ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 105 สิ่งของบางอย่างกำลังจะเปิดเผยปรากฏออกมา
และเป็นเพราะเหตุนี้ หม่ามี๊เองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกัน
คิวคิวเช็ดขอบตาที่แดงและเปียกชื้น เป็นเวลานานจนสุดท้ายแล้วอารมณ์ก็ผ่อนคลายลงมาแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นแด๊ดดี้จะโทษหม่ามี๊ไหมครับ?”
“อะไรนะ?”
“หม่ามี๊ไม่ได้บอกแด๊ดดี้ว่ายังมีผมอยู่ด้วย รอหม่ามี๊ฟื้นขึ้นมาแล้ว หม่ามี๊จะตำหนิเธอหรือเปล่า?” คิวคิวจ้องมองไปยังแด๊ดดี้ในที่สุด ในดวงตาดวงเล็กๆนั้นแดง ไม่ได้มีความน้อยใจอยู่แล้ว
แต่เขามีความรู้สึกไม่สบายใจและความกังวลเพิ่มเข้ามา จ้องมองแสนรักอย่างไม่ละสายตา
แสนรักจะตำหนิว่าเส้นหมี่หรือเปล่า?
แน่นอนว่าคำตอบนั้นคือโทษอยู่แล้ว ห้าปีผู้หญิงที่สมควรตายคนนั้น ทั้งๆที่ตอนนั้นบอกว่ามีเพียงแค่ชินจังคนเดียวที่มีชีวิตมาได้
แต่ตอนนี้ล่ะ?
ไม่เพียงแค่ตัวเธอเองที่เหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่ ตอนนี้ยังมีลูกชายอีกคนหนึ่งที่โผล่ออกมาด้วย แล้วก็มีท่าทางร่าเริงมีชีวิตชีวาด้วยเช่นกัน เขาไม่โมโหสิถึงจะแปลก ถ้าหากว่าตอนนี้เธอไม่ได้นอนอยู่ในห้องผ่าตัดเหมือนกับตายไปครึ่งนึงแล้วแบบนี้ เกรงว่าก็คงจะถูกเขาจับโยนลงทะเลไปตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ตอนนี้……
ดวงตาของแสนรักมีภาพที่เลือดนองเต็มไปหมดฉากนั้นแล้ว ในที่สุดริมฝีปากบางของเขาก็เม้มเข้าหากัน แล้วส่ายหน้า
“ไม่หรอก เธอเลี้ยงดูเรามาจนโต แด๊ดดี้ไม่โทษเธอหรอก”
“จริงเหรอครับ?”
ในที่สุดคิวคิวก็รู้สึกดีใจขึ้นมาแล้ว เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ใบหน้าเล็กๆของเขานับว่าปรากฏรอยยิ้มออกมาแล้ว
แสนรักก็อืมตอบรับขึ้นทันที : “จริงสิครับ แด๊ดดี้ไม่เคยหลอกพวกเราอยู่แล้ว”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นแด๊ดดี้จะดูแลหม่ามี๊ไหมครับ?”
“แน่นอนสิ!”
แสนรักให้คำตอบที่ดูมั่นใจอย่างไม่ลังเล
เรื่องเหล่านี้แน่นอนว่าจะต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว อย่าว่าแต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บสาหัส ไม่จัดคนมาดูแล เธอไม่สามารถขยับตัวได้ ในฐานะที่เธอเป็นแม่ของพวกเขา เขาก็ไม่สามารถที่จะนั่งมองเฉยๆโดยไม่สนใจได้อยู่แล้ว
และในที่สุดลูกคนนี้ก็ยกโทษให้เขา
สองพ่อลูกปรับความเข้าใจกันแล้ว จากนั้นแสนรักในฐานะที่เป็นพ่อ ก็รับช่วงต่อจากเส้นหมี่ในช่วงที่เธออยู่ที่โรงพยาบาลพาลูกทั้งหมดกลับมายังเรืองรองด้วยกัน
แน่นอนว่ากับรินจังแล้ว เขายังคงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ้างเล็กน้อย
“ไปเถอะ แม่ของหนูยังอยู่ที่โรงพยาบาล หนูก็คงจะต้องกลับไปกับฉัน”
ตอนที่เขารับเธอกลับไปด้วยนั้น มองมาจากด้านบนด้วยท่าทางที่ดูเฉยๆ
รินจังเห็นแล้ว ก็รู้สึกน้อยใจปากมุ่ยจะร้องไห้ขึ้นมาทันที
เขาก็เป็นแด๊ดดี้ของเธอเหมือนกัน ทำไมเขาถึงดีกับพี่ชายขนาดนั้น แต่กลับเย็นกับเธอแบบนี้?
ดีที่คิวคิววิ่งเข้ามาในเวลานี้ เห็นน้องสาวน้อยใจ มือเล็กๆจึงกอดเธอเอาไว้ : “รินจัง ตอนนี้พวกเรายังพูดออกมาไม่ได้นะ หม่ามี๊ไม่ได้มีพี่เพียงคนเดียวแล้วนะ พี่กลัวว่าถ้าหม่ามี๊ตื่นขึ้นมาแล้ว เห็นว่าเธอเองก็ไม่ได้เป็นของหม่ามี๊อีกแล้ว หม่ามี๊จะเสียใจมากนะ”
“ใช่ รอหม่ามี๊ตื่นขึ้นมาก่อน!”
