ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1192 กลับบ้าน
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1192 กลับบ้าน
สุดท้ายแล้วตอนที่แสงดาวถลันตัวออกไป ก็ไม่มีใครขวางเธอไว้ได้
เธอมีความสามารถอยู่แล้ว บวกกับท่าทีที่สู้สุดชีวิตนั่นอีก บอดี้การ์ดตระกูลหิรัญชาที่อยู่นั่นกล้าขัดขืนเธอที่ไหนกัน? ดังนั้นเมื่อรอให้คณาธิปมา
เธอออกไปจากโรงพยาบาลแล้ว
“ภาสดรไปไหนแล้ว?”
เขาไม่ถามผู้หญิงคนนี้ แต่กลับถามถึงม็อกโกทันที
คนใส่เสื้อดำที่อยู่ได้ยิน เลยรีบพูดขึ้นถึงเรื่องที่เกิดเมื่อกี้นี้ “ไม่รู้ว่าเขาไปไหนแล้ว แต่เมื่อกี้นี้ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นที่ภาคตะวันตกบริเวณคฤหาสน์หรู
ภาคตะวันตกเกิดระเบิดงั้นหรอ?
คณาธิปได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยน และในขณะนั้นเองก็พาคนแล้วรีบเดินเข้าไป
ที่ภาคตะวันตก
จริงๆแล้วเสียงต่อสู้ที่ดุเดือดดังขึ้นได้ไม่นานแล้วก็สิ้นสุดลงหลังจากเสียงระเบิด
เพราะคนทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นคนที่มีฝีมือด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นม็อกโก พิมเจ้าหรือว่าพวกกลุ่มคนที่ตามมา คู่ที่มีฝีมือปกติแล้วจะจัดการกับความเป็นความตายด้วยวิธีที่รวดเร็วที่สุด
ดังนั้นเลยใช้เวลาแค่สิบนาทีกว่าๆ คนทั้งห้าที่ถูกส่งมาฆ่านั้นก็ล้มลงต่อหน้าของม็อกโกและพิมเจ้า
“ฉันได้ยินมาว่าที่มณฑลYลูกชายของวิบูลย์ก็เป็นแค่ลูกคนรวย คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเก่งอย่างนี้”
หลังจากที่การต่อสู้นั้นสิ้นสุดลง พิมเจ้าก็เช็ดเลือดที่อยู่บนใบหน้า เขายืนหอบแฮ่กๆต่อหน้าศพ
ม็อกโกแค่ยิ้มๆ เอาปืนที่อยู่ในมือเก็บลงไป
ไม่กี่นาทีให้หลัง คนทั้งสองก็รีบออกจากคฤหาสน์หลังนี้ ม็อกโกตามผู้หญิงคนนี้มาถึงท่าเรือที่ก่อนหน้านี้เธอเคยพูดไว้
“แล้วนี่คุณจะไปไหนต่อ? วันนี้คุณฆ่าพวกมันไปมากขนาดนั้น พวกมันคงไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
“ฉันรู้ แต่ฉันยังหาลูกชายไม่เจอเลย”
ผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่ที่หน้าท่าเรือ มองไปยังทะเลที่อยู่ด้านหน้าที่ปกคลุมด้วยแสงยามค่ำคืน แล้วเผยให้เห็นความเศร้าโศกออกมาอย่างลึกๆ
ม็อกโกเงียบ
เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ของเธอยังไง จะให้บอกว่าช่วยเธอหาหรอ? แต่ฐานะของเขาตอนนี้คือภาสดร ตอนนี้เขาก็เป็นพ่อคนแล้ว เลยเข้าใจความหวาดกลัวและทรมานที่สูญเสียลูกไป
สุดท้ายผู้หญิงคนนี้ค่อยๆขึ้นเรือลำนั้นไป
“คุณชายภาสดร ฉันให้ของสิ่งนี้กับคุณ”
“อะไรครับ?”
ม็อกโกมองเธอด้วยท่าทีสงสัย
พิมเจ้าไม่ได้อธิบายอะไรให้มากความ หลังจากพูดเสร็จแล้ว เธอก็หยิบแฟรชไดท์สีดำออกมาพร้อมกับแผนที่ที่ใส่ซองกันน้ำไว้ดีแล้ว
“นี่เป็นสิ่งของทั้งหมดที่เอามาได้จากที่ฉันทำภาพร่างที่โรงน้ำชามาตลอดหลายปีนี้ แผนที่เป็นภาพของการเดินอาวุธและระเบิดทั้งหมดของพวกมัน และสิ่งที่อยู่ในแฟลชไดท์นั้นเป็นรายชื่อทั้งหมดที่โรงน้ำชาของฉันรับมาตลอดหลายปีนี้ นี่เป็นสิ่งที่ริชให้ฉัน ในเมื่อคุณก็อยากที่จะแก้แค้นให้พ่อของคุณเหมือนกัน ฉันคิดว่าคุณน่าจะได้ใช้มัน”
“……”
ม็อกโกเงยหน้ามองเธอทันที!
