่กับที่ ริมฝีปากแดงเปิดกว้าง แต่กลับไม่มีคำพูดหยุดออกไปแม้เพียงครึ่งคำ
ดวงตาคู่นั้น ไม่อาจบอกว่ากำลังหวาดกลัว แต่แววตาเปี่ยมไปด้วยความซับซ้อนและสับสน
มุมโอษฐ์ของตี้เสียมีแต่เลือด พระองค์ยังคงทอดพระเนตรมองนางอย่างลึกลับน่ากลัว “เจ้ารักเราที่สุดมิใช่หรือ? ทำไมตอนนี้เราตื่นขึ้นมาแล้ว ดูเจ้าไม่เห็นจะดีใจสักเท่าไร?”
พระองค์ตรัสพลาง ก็เสวยหัวใจครึ่งดวงนั้นลงไปอย่างละเลียด
ฮว๋ายยู่รู้สึกว่าในกระเพาะพลิกตลบราวเกลียวคลื่น แทบจะอาเจียนออกมาเดี๋ยวนี้
“นี่คือรังเกียจเราแล้วหรือ?” ตี้เสียไม่สบพระอารมณ์ พระองค์เสวยหัวใจในพระหัตถ์หมดแล้ว ก็เตะซากศพของเทพธิดาผู้นั้นลงจากพระแท่นบรรทม
จากนั้นก็ตรงเข้ามาหาฮว๋ายยู่
พระหัตถ์ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเชยคางของนางขึ้นมา นัยตาสีทองคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยไอมารหนาแน่น จับจ้องไปที่ฮว๋ายยู่ ราวกับว่าจะมองนางให้ทะลุ
ฮว๋ายยู่ได้เห็นดวงเนตรคู่นั้น หัวใจก็ต้องสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ นั่นเป็นความรู้สึกเหน็บหนาวที่เกิดขึ้นจากในแก่นกระดูก
นางอยู่กับบุรุษผู้นี้มาเนิ่นนานจนไม่รู้ว่ากี่เดือนกี่ปีแล้ว ตี้เสียทรงเป็นคนเช่นไร นางย่อมเข้าใจดีที่สุด
นางไม่เคยหวาดกลัวตี้เสียมาก่อน แต่ว่าครั้งนี้ ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นจากภายใน แทบจะกลืนกินนางลงไป
ถูกเชยคางขึ้นมา แม้ว่าจะใช้กำลังไม่มาก แต่ฮว๋ายยู่กลับรู้สึกเหมือนกับว่าคางกำลังจะทะลุ
ศพของเทพธิดาผู้นั้นยังอยู่ที่ปลายเท้า เลือดเนื้อเละเทะ เลือดสดไหลอาบไปทั่วพื้น ใบหน้าที่ไม่สมบูรณ์อีกแล้วนั้นแข็งค้าง ลูกตาที่มีแต่เส้นเลือดคู่นั้นกำลังจ้องมองมาที่นาง
ภาพนั้นทำให้ฮว๋ายยู่อดจะนึกถึงความตายของตี้หยูเอ๋อร์ไม่ได้
ร่างกายของนางถึงกับสั่นไปหมดแล้ว
ตี้เสียเห็นแล้ว ก็คลายพระหัตถ์ออก พลิกฝ่าพระหัตถ์โอบคนเข้ามาในอ้อมพระอุระ พระหัตถ์ที่เปื้อนเลือดยังลูบผ่านใบหน้าของนาง จากนั้นก็กระซิบลงไปที่ริมหูของนาง ตรัสเสียงเบาว่า “ไม่ต้องกลัว เรามิใช่สามีของเจ้าหรอกหรือ? แน่นอนว่าจะต้องไม่ทำร้ายเจ้าอยู่แล้ว”
เขาคือตี้เสีย เพียงแต่ตอนนี้กลับเป็นตี้เสียที่สมบูรณ์แล้ว ก็เท่านั้น
เนิ่นนานมาแล้วตั้งแต่ครั้งบรรพกาล เพื่อกลายเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งแดนสวรรค์ เขาจึงได้ละทิ้งจิตมารของตนเอง คิดไม่ถึงว่า ไปๆมาๆจิตมารนั่นจะกลายเป็นราชันย์แห่งจอมมารไป ส่วนแดนสวรรค์ในตอนนี้ เพราะการกระทำของซือเป่ยจึงถูกไอมารครอบคลุมไปหมดเสียนานแล้ว จิตมารนั่นจึงสามารกลับสู่ร่างของเขาได้อย่างสบายๆ
เขาทุ่มเทความคิดไปมากมายเพื่อทำลายจิตมารของตนเอง แต่ว่าสุดท้ายแล้วจิตมารนั่นกลับช่วยเขาเอาไว้
เขานอนหลับอยู่ในแดนสวรรค์มาเนิ่นนาน ถูกซือเป่ยทำร้ายจนดวงจิตเกือบจะแตกสลาย หากมิใช่เพราะว่าจิตมารนั่นกลับคืนสู่ร่างอย่างทันท่วงที จิตมารที่แข็งแกร่งช่วยฟื้นฟูดวงจิตของเขาให้สมบรูณ์ เกรงว่าตี้เสียคงต้องจบสิ้นไปจริงๆแล้ว
ฮว๋ายยู่อยู่ในอ้อมแขนของเขา นางแทบจะไม่กล้าขยับไปไหน ผ่านไปครู่ใหญ่ในดวงตาของนางค่อยมีน้ำตาหลั่งออกมา เอ่ยอย่างสะเทือนใจว่า “เทียนตี้ พระองค์สามารถฟื้นขึ้นมาได้นับเป็นบุญวาสนาของฟ้าดิน ซือเป่ยผู้นั้น….”