ชินจังเองก็เกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆด้วยเช่นกัน
เด็กผู้หญิงตัวน้อยถึงได้ไม่เสียใจแล้ว เธอโบกกำปั้นเล็กๆไปมา ตัดสินใจที่จะเป็นลูกคนสุดท้ายที่ปกป้องหม่ามี๊ ไม่ให้แด๊ดดี้คนไม่ดีมาแย่งลูกไปหมดด้วยความเด็ดเดี่ยว
หลังจากนั้นสามคนพ่อลูกก็กลับไปที่เรืองรองด้วยกัน
แต่ความจริงแล้วเกี่ยวกับเรื่องที่แสนรักตาบอด ไม่ได้เห็นว่ารินจังก็เป็นลูกของเขาด้วยเช่นกันนั้น สาเหตุส่วนมากเป็นเพราะในปีนั้นเธอเป็นคนที่เล็กที่สุดคนนั้น
ตอนนั้นแสนรักคลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์แปดเดือน หลังจากที่ส่งตัวมาโรงพยาบาล โชคดีที่หมอนุชนาถช่วยเธอผ่าตัดช่วยชีวิตเด็กทั้งสามคนเอาไว้
แต่ในตอนนั้น รินจังที่เป็นน้องเล็กสุด น้ำหนักตัวก็เป็นที่น่าตกใจมากเช่นกัน ตอนที่คลอดออกมานั้นก็เหมือนกับลูกหนูเลยอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นต่อมาเมื่อโตขึ้นมาและเทียบกับพี่ชายทั้งสองคนแล้ว ก็เหมือนกับเด็กที่อายุน้อยกว่าถึงสองขวบเลยอีกด้วย
ยังมีที่ว่าลูกสาวหน้าตาคล้ายกับหม่ามี๊ แสนรักมองไม่เห็นเงาของเขาในหน้าตาของเธอ จึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้
ในใจกลางเมือง ตระกูลเกตุสรัล
หลังจากที่แป้งร่ำรู้เรื่องนี้แล้ว ก็โมโหมาก!
“เส้นหมี่นังคนสารเลวนั่น! ไม่คิดว่าจะยังแอบซ่อนลูกเอาไว้อีกคนหนึ่งแบบนี้? ฝาแฝดนั่น ไม่คิดเลยว่าจะไม่ตายไปอีก!!”
เธอโมโหแทบบ้าแล้ว ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวจนดูน่ากลัว
สุขาวดีเองก็โมโหไม่เบาเลยด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้ เดิมทีเธอเป็นคนจัดการ ทุกๆขั้นตอนล้วนแต่ไม่มีข้อบกพร่อง เธอให้คนมาลักพาตัวเด็กไปก่อน หลังจากนั้นค่อยให้โจรลักพาตัวมาเรียกค่าไถ่กับแสนรัก แบบนี้แสนรักก็จะรู้ว่าลูกชายของเขาถูกเส้นหมี่ซื้อตัวให้มาเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่แรกแล้ว ไปๆมาๆทั้งสองที่อยู่บ่อยๆ
และถ้าหากว่าเขารู้ว่าลูกเกิดเรื่องขึ้น และกำลังอยู่ที่สถานที่นั้นที่เส้นหมี่เช่าเอาไว้ เช่นนั้นแล้ว เขาก็จะยิ่งโมโหเธอมากยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นแล้ว ก็จะจับเธอโยนออกไปนอกประเทศอีกก็ได้
แต่ใครจะรู้ว่าแผนการที่มิดชิดไม่มีช่องโหว่แบบนี้ สุดท้ายแล้วจะถูกเด็กที่จู่ๆก็โผล่ออกมานั้นทำให้วุ่นวายไปหมดแล้ว!
ฝาแฝด!!
คนสารเลวนั่น มีกลอุบายเสียจริงๆ!
สุขาวดีจัดคนให้มาจัดการเรื่องราวในตอนท้าย พลางจ้องมองหลานสาวที่กำลังคลั่งอยู่ด้วย
“แกร้องอะไร? เกิดเรื่องขึ้นก็ร้อง ร้องแล้วมันแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ไหม?”
“……….”
ถูกอาหญิงด่าออกมาแรงๆแบบนี้แล้ว ในที่สุดแป้งร่ำก็ไม่ได้โวยวายหนักขนาดนั้นแล้ว ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วค่อยๆสงบลง
แต่ความอาฆาตที่ดุร้ายและความเกลียดแค้นในดวงตาคู่นั้น คนๆหนึ่งสามารถมองออกได้
“ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้ว แสนรักโมโหมาก จะต้องไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ๆ ตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือหลบช่วงเวลาน่าสิวน่าขวานในตอนนี้ชั่วคราวไปก่อน ยังไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“อะไรที่ว่าไม่ต้องทำกันคะ? ถ้าอย่างนั้นต้องปล่อยให้นังคนสารเลวนั่นกลับไปที่ตระกูลหิรัญชาอีกครั้งใช่ไหม? อารู้หรือเปล่าว่าเด็กสองคนนั่นถูกรับไปที่เรืองรองแล้ว?”
แป้งร่ำได้ยินแล้ว ก็กรีดร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นในทันที
ผู้หญิงคนนี้ ความจริงแล้วมีกลอุบายมากมาย ก่อนหน้านี้ที่เธอจัดการกับเส้นหมี่ ก็สามารถมองออกแล้ว