ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1207 กักบริเวณ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1207 กักบริเวณ
แสนรักและเส้นหมี่คนทั้งสองก็ถูกนำตัวไปที่วัดวรสานส์
วัดที่มีอายุนานหลายปีที่พายุหิมะพัดเพิ่มเข้ามามากยิ่งขึ้นและได้นำความหนาวเย็นมาให้ ไม่ต่างอะไรที่พวกเขามาเมื่อปีก่อน แต่ถ้าจะให้พูดว่าแตกต่างก็ต้องบอกว่าพายุที่ผ่านมาหลายวันนั้น ทำให้หิมะที่อยู่บนภูเขานี้ปกคลุมตัวหนาขึ้น
พอมองไปต่างก็ล้วนเป็นสีขาว
“โยมทั้งสอง บนภูเขาอาจใช้ชีวิตลำบากไม่เหมือนที่ข้างล่างนะ โยมให้อภัยด้วย”
หลังจากที่พาคนทั้งสองมาถึงที่วัดแล้ว พระสูงวัยก็มาดพวกเขามาส่งที่กุฎิห้องนึงด้วยตัวเอง
จริงๆแล้ววัดนี้อยู่ที่บนยอดเขา และเป็นที่ธรรมสถาน แน่นอนล่ะว่าเป็นไปได้ที่จะเครื่องใช้อุปกรณ์ติดตั้งแบบปัจจุบันสมัยนี้ ดังนั้นพอคนทั้งสองได้เข้ามาในกุฏิแล้ว เลยไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่นิดเดียว
จนกระทั่งสามเณรเดินถือกระถางไฟเข้ามา และจุดถ่านที่อยู่ในนั้น
“หลวงพ่อคะ พวกเราคงไม่ถูกขังให้อยู่ในห้องนี้ทุกวันหรอกนะคะ?” เส้นหมี่ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
เธอไม่โง่นะ
เมื่อกี้ตอนที่อยู่ล่างเขาได้ยินแล้ว แม้พระสูงวัยรูปนี้จะได้ช่วยชีวิตพวกเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วก็เอามาพวกเขามากักตัวอยู่ที่นี่
ยังดีที่พระรูปนี้ได้ยินแล้วให้ยิ้มขึ้น
“โยมผู้หญิงคิดมากเกินไปแล้ว ในเมื่อมาวัดวรสานส์ ในวัดนี้ก็เป็นสถานที่ที่พวกโยมจะเดินไปไหนมาไหนก็ได้ อาตมาก็ไม่ถือสานะถ้าโยมมีเวลาก็มาฟังอาตามาสวดมนต์ไหว้พระได้”
“……”
สวดมนต์ไหว้พระ?
ต้องการให้พวกเขาออกบวชจริงๆหรอ?
คนทั้งสองมองตามพระสูงวัยออกไป แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้เก่าๆที่อยู่ในกุฏิ
“พี่ จะดื่มน้ำมั้ย ฉันจะเทให้?”
แม้ว่าเส้นหมี่จะเหนื่อยล้า แต่สิ่งแรกที่เธอคิดถึงก็คือผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอ
แต่ผู้ชายคนนี้กลับมองเธอแล้วไม่พูดว่าอะไร สายตานั้นจ้องมองจากบนลงล่าง เหมือนกับจ้องรอยอะไรบนร่างกายของเธอ
นี่หมายความว่ายังไงกัน?
เส้นหมี่รู้สึกขนลุก เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นมาว่า “ทำไมหรอ ร่างกายฉัน……มีอะไรหรอ?”
เธออดที่จะมองไปที่ร่างของตัวเองไม่ได้
และในขณะนั้นเองผู้ชายคนนั้นก็จับที่แขนของเธอ แล้วเอาเธอดึงขึ้นมาจากเก้าอี้
“!!!!!!”
“ทำไมเธอไม่เชื่อฟังอย่างนี้ ทำไมเธอยังกลับมา เธอไม่รู้ว่าสถานการณ์นั้นมันอันตรายแค่ไหน เธอยังกล้าเข้ามาขวางที่หน้าพี่ เส้นหมี่ เธอรู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไรลงไป?”
