ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1072 ชีวิตที่ยากลำบากของคุณพ่อ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1072 ชีวิตที่ยากลำบากของคุณพ่อ
ไม่ใช่สิ ทำไมคุณนายรองถึงได้ตอบรับเรื่องนี้ง่ายขนาดนี้? นี่ไม่นี่ใช่นิสัยของเธอ? ครึ่งปีมานี้ สำหรับภัตตาคารแห่งนี้เธอได้กำไรเท่าไหร่กัน แต่ละบาทแต่ละสตางค์ต่างกว่าจะหามาได้
ทุกคนต่างรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อ
โดยเฉพาะเดือนใจ
แต่ความจริงแล้ว วันนั้นตอนบ่าย เมื่อเส้นหมี่ถูกพิมเจ้าพามาที่ภัตตาคารแห่งนี้ เอาสัญญาการร่วมลงทุนมาให้กับบัวงาม ในตอนที่เซ็นสัญญาเธอตอบรับอย่างรวดเร็วแล้ว
“ป้าสะใภ้รองเป็นคนตัดสินใจรวดเร็วจริงๆ วางใจเถอะ ต่อไปนี้ถ้าทางภัตตาคารต้องการเงินลงทุนละก็ สามารถไปเอาจากเดอะวิวซีได้เลย ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยพูดแล้ว ตระกูลเทวเทพเพียงแค่มีคนอยากจะทำธุรกิจ พวกเราเดอะวิวซีต้องสนับสนุนเต็มกำลังอย่างแน่นอน”
เส้นหมี่ได้เห็นสัญญาที่เซ็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว มองไปยังผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้า ภายในใจรู้สึกดีเป็นอย่างมาก
บัวงามแสดงสีหน้าซาบซึ้งออกมาในทันใด:“ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ งั้นก็ต้องขอบคุณหลานสะใภ้มาก”
“ไม่ต้องหรอก ใช่แล้ว พวกเราสามารถไปเยี่ยมชมภัตตาคารแห่งใหม่ได้หรือเปล่า? พรุ่งนี้ฉันก็จะกลับเมืองAแล้ว ก่อนจะกลับ อยากจะเห็นผลการงานการสร้างสรรค์ธุรกิจของนักธุรกิจคนแรกของตระกูลเทวเทพ ได้ยินมาว่าหรูหราอย่างมาก”
เส้นหมี่ยิ้มไปด้วย และเสนอคำขอร้องกับผู้หญิงคนนี้ไปด้วย
คำพูดนี้พูดออกมา บัวงามยังไม่ทันได้พูดอะไร เดือนใจที่อยู่ด้านหลังยิ้มออกมาอย่างได้ใจ:“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ดูบ้างเหรอว่าพวกเราคือใคร ฉันจะบอกคุณนะ ภัตตาคารของพวกเราอยู่ใกล้ๆกับศรีมรกตด้วยล่ะ”
“ศรีมรกต?”
คำพูดนี้พูดออกมา เส้นหมี่ที่นั่งอยู่ที่นั่นนิ่งอึ้งไปสักพัก
ศรีมรกตเธอรู้จัก นั่นเป็นสถานที่ที่ไวท์ พาเลซใช้ต้อนรับแขกทางการทหารอีกสถานที่หนึ่ง เดิมที สถานที่รองรับแขกทางการทหารระดับประเทศ ทั้งหมดมีอยู่สี่สถานที่ แบ่งออกเป็นเดอะวิวซี ศรีมรกต เกาะอิงอร และยังมีบูรพาเวซ
เดอะวิวซีได้มอบให้กับไชยันต์แล้ว
เกาะอิงอรอยู่บนเกาะ บูรพาเวซอยู่ใกล้กับผู้คนค่อนข้างแออัด ไม่ค่อยจะปลอดภัย
จากนั้นตอนนี้ ศรีมรกตจึงกลายเป็นสถานที่หลักสำหรับใช้ต้อนรับแขกทหารต่างเมือง สถานที่แบบนี้ ผู้หญิงคนนี้กลับนำเอาภัตตาคารไปเปิดอยู่ในสถานที่แบบนั้นได้?
สายตาของเส้นหมี่ มองมายังบัวงามคนนี้อย่างเงียบๆแล้ว
“เอ่อคือว่า……หมี่ คุณอย่าได้เข้าใจผิด ฉันจะเปิดร้านอาหารที่นั่น ความจริงแล้ว……ใช้ชื่อคุณท่านของพวกเราเป็นคนออกหน้าให้ ศรีมรกตสถานที่แบบนี้ ต่างเป็นทหารต่างเมือง สามารถเข้าไปทำธุรกิจอันนี้ได้ ต่างร่ำรวยแล้ว ฉันมองเห็นแล้ว ก็เลยอยากจะลองดู แต่ว่าที่นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ หลังจากนั้นจึงใช้สิทธิ์ของคุณท่าน คุณ……สามารถไม่บอกเขาได้ไหม?”