นางเอ่ยยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงตี้เสียหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “เขาตายไปแล้ว”
ฮว๋ายยู่ ตกตะลึงไป “หา?”
ตี้เสียปรายพระเนตรมองนางอีกครั้ง “เขาถูกเรากินลงไป แม้แต่ดวงจิตก็ถูกกลืนกินจนหมดสิ้น!”
ประโยคนั้นของตี้เสีย ทำให้ฮว๋ายยู่คิดถึงภาพที่นางกินเทพธิดาผู้นั้นลงไป สมองของนางส่งเสียงวิ้งๆไปหมด ซือเป่ยที่ทั้งแข็งแกร่งและเจ้าเล่ห์ กลับถูกเขากินลงไปแล้ว?
“อ้อ ลืมบอกเทียนโฮ่วไปเลย จิตวิญญาณของเขาถูกเรากินลงไป แน่นอนว่าเรื่องที่อยู่ในจิตสำนึกของเขาทั้งหมด เราย่อมได้รู้หมดแล้ว”
คำพูดนี้ทำเอาฮว๋ายยู่ถึงกับเข่าอ่อน สีหน้าของนางเปลี่ยนไป แทบจะล้มลงไปบนพื้น
เขาได้รู้ความคิดทั้งหมดของซือเป่ย …..นั่นก็หมายความว่า เขาเห็นความทรงจำทั้งหมดของซือเป่ยแล้ว
แน่นนอนว่าเขาจะต้องรู้เรื่องระหว่างนางและซือเป่ยด้วย
ตี้เสียเป็นคนที่เย่อหยิ่งเพียงไร เขาไหนเลยจะยอมทนให้ภรรยาของตนเองกับผู้อื่น….
“เทียนตี้ ข้า…ข้าถูกบีบบังคับ!” ฮว๋ายยู่น้ำตานองดุจดอกสาลี่ต้องสายฝน ประคองท้องอันใหญ่โตคุกเข่าลงไปบนพื้น
สองมือของนางโอบกอดข้อเท้าของเขาเอาไว้ เงยหน้ามองดูเขาทั้งน้ำตา “ยู่เอ๋อร์ติดตามท่านมานานหลายปี ใจข้าที่มีให้ท่านเป็นเช่นไร ท่านยังไม่กระจ่างชัดอีกหรือ?”
“ซือเป่ยจิตใจชั่วช้า อาศัยช่วงที่ท่านหลับลึกควบคุมแดนสวรรค์ หากยู่เออร์ไม่ทุ่มเทกำลังคุ้มครองเทียนจุน…..เกรงว่าท่านก็คงๆ….จิตวิญญาณแตกสลายไปแตกแรกแล้ว…..”
ฮว๋ายยู่ร้องไห้อย่างชอกช้ำ “แม้แต่บุตรสาวของพวกเรา….หยูเอ๋อร์ ก็ยังต้องตายอย่างอนาถใต้น้ำมือของเดรัจฉานนั่น ข้าไร้หนทาง ไร้หนทางจริง….”
