ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1088 ครั้งที่เขายอมรับว่าเป็นคนตระกูลเทวเทพ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1088 ครั้งที่เขายอมรับว่าเป็นคนตระกูลเทวเทพ
แสนรักเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อย ติดตามไปกับพ่อค้าคนกลางคนนั้น ตอนที่พบกับผู้ขายสองรายนั้นก็เป็นเวลาใกล้พลบค่ำแล้ว
“ประธานแสนรัก พวกเขาอยู่ที่นั่นแล้ว”
พ่อค้าคนกลางชี้ไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
แสนรักเห็นแล้ว จู่ ๆ เขาจ้องมองดูทรายสีเหลืองพัดปลิวว่อนอยู่ในทะเลทรายโกบี ซึ่งช่างดูไม่เข้ากับบ้านกำแพงสีแดงหลังคาสีครามเข้มเอาเสียเลย แล้วหรี่ตาทั้งคู่ลงอย่างเย็นชา
ทะเลทรายโกบี เดิมทีก็คือสถานที่แห้งแล้งมากที่หนึ่ง
เพราะปัญหาสภาพอากาศของที่นี่ ทุกที่เลยเต็มไปด้วยเศษหินเศษอิฐ สถานที่ที่ไม่ยอมเติบโตแม้แต่หญ้าแต่ตรงเบื้องหน้าของเขา กลับปรากฏให้เห็นบ้านสองหลังที่ดูหรูหราและมีขนาดใหญ่โต
นี่แสดงให้เห็นถึงอะไรล่ะ?
“ประธานแสนรัก พวกเขาสองคนนับว่าเป็นคนที่มีเงินที่สุดของพวกเราที่นี่ หลายปีมานี้ เพราะการทำเหมืองแร่สองเหมืองนั้น ทำรายได้ได้ไม่น้อยเลย”
เหมือนพ่อค้าคนกลางจะดูออกว่าสีหน้าเขาไม่สู้ดีนัก จึงอธิบายให้ฟัง
แสนรักฟังแล้วก็หัวเราะเย้ยหยันหนึ่งที แล้วเดินไปโดยไม่พูดอะไร
แน่นอนว่าเขารู้ว่ามีเหมืองแร่โลหะทำรายได้เป็นจำนวนมาก ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่สืบค้นมาเจอที่นี่หรอก เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่า เป็นใครกันแน่ที่ใจกล้าขนาดนั้น บังอาจมาแย่งเนื้อชิ้นโตจากปากของตระกูลเทวเทพ
แสนรักพาโทอิสที่อยู่ข้างหลังเข้ามาด้วย
กลับเห็นว่าหลังจากที่เข้ามาแล้ว ความหรูหราของข้างใน ก็ต้องทำให้คนอัศจรรย์ใจที่ได้เห็นอีกครั้ง
สำหรับที่พักหรูหรามีระดับพวกเขาเห็นมามากแล้ว แต่ในสถานที่แบบนี้ ยังสามารถได้เห็นสถานที่ลักษณะแบบนี้ ตัวแสนรักเองก็รู้สึกประหลาดใจมาก
“จัมคูโอ? จัมคูโอ? ผมมาแล้ว คุณอยู่ไหน?” พ่อค้าคนกลางเป็นคนในพื้นที่ หลังจากที่เข้ามาแล้ว เขาก็ส่งเสียงตะโกนเรียกเสียงดังเข้าไปข้างใน
เรียกอยู่สองสามครั้ง ในที่สุด ด้านในก็มีคนออกมา
“มาถึงแล้ว? งั้นก็ได้ ผมเอาเงินให้คุณ คุณคืนสัญญาให้ผม”
นี่ก็เป็นผู้ชายอายุราวสี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง หน้าตาดูดุร้าย หลังจากที่เห็นพ่อค้าคนกลางคนนี้แล้ว เขาไม่พูดอะไรเลยนอกจากจะให้เงินมาโดยตรง
พ่อค้าคนกลางอึ้ง : “ได้ยังไงกัน? ผมยังไม่ตกลงเลยนะ”
