ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1031 ใครกล้าบังอาจแตะต้องเธอ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1031 ใครกล้าบังอาจแตะต้องเธอ?
วาริชถึงกับตื่นขึ้นมาจากความฝัน
จากนั้น เขาก็คลานออกไปอย่างสั่นระรัวอ่อนแรงไปทั้งตัว
เขารู้ว่าเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วไป
แต่ฉากนี้ในวันนี้ ก็ทำให้เขาตกใจมาก ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่ง และโหดเกินไปแล้วจริง!
ในที่สุดวาริชก็จับรถคันนี้เอาไว้แน่น ในวินาทีที่นั่งลงนั้น บนที่นั่งก็มีเลือดสดๆ พุ่งออกมา ไหลติดไปทั่วตัวของเขา
“คุณ…..คุณแสงดาว พวกเราต้องหยุดรถก่อนไหม? เอาศพ……..ศพนี้โยนลงไปก่อน”
“หยุดอะไรกัน? นายแม่งเปิดประตูรถแล้วถีบเขาออกไปทำไม่เป็นเหรอ? ฉันจะบอกนายให้นะ หยุดรถตอนนี้ นายก็รอให้พวกเราสองคนถูกจับกินจนไม่เหลือซากงั้นเหรอ?”
แสงดาวกุมท้องของตัวเองอยู่ที่ด้านหลัง เบ่งกัดฟันด่าออกมาอย่างเหลืออดที่จะทน
วาริชเห็นลักษณะที่เพียงโดนลมพัดเบาๆ ก็ล้มลงไปได้นั้นของเธอผ่านทางกระจกมองหลัง ก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรต่อ หลังจากที่รวบรวมความกล้าเปิดประตูรถออก เขาลองอยู่หลายครั้ง
กว่าที่จะโยนศพร่างนี้ออกไปจากในรถได้
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
คนขับรถแท็กซี่คันนี้เป็นใครกัน? พวกเขาถูกใครจับตามองอยู่แล้วเหรอ?
หลังจากจัดการกับศพเสร็จแล้ว เป็นเวลานานมากที่ทั้งสองคนในรถไม่พูดอะไร อากาศกดดันมาจนทำให้คนแทบจะเป็นบ้าได้
แต่โชคดีไม่ได้เข้าข้างพวกเขาเลย หลังจากที่พวกเขานำศพนี้โยนทิ้งไปได้ไม่ไกลมากนัก ด้านหลังก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังตามมาติดๆ
ไม่นานนัก วาริชก็มองเห็นรถยนต์สีดำสองคันจากในกระจกมองหลัง ซึ่งดูเหมือนกับเจ้าหมาป่าดุร้ายที่พุ่งจะเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ขับไล่ตามหลังพวกเขามาอย่างดุเดือดแล้ว!
“คุณ…..คุณแสงดาว…….”
“นายตื่นกลัวอะไร? เป็นผู้ชายตัวใหญ่ทั้งที หลบออกไปซะ!”
แสงดาวเริ่มด่าฉาดแล้ว
เธอก็ปีนขึ้นมาจากที่นั่งด้านหลัง ไม่ทันได้สนใจถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในท้อง เธอก็มุดมาถึงแถวหน้าและขับรถแทนเขา
ถ้าหากจะพูดถึงฝีมือ แสงดาวเธอเก่งกว่าเขาเป็นร้อยเท่าจริงๆ ตัวเธอก็คือนักเข่ง แม้แต่รถมอเตอไซค์ก็สามารถขี่ราวกับบินวน นับประสาอะไรกับรถยนต์สี่ล้อคันนี้
แต่ว่าเจ้าถั่วงอกคนนี้เมื่อเห็นว่าเธออยู่ในสภาพนี้ แล้วยังจะปีนมาขับรถอีก
ความเป็นลูกชายในตัวเขาก็เดือดพลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที
“ไม่ต้อง คุณแสงดาว คุณนั่งดีๆ ถ้าหากไม่มีปัญหาล่ะก็รบกวนคุณโทรศัพท์หาประธานคณาธิปให้หน่อย” เขาพูดเพียงประโยคนี้ ทันใดนั้น เท้าก็เหยียบคันเร่งลงไป
ในทันใดนั้น แสงดาวที่เดิมทีจะปีนมานั้น ก็จำเป็นต้องถอยกลับไปนั่งลงบนที่นั่งตัวเองตามเดิม
ข้างหูได้ยินเสียงลมหวีดหวิว เธอกัดฟันกรอด สุดท้ายได้เพียงแค่ทำตามที่เจ้าถั่วงอกนี้กำชับ โทรออกไปยังหมายเลขโทรศัพท์นั้นที่เธอไม่เคยคิดจะเป็นฝ่ายโทรหาก่อนเลย
“ตู๊ด…..ตู๊ดตู๊ด………..”
มีความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวลืออยู่ตลอดว่าหลังจากที่ของไร้ค่านี่หายสาบสูญไป ก็ไม่มีใครโทรศัพท์หาเขาติดอีกเลย
ในเวลานี้ แสงดาวกลับโทรติดแล้ว
ไอ้ตัวแสบนี่!!
แสงดาวกำโทรศัพท์ไว้แน่นทันที
แต่รถด้านหลังนั้นขับมาเร็วมาก โทรศัพท์นี้ของเธอยังไม่ทันที่จะมีคนรับสาย ก็ได้ยินเพียง “โครม” เสียงดังมาก ทั้งตัวของเธอก็กระเด็นลอยออกไปจากที่นั่งในทันที
“คุณแสงดาว!!”
วาริชที่อยู่ด้านหน้าเห็นเข้า
ทันใดนั้น หลังจากสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้แต่พวงมาลัยก็ไม่สนใจจะจับไว้ ปล่อยมือทั้งสองข้างแล้วเขาก็พุ่งมารองตัวเองไวด้านล่างของหญิงสาวคนนี้
“โอ๊ย–“
เสียงโอดโอยทั้งสองเสียง คือแทบจะดังขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียว
แต่ที่ทำให้คนได้โล่งอกก็คือ เพราะการมาช่วยอย่างกะทันหันของคนคนนี้ แสงดาวก็ไม่ได้รับแรงกระแทกอะไรมากนัก
แต่ทั้งตัวเธอก็ล้มทับลงบนตัวของเขาแค่นั้น
“คุณ………คุณแสงดาว คุณเป็นอะไรไหมครับ?”
เจ้าถั่วงอกนี้ ค่อยยังชั่วจากความเจ็บปวดอย่างหนัก วินาทีแรกที่เงยหน้าขึ้นมาถามยังคงเป็นเรื่องของแสงดาว
ขอบตาของแสงดาวแดงก่ำ
เป็นเวลานานมากกว่าจะลุกขึ้นจากบนตัวเขา จากนั้นพยุงตัวและค่อยๆ มองดูทิศทางไปของรถ
รถของเธอได้ถูกชนจนหยุดลงแล้ว การโจมตีจากทั้งหน้าทั้งหลัง ก็ได้ถูกบีบออกมาอยู่กลางถนนสายนี้แล้ว มันชนเข้ากับส่วนสำคัญโดยตรงจนรถเสียหายไปทั้งคัน
ดังนั้น ต่อจากนี้พวกเขาจะโดนอะไร?
แสงดาวมองดูชายชุดดำที่เดินถือท่อนเหล็กกับมีดตรงมาทางรถคันนี้ที่พวกเขาอยู่ทีละก้าว
“คุณแสงดาว คุณ…..คุณรีบหนีไป ผมจะล่อพวกมันไว้เอง”
วาริชเองก็เห็นแล้ว
ทันใดนั้น หลังจากที่เห็นเพียงแค่ใบหน้าสีหน้าขาวซีดราวกับกระดาษและยังมีคราบเลือดของเขา ดวงตาทั้งคู่ก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวเป็นที่สุด แม้แต่ร่างกายเองก็เริ่มสั่นเทา
จะว่าไปแล้ว เขาเป็นเหมือนต้นกล้าอ่อนที่เติบโตมาในห้องเรือนกระจกดีๆ นี่เอง
แต่ในเวลานี้ เขากลับเลือกที่จะปกป้องหญิงสาวคนนี้ ยอมที่จะเสียสละตัวเอง
แสงดาวอึ้งไปเล็กน้อย
ผ่านไปสักพัก ก่อนที่คนเหล่านั้นจะเปิดประตูรถของพวกเขาออก เธอก็ยื่นมือไปตบที่บนใบหน้าของชายคนนี้เบาๆ :”แอบให้ดีล่ะ”
จากนั้น ต้นขาที่ทั้งเรียวยาวและดูสวยของเธอก็เตะประตูรถบานนั้นจนเปิดออกไปจากในรถ ใครเริ่มก่อนใครได้เปรียบ!
สำหรับแสงดาว เธอคนนี้ไม่มีคำว่านั่งรอความตาย
“ปัง—-“
“ปังปังปัง!!“
แต่ตอนที่เธอจะใช้วิธีให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
จู่ ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาบนทางด่วนที่ไร้เงาคนแห่งนี้ หลังจากที่ได้ยินเพียงแค่เสียงกระสุนปืนที่พุ่งเข้าใส่ตัวคนอย่างดุเดือดแล้ว แสงดาวที่หลบอยู่ในรถก็ได้เห็นจนถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง–
พวกคนเหล่านี้ด้านนอกกลับล้มลงกองกับพื้นแล้วทั้งหมด
ราวกับว่าใบไม้ที่ร่วงหล่นเพราะโดนลมช่วงฤดูใบไม้ร่วง
เป็นใครกัน?
ทำไมถึงได้มาช่วยชีวิตเธอไว้?
สมองของแสงดาวโล่งเปล่าเล็กน้อย……