ไม่ใช่แค่เพราะว่าเขาได้ยินเรื่องที่น่าเซอร์ไพร์สใหญ่โตอย่างนี้
แต่เป็นเพราะเธอได้เอาสิ่งของที่สำคัญให้กับเขา นี่มันเพราะอะไรกัน พวกเขาแค่รู้จักกันโดยบังเอิญ มันคุ้มมั้ยที่เธอจะเอาของที่แลกมาด้วยชีวิตมาให้กับเขา?
ม็อกโกจ้องมองผู้หญิงคนนี้ เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ
แล้วพอเขาได้รับของมาไว้ ผู้หญิงนี้ก็ตัวโคลงเคลงไปมาอยู่บนเรือสปีดโบ๊ท พอตอนที่สตาร์ทเครื่องเรือ เรือสปีทโบ๊ทก็ออกไป เธอหันมายิ้มให้เขาแล้วค่อยๆทรุดตัวลงไป
“พิมเจ้า!”
สีหน้าของม็อกโกตื่นตระหนก กระโดดลงน้ำเพื่อที่จะตามไป
แต่ก็ช้าเกินไปแล้ว เสียง “ตู้ม”ก็ได้ดังขึ้นสนั่น เรือสปีทโบ๊ตได้ระเบิดแยกตัวกับพื้นผิวทะเลประมาณสามสิบถึงสี่สิบเมตร
ม็อกโก “……..”
ผ่านไปอยู่นาน เขามองไฟที่อยู่บนพื้นผิวทะเล แล้วก็เศษละอองที่ตกลงมาจากท้องฟ้าไม่หยุด เขาไม่ขยับเนื้อตัวเลย
จนกระทั่งที่ด้านหลังมีใครคนนึงเข้ามา หลังจากที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้แล้ว เธอก็โผเข้ามาใช้สองมือสวมกอดเขาอย่างแน่นจากด้านหลัง
“สามี….”
เธอร้องไห้ส่งเสียงเรียกที่ด้านหลังของเขา
ตั้งแต่ที่พวกเขาสองคนแต่งงานกันมาก็เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกเขาอย่างนี้
ม็อกโกสั่น
หลังจากที่ผ่านไปหลายนาที เขาเลยค่อยๆหันกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาที่บอกไม่ได้ว่าอารมณ์ไหน ก้มลงมองเธอท่ามกลางลมทะเลที่หนาวเย็น
“ฉันผิดไปแล้ว ผมน่าจะฟังคำคุณ พวกเรากลับกันเถอะ กลับเมืองหลวง กลับบ้านกัน กลับไปหาลูกของพวกเรา ไปตอนนี้เลย โอเคมั้ย?”
ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดฉีกยิ้มด้วยน้ำตา
เธอร้องไห้พลางพูดขอโทษเขา แล้วร้องไห้บอกเขาว่า เธอผิดไปแล้ว เธอให้นึกเสียใจไม่น่าจะปฎิเสธกลับไปกับเขาเมื่อตอนกลางวันเลย เธอน่าจะตามเขาไปทันที
“พวกเราไม่ต้องสนที่แล้ว กลับตอนนี้เลย โอเคมั้ย?”
เธอกลัวว่าเขาจะไม่รับปาก ในท่ามกลางลมหนาวเย็น เธอที่สวมใส่แค่ชุดคนไข้บางๆยืนพูดขอร้องพลางกลั้นน้ำตาอยู่ต่อหน้าเขา
นี่คือเธอน่ะสิ
ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจของเธอมีแค่ม็อกโก เขาคนเดียวเท่านั้น!
ม็อกโกไม่ได้พูดว่าอะไร เขาใช้มือโอบตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่น
“โอเค กลับบ้านกัน!”
เขาหลับตาลง คางที่อยู่ตรงซอกคอของเธอถูกลมพัดจนเย็น ในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้นอย่างยากเย็น
ใช่ กลับบ้าน
สงครามที่โหดร้าย ในที่สุดก็ได้สิ้นสุดลง พวกเขาควรที่จะกลับบ้านได้แล้ว