ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1210 เขาบ้าอีกแล้วหรอ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1210 เขาบ้าอีกแล้วหรอ?
ในที่สุดพระผู้เฒ่าก็ยินยอมเส้นหมี่ให้นำตัวเขาลงมาล่างเขา เขาจะไปส่งด้วยตัวเขาเอง
พระบางรูปที่อยู่ในวัดเห็นให้รู้สึกกังวลใจ “หลวงพ่อ ถ้าหลวงพ่อไปส่งพวกเขาลงเขา แล้วถ้าโยมคนนั้นมาหาหลวงพ่อ จะทำยังไง?”
“ไม่เป็นไร ถ้าเขามาก็ให้เขารอหลวงพ่ออยู่ในวัด”
พระผู้เฒ่าพูดกำชับเสียงเรียบ หลังจากนั้นก็พาคนทั้งสองลงเขาไป
สองชั่วโมงต่อมา ไพบูลย์ของโรงพยาบาลพลตำรวจ ได้มารับคนทั้งสองก็มึนงง
“กำเริบอีกแล้วหรอ จะเป็นไปได้ยังไง หายดีแล้วไม่ใช่หรอ?” เขาเบิกตากว้าง ดูเหมือนว่าข่าวนี้สำหรับเขาได้รับการดูถูกในวงการแพทย์
เส้นหมี่ “……”
พระผู้เฒ่า “……..”
ไพบูลย์พาเขาเข้าไปเช็คข้างใน เส้นหมี่เดิมทีอยากที่จะตามเข้าไปด้านในด้วย แต่ไม่นานเธอก็ได้เห็นกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างเดินเข้ามา
ขณะนั้น เธอก็หยุดเดินลง
“หลวงพ่อ พวกเขา…..”
“เพื่อให้สะดวก โยมเข้าไปเถอะ อาตมารออยู่ข้างนอกก็พอ”
พระผู้เฒ่ากลับนิ่งสงบ โบกมือเป็นนัยว่าให้เส้นหมี่เข้าไป
เส้นหมี่เม้มริมฝีปาก แล้วสุดท้ายเธอก็มองที่พระผู้เฒ่ารูปนี้ แล้วก็เดินเข้าไป
หลังจากที่เดินเข้าไปแล้ว ไพบูลย์ได้ทำการตรวจร่างของแสนรักที่นอนอยู่บนเตียง เพราะครั้งนี้เส้นหมี่มือหนักมากไป ครั้งนี้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพลตำรวจที่มีชื่อเสียงในประเทศกลับมองไม่ออกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าป่วยจริงหรือแกล้งป่วย
“เป็นไงบ้างคะผู้อำนวยการไพบูลย์”
“แปลกจริงครับ ทำไมเขาถึงได้เป็นอีกครั้ง เขาได้ฟื้นตัวไปเป็นคนเดิมแล้ว ทำไมถึงมีอาการบ้าอย่างนี้ได้อีก?”
ไพบูลย์ยังคงกลัดกลุ้มใจ
เขาก้มหน้าลง ใช้ไฟฉายที่ถืออยู่ส่องไปมาที่ตา แล้วก็ใช้เครื่องฟังหัวใจตรวจไปมาที่หน้าอกของเขา หวังจะเจออะไรบ้าง
เส้นหมี่กลั้นหายใจจ้องมองอยู่ด้านข้าง
“ผู้อำนวยการไพบูลย์ คิดว่าสภาพเขาอย่างนี้ ต้องนอนโรงพยาบาลมั้ยคะ?”
“ไม่ต้อง ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ”
ไพบูลย์พูดออกมาโดยไม่ต้องคิด
เส้นหมี่กัดฟันตัวเอง กำลังอยากจะเอาเข็มฉีดเข้าไปที่ร่างของเขาอีกครั้งนึง ทันใดนั้นแสนรักก็ลืมตาขึ้น
“ผู้อำนวยการไพบูลย์ ผมคิดว่าผมอยู่ที่นี่ดีกว่า”
“หื้ม?”
“โครม….”