จัมคูโอ: “คุณจะตกลงหรือไม่ตกลงก็ไร้ผล ผมไม่ขาย ผมบอกคุณให้นะ ทางที่ดีตอนนี้คุณรับเงินแล้วกลับไปจะไม่ขาดทุน ถ้าหากช้ากว่านั้น คุณก็คงอาจไม่ได้เงินด้วยซ้ำ”
“……”
มันช่างแปลกพิกลจริงๆ
คนคนนี้ สุดท้ายยังกล้าที่จะข่มขู่พ่อค้าคนกลางคนนี้
พ่อค้าคนกลางไม่เคยต่อล้อต่อเถียงแบบนี้ ชั่วครู่ เขาก็ค้างชะงักอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก
แสนรักที่ยืนอยู่ข้างเขาเห็นแล้ว ในที่สุด เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว : “พวกคุณทำแบบนี้ไม่ถูกกฎหมาย? พวกเราเซ็นสัญญากันแล้ว ถ้าหากคุณคิดจะผิดสัญญา คุณก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย”
จัมคูโอ ตกตะลึง
ประมาณว่าเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ยังมีชายแปลกหน้าอีกสองคนเข้ามาที่บ้านเขา
“คุณเป็นใคร?”
เขามองดูชายหนุ่มคนนี้ที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองของพวกเขา แต่หน้าตาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก มีความสง่างามสูงศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถบดบังจากบนตัวเขา ดวงตาค่อนข้างมีความระแวดระวัง
พ่อค้าคนกลางรีบชี้แจง : “นี่คือทนายของบริษัทผม วันนี้ผมตั้งใจพาเขามาจัดการเรื่องนี้”
“ทนาย?”
พอชายคนนี้ได้ยิน ในที่สุดความตึงเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย
“ทนายงั้นก็ยิ่งเลยสิ สัญญาของคุณเขียนอยู่ หากฉันผิดสัญญา อย่างมากก็คือจ่ายเงินค่าผิดสัญญา ตอนนี้ฉันจ่ายให้คุณสามเท่าแล้ว คุณยังจะเอายังไงอีก?”
ผู้ขายคนนี้กลับไม่กลัวเลยสักนิด
ลมหายใจบนตัวของแสนรักก็ยิ่งเย็นขึ้น
เขาไม่ตอบคำถามนี้ของเขา แต่หลังจากที่จู่ ๆ ได้ยินเสียงแตรรถจากข้างนอกดังลอยมา เขาหันหลังกลับไปแว๊บแรกก็เห็นรถบรรทุกคันหนึ่งกำลังขับเข้ามาทางนี้
“พอแล้ว พวกคุณรีบไปหยิบเงินแล้วไปเถอะ ผมมีธุระ ไม่มีเวลาต้อนรับพวกคุณ”
จัมคูโอ คนนี้ก็เห็นแล้วด้วย
ทันทีที่หลังจากเห็นแค่เขาหิ้วกระเป๋าหลายใบที่ใส่เงินไว้เต็มกระเป๋าออกมาจากในห้อง เขารีบร้อนไล่ให้พวกแสนรักกลับไป
ประหม่าได้ถึงขนาดนี้
ฉะนั้น กลุ่มคนเหล่านี้ทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเบื้องหลังอะไรกันแน่?
แสนรักก้าวเดินไปถึงประตูทางเข้าด้วยท่าทางสบายๆ มองดูยังรถด้านนอกที่กำลังขับเข้ามาแล้ว
“การทำเหมืองแร่โลหะที่ไม่ใช่เหล็ก เท่าที่ผมทราบนะ นั่นคือต้องเป็นของประเทศถึงจะขุดได้ และตอนนี้ในประเทศของพวกเรามีคุณสมบัติข้อนี้ มีเพียงตระกูลเทวเทพแห่งเมืองหลวงเท่านั้นที่มีคุณสมบัตินี้ หลังจากที่ขุดเสร็จแล้ว ก็ส่งไปยังโรงหลอมของพวกเขา แล้วรถที่บรรทุกแร่หินเต็มคันคันนี้ คุณเตรียมจะส่งไปที่ไหน?”