บัวงามมองเห็นแววตาของเธอแบบนี้ จึงกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว
เธอยืนขึ้นในทันที ไม่กล้าปกปิดจึงนำเอาเรื่องนี้พูดออกมาทีละน้อย สุดท้าย ยังขอร้องให้เส้นหมี่ไม่ให้บอกกับไชยันต์
ดวงตาของเส้นหมี่หรี่ลงแล้ว
เป็นแบบนี้จริงๆ?
เธอนั่งอยู่ สองนิ้วเรียวอีกทั้งขาวสะอาดเคาะลงบนโต๊ะอยู่เรื่อยๆ ทว่าในภัตตาคารแห่งนี้ ในเวลาสั้นๆไม่กี่นาที ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงสภาวะกดดันที่กดดันลงมาจนแทบหายใจไม่ออก
รวมทั้งเดือนใจ!
“ได้สิ เพียงแค่คุณตั้งใจทำ ฉันจะไม่พูดอะไร”
ในที่สุดเส้นหมี่ก็เปิดปากออกมาแล้ว
น้ำเสียงของเธอยังนุ่มนวล ใบหน้าเล็กที่แสนงดงาม ยังแฝงไปด้วยรอยยิ้มบางอย่าง เหมือนกับว่าเรื่องนี้เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนยังไงอย่างงั้น
เดือนใจก็วางใจลงได้ในทันที
บัวงาม ก็แอบค่อยๆปล่อยมือที่กำแน่นลงแล้ว
หลังจากนั้นสิบนาที เมื่อเส้นหมี่ออกมาจากภัตตาคารแห่งนี้ ในที่สุดพิมเจ้าที่อยู่ด้านข้างก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้:“หมี่ เรื่องนี้ จะไม่บอกคุณท่านจริงๆเหรอ?”
เส้นหมี่พยักหน้า:“ไม่จำเป็นต้องให้เขารู้หรอก ต่างเป็นเรื่องเล็กน้อย คุณหาคนเฝ้ามองศรีมรกตเอาไว้เถอะ”
พิมเจ้าประหลาดใจขึ้นมาทันที:“คุณหมายความว่า?”
“เธอไม่มีทางเอาชื่อของคุณท่านแบกไปที่ศรีมรกตหรอก คุณท่านเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงคำครหา ตัวเองหลบไปอยู่ที่เขาภูตาแล้ว เธอมีกี่สมองกัน? ถึงได้กล้าเอาชื่อของเขาไปเป็นธุระให้กับตัวเอง?”
เส้นหมี่ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา นัยน์แววตาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นแล้ว
พิมเจ้าอ้าปากค้าง
ทันใดนั้น เธอมองไปยังเด็กสาวคนนี้ ความหวาดกลัวบางอย่างปืนป่ายขึ้นมาบนหลัง เธอขนหัวลุกขึ้นมาแล้ว
ดังนั้น เธอถูกเจ้าคนนี้โกหกแล้ว?
สมรมณ์วัลย์นี้ เดิมทีไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเธอต่างคิดอยากจะทำเรื่องชั่วร้ายใช่ไหม?
พิมเจ้าสั่นเทาไปทั้งร่าง
ตอนกลางคืน เส้นหมี่เพราะว่าไม่ได้กลับเมืองA หลังจากอาบน้ำเสร็จ จึงวิดีโอคอลกับชายหนุ่มที่อยู่ที่บ้าน
“พี่ชาย คุณทายว่าวันนี้ฉันค้นพบเรื่องอะไรแล้ว?”
“อะไร?”
ชายหนุ่มในสายวิดีโอคอล ตอนนี้กำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องนอนภายใต้ดวงไปสีส้ม
เสื้อผ้าอันนั้น ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทั้งด้านหน้าและแขนเสื้อต่างเปียกชื้น แม้แต่เส้นผมสั้นๆดำคลับของเขา ยังห้อยย้อยลงมาที่หน้าผาก
เหมือนกับว่าตากฝนมา
ตากฝนแล้ว?
เส้นหมี่ได้เห็นฉากนี้แล้ว ต่างลืมไปแล้วว่าตัวเองต้องตอบคำถาม ถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วงทันที:“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมถึงได้เปียกไปทั้งร่างแบบนั้น? ฝนตกไม่ได้พกร่มเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก อาบน้ำให้เจ้าลูกสาวน่ะ!”
“หา?”
เส้นหมี่นิ่งอึ้งไปแล้ว
รินจัง?
ไม่ใช่สิ เธอจะแปดขวบอยู่แล้ว ทำไมยังอาบน้ำกับแด๊ดดี้อีก? หรือว่าจะงอแงอะไรอีก?