นางร่ำไห้ด้วยความทรมานใจอย่างน่าสงสาร ร้องจนน้ำเสียงขาดหาย
ตี้เสียปล่อยให้นางร่ำไห้จนจบ แต่มิได้รีบร้อนพยุงนางขึ้นมา
ฮว๋ายยู่ดีต่อเขาเช่นไร เขารู้ดี
“ตอนนั้นจู่ฮว๋ายไม่รู้จักรักดี ทำร้ายหัวใจของเรา เป็นเจ้าที่คอยอยู่เคียงข้างเราเสมอมา ตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่เคยทำสิ่งใดผิดพลาด เราย่อมเชื่อถือเจ้า”
ผ่านไปพักใหญ่ ตี้เสียถึงได้เอ่ยพระโอษฐ์ขึ้นมา ที่สุดแล้วในใจของเขาก็ยังคงคำนึงถึงความดีของสตรีผู้นี้อยู่บ้าง
หัวใจของฮว๋ายยู่อบอุ่นขึ้นมา มองไปที่เขาด้วยความหวัง “เทียนตี้ ต่อไปยู่เอ๋อร์จะต้องตั้งอกตั้งใจรับใช้ท่าน ไม่กล้าทำผิดอีกแล้ว”
ว่าแล้ว ตี้เสียก็ค่อยพยุงนางขึ้นมา ให้นางนั่งลงบนแท่นบรรทม
บนแท่นนั้นยังอาบไปด้วยเลือดของเทพธิดาจนชุ่มโชก
ฮว๋ายยู่ได้แต่แข็งใจนั่งลงไป
ตี้เสียประทับยืนอยู่ที่ข้างกายนาง สายพระเนตรมองไปยังครรภ์ที่นูนขึ้นมาของนาง
“เมื่อหลายเดือนก่อน เจ้ากับซือเป่ยอยู่ร่วมกันคืนหนึ่ง” ประโยคนั่นเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้แน่ชัด ฮว๋ายยู่ไม่อาจปฏิเสธ
นางกัดริมฝีปาก “คืนนั้นเป็นวันเกิดของข้า จึงได้ดื่มมากเกินไป คาดไม่ถึงว่าซือเป่ยผู้นั้นจะวางแผนการเอาไว้ จึงเข้าใจผิดว่าเขาคือท่าน ข้าถึงได้…”
ที่จริงนางไม่จำเป็นจะต้องอธิบาย ตี้เสียมีความทรงจำของซือเป่ยทั้งหมด ย่อมรู้ที่มาที่ไปจนกระจ่างอยู่แล้ว
เห็นแก่ที่ฮว๋ายยู่ติดตามเขามานานปี เรื่องนี้เขาพอจะให้อภัยนางได้อยู่
“แต่ว่าบุตรในครรภ์ของเจ้า ไม่รู้ว่าจะใช่ของซือเป่ย หรือว่าเป็นของเรา”
ประโยคนั้นทำเอาหัวใจของฮว๋ายยู่เย็นวาบ ….ว่าตามจริงแล้ว ที่จริงแม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่
“ในเมื่อเป็นเดรัจฉานที่ไม่อาจยืนยันสายเลือดตัวหนึ่ง ปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
พอตี้เสียตรัสประโยคนี้ออกมา ฮว๋ายยู่ก็เกือบจะใจสลายจนเป็นลมลงไป
นางพึ่งจะสูญเสียบุตรสาวไปคน ตอนนี้ยังจะต้องมาสูญเสียบุตรชายไปอีกหรือ?
นางปรารถนาจะมีบุตรชายมานานหลายปี เขายังไม่ทันได้คลอดออกมาเลย!
“เทียนตี้ ไม่นะเพคะ!” ฮว๋ายยู่ทรุดลงไปบนพื้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงตรงหน้าตี้เสีย
“นี่เป็นความผิดที่ยู่เอ๋อร์ก่อขึ้น แต่ว่าเด็กคนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ ….ตอนนี้ยังอยู่ในครรภ์ไม่อาจพิสูจน์สายโลหิตได้ แต่เขาก็มีโอกาสจะเป็นบุตรของท่านถึงครึ่งหนึ่งมิใช่หรือ?”
“ขอท่านโปรดอนุญาตให้ข้าคลอดเขาออกมาก่อน ค่อยพิสูจน์สายโลหิตเถอะนะ!”
“หากพระองค์ตัดสินพระทัยเช่นนี้ อาจจะเป็นการสังหารบุตรแท้ๆของพระองค์เอง!”
ฮว๋ายยู่น้ำมูกน้ำตาไหล มองดูแล้วน่าสงสารอย่างที่สุด
แต่ว่าครั้งนี้ ตี้เสียมิได้สงสารนางอีกแล้ว
พระองค์ประทับยืนตรงดุจพู่กัน ปรายพระเนตรมองดูนาง
“เจ้าบังอาจมีชู้ล่วงเกินเรา ช่างกล้าล่วงเกินเราอย่างฮึกเหิมนัก”
“เราปรารถนาดีจึงได้จะทำลายเจ้าเดรัจฉานนี่ ก็เพื่อจะรักษาชื่อเสียงของเจ้า รักษาความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของพวกเรา เจ้ายังจะกล้ามาอ้อนวอนอีกหรือ?”
……….