ความโมโหที่ประทุออกมาชั่วขณะนั้น ทำให้ทั้งกุฏิเกิดเสียงดังขึ้น
เส้นหมี่งงงวย
ทำไมเธอคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้จ้องมองตัวเองด้วยความหวาดกลัวอยู่นานก็เพราะเรื่องนี้
แล้วมาแสดงความโมโหในตอนนี้ ปฎิกิริยาตอบกลับ….นานเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
เส้นหมี่อ้ำๆอึ้งๆ หลังจากนั้นพูดอธิบายติดๆขัดๆกับเขาว่า “ฉัน….ฉันตื่นขึ้นมาแล้วเห็นตัวเองกับพวกลูกๆอยู่บนเครื่องบิน ฉันเห็นโทอิสฉันก็รู้ว่าพี่น่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
เธอพูดมาถึงตรงนี้ตาก็เริ่มแดง
เพราะตอนนั้น เธอได้เจอกับโทอิสที่ส่งพวกเขาไปมัลดีฟส์เธอถึงได้สติขึ้น
ฉากนั้นเธอคิดไปถึงตอนที่ผู้ชายคนนี้ทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะไปฆ่าวุฒิพลที่เมืองหลวง ตอนนั้นเขาก็ให้กาวินส่งตัวลูกสามคนออกไป
หลังจากนั้นยังใช้วิธีการที่ไม่น่าให้อภัย มาบีบให้เธอไปอีกหรอ?
ดังนั้นเมื่อเธอเห็นโทอิสเธอก็คิดถึงภาพที่น่าหวาดกลัวอันนี้ หลังจากนั้นก็ใช้วิธีบีบบังคับด้วยความเป็นความตาย เพื่อให้โทอิสส่งตัวเธอกลับมา
“พี่วางใจได้ พวกเด็กถูกส่งไปที่มัลดีฟส์แล้ว พวกเขาปลอดภัย”
เส้นหมี่พูดจบ แล้วก็ยังปลอบเขา
ผู้ชาย “…….”
ยังอยากที่จะพูดอะไรต่ออีก
แต่สุดท้ายก็ใช้สองมือโอบเธอแล้วเอาเธอเข้ามาไว้ที่อ้อมกอดอย่างแน่น
ปลอดภัยงั้นหรอ?
ไม่ ตอนนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัยทั้งนั้น
จริงๆแล้วถ้าอย่างนี้คือ เธออยู่ข้างกายเขาก็ยังดีขึ้นมาหน่อย เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะทำเรื่องโง่ๆอะไรอีก
แสนรักปลงตก
ดังนั้นสองสามีภรรยาก็อาศัยอยู่ในวัดที่นี่เป็นการชั่วคราว
การใช้ชีวิตในวัดเป็นอะไรที่สงบเงียบ ช่วงเวลาหลังปีใหม่ก็ไม่ได้มีคนมากราบไหว้พระ มาเคาะระฆัง สวดมนต์อะไรมาก จากชีวิตที่คึกคักและศิวิไลท์ในเมืองมาอยู่ที่นี่
คงทั้งสองไม่ค่อยชิน
แสนรักไม่ชิน เพราะเขายุ่งอยู่กับงานจนเคยชิน พอได้ว่างก็รู้สึกไม่คุ้นชิน
และเส้นหมี่ก็เป็นเพราะว่าคิดถึงพวกเด็กๆ บวกกับไม่มีอะไร เธอเลยเซ็งๆ
“โยมผู้หญิง ถ้าโยมสะดวกก็ไปจัดแจงห้องยากับอาจารย์เวทย์รู้นึก อาตมาได้ยินมาว่าโยมผู้หญิงเคยเป็นหมอจีนที่มีชื่อเสียง ได้มาช่วยพระอาจารย์ของพวกเรา นั่นเป็นเรื่องดีไม่น้อยเลย”
“คะ?”
ในที่สุดเส้นหมี่ก็ตาสว่างสไหว
หลังจากนั้น ตั้งแต่วันนั้นเธอเลยไปหาจอมเวทย์รู้นึกทุกวัน เพื่อจัดแจงห้องยาในวัดกับท่าน
แสนรักยังคงว่างจัด
แต่พระสูงวัยรูปนั้นก็มาเล่นหมากรุกกับเขาทุกวัน
“ดูเหมือนว่าโยมจะใจสงบลงไม่ได้เลย”
“สงบงั้นหรอ?”
แสนรักเอาหมากตัวสีดำที่อยู่ในมือวางไว้บนกระดานอย่างรู้สึกรำคาญ เขามองพระผู้เฒ่ารูปนี้ด้วยสายตาถากถาง