เขาชี้ไปยังกองแร่หินที่วางกองสูงเกือบเท่าภูเขาอยู่ในกระบะบรรทุกท้ายรถ
จัมคูโอที่อยู่ข้างหลังได้ยินแล้ว ใบหน้าถอดสีไปในทันใด!
“ผมจะส่งไปที่ไหนคุณยุ่งอะไรด้วย? ผมจะบอกคุณให้นะ เรื่องไม่ควรยุ่ง ทางที่ดีคุณก็ไม่ควรมายุ่ง เอาเงินของพวกคุณแล้วไปซะ ไม่อย่างนั้น ผมก็ไม่รับประกันว่าพวกคุณสามารถมีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้หรือไม่”
“……”
แม้แต่คำพูดแบบนี้ก็พูดออกมาแล้ว
สีหน้าพ่อค้าคนกลางขาวซีดทันที
และ โทอิสที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา ก็รีบเอามือล้วงเข้าในกระเป๋าที่มีสิ่งของดีๆ อยู่เต็มไปหมดทันที
มีแค่แสนรักที่หลังจากเขาได้ฟังแล้ว ริมฝีปากเรียวบางก็เผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน : “ขนส่วนตัวสินะ ที่นี่ติดเขตชายแดน งั้นให้ผมลองกล้าทายดูหน่อยละกัน พวกคุณคิดจะส่งแร่หินเหล่านี้ไปยังชายแดน? จากนั้นทำการแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าอาวุธ?”
“……”
“เพราะว่าโลหะสองอย่างนี้คือใช้ประโยชน์มากที่สุดก็คืออุตสาหกรรมทางทหาร ดังนั้นเป้าหมายของพวกคุณ อันที่จริงไม่ใช่เพื่อครอบครองเหมืองแร่สองเหมืองนี้ แต่สมคบกับพ่อค้าอาวุธเพื่อผลิตอาวุธทางทหาร ในเมื่อเป็นแบบนี้ เดิมทีตระกูลเทวเทพซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริงของเหมืองทั้งสองแห่งนี้ หลังจากที่เรื่องของพวกคุณถูกเปิดโปงออก นอกจากโทษประหารก็ไม่มีโทษอย่างอื่นแล้ว ใช่หรือไม่?”
“อ้อ ไม่ใช่สิ หรือว่าผมควรจะพูดแบบนี้ว่า อันที่จริงเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือแผนการที่เจ้านายผู้อยู่เบื้องหลังคนนั้นของคุณได้วางเอาไว้ จุดประสงค์ก็คือเพื่อให้ตระกูลเทวเทพตายอย่างไร้ซึ่งที่ฝังศพถูกไหม?”
ประโยคสุดท้ายนี้ อารมณ์การแสดงออกของผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากเลยทีเดียว
ทั้ง ๆ ที่น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยมาก ตอนที่วิเคราะห์คำพูดเหล่านี้ก็ไม่เห็นว่าจะมีน้ำเสียงขึ้นลงใดๆ
แต่ในวินาทีนี้ เขาจ้องมองดูคนที่ชื่อ จัมคูโอ คนนี้ ภายในดวงตาสีดำที่ไม่มีแม้แสงประกายคู่นั้น กลับดูเหมือนเรือที่กำลังจะจมดิ่งลง พายุฝนกระหน่ำใกล้เข้ามาถึงแล้ว ความมืดมิดอันกว้างใหญ่นั้นช่างหนาวเหน็บจนทำให้คนแทบจะหายใจไม่ออกเลยทีเดียว
ในที่สุด จัมคูโอ คนนี้ก็หน้าขาวซีดไปโดยสิ้นเชิง
เป็นเวลานานมากที่เขาเหงื่อไหลเต็มหน้า จึงได้ยินเสียงตัวเองถามหนึ่งประโยคว่า : “คุณ….คุณเป็นใครกันแน่? ทำไมรู้เรื่องเหล่านี้ได้?”
แสนรักตอบราวกับเป็นผีว่า : “วสุ หลานชายของไชยันต์!”