และเกือบในขณะเดียวกันนั้น คนข้างนอกก็ฝ่าพระผู้เฒ่านั้นแล้วพังประตูห้องตรวจเข้ามา
เพียงแต่ว่าหลังจากที่พวกเขาเข้ามา…..
“พี่ปล่อยนะ นี่ผู้อำนวยการไพบูลย์ พี่จะทำร้ายเขาไม่ได้นะ พี่!”
เธอร้องเสียงหลง ขณะที่จับกระบอกฉีดยาที่อยู่ในมือเขา ปลายเข็มที่แหลมคมนั้นก็ได้ตวัดเข้ามาหาที่นิ้วเธอ
มือนั้นเต็มไปด้วยเลือด
และไพบูลย์ก็โซซัดโซเซไปด้านข้าง ท่าทางตื่นตระหนก
“ผู้อำนวยการไพบูลย์ คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
คนพวกนี้ได้เห็น สีหน้าก็ให้ผ่อนลง พวกเขามองมาที่ไพบูลย์ และถามด้วยความเป็นห่วง
ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อำนวยการไม่ว่าชนะธิตแสดงท่าทีเหนือกว่ายังไงตอนที่อยู่ไวท์ พาเลซแต่นี่โรงพยาบาลก็เหมือนกัน จะว่าไปไพบูลย์ตอนนั้นก็ออกมาจากกองทหาร ก็ถือว่าเป็นสหายของเขา
ไพบูลย์ถูกเรียก ถึงเหมือนจะได้สติ
“ไม่….ไม่เป็นไร เขาบ้าอีกครั้งแล้วจริงๆ คงเอาเขาส่งกลับไปยังเขาไม่ได้ ให้เขาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยก่อน จะให้เขาไปทำร้ายคนอีกไม่ได้”
เขาตัดสินใจด้วยท่าทางตื่นตระหนก
ยังบ้าอีกจริงหรอ?
คนกลุ่มนี้ได้ฟังต่างก็ขมวดคิ้วขึ้น
“เป็นไง ก็ดูเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกัน”
“ไม่งั้นก็ขอคำสั่งทางด้านไวท์ พาเลซแล้วกัน เจ้าคนนี้เป็นตัวอันตรายลำดับต้นๆ ประธานาธิบดีของเราให้จับตาดูเป็นพิเศษ ตอนนี้มาอยู่ที่นี่แล้ว ขอคำสั่งหน่อยน่าจะดี”
เจ้าพวกนี้ยังต้องการขอคำสั่งจากไอ้แก่นั่น เมื่อเขาตัดสินใจอย่างนี้
เส้นหมี่ยืนอยู่ในห้องตรวจไม่ได้ส่งเสียง แต่เธอก็ไม่ได้กังวลขนาดนั้น เพราะครั้งนี้เธอคิดว่าไม่ว่าจะป่วยจริงหรือว่าเล่นละครก็ทำได้อย่างดี
หลังจากที่คนพวกนั้นรับโทรศัพท์ ก็ได้เห็นพวกเขาพยักหน้า
“ได้ ท่านประธานาธิบดีเห็นด้วยแล้ว แต่ว่าไพบูลย์เขาบอกแล้วว่าในเมื่อเขาบ้าไปแล้ว เอาเขาไว้ที่นี่ก็ไม่ปลอดภัย ให้ส่งไปที่โรงพยาบาลประชาชนที่สี่ดีกว่า”
“อะไรนะ?”
ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึง เส้นหมี่กับไพบูลย์ยืนงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อคนกลุ่มนั้นตัดสินใจอย่างนี้
โรงพยาบาลประชาชนที่สี่นั่นเป็นโรงพยาบาลโรคประสาทนะ
ตอนแรกแสนรักถูกไชยันต์ส่งตัวไปฝึกที่กองทหาร ตอนที่ถูกคนของประพิศทำร้าย ตอนนั้นเขาแกล้งบ้าแล้วก็ถูกคุมตัวอยู่ที่โรงพยาบาลโรคประสาทนี้ไม่ใช่หรอ?
เส้นหมี่ยังจำได้ว่าโรงพยาบาลนั้นมันน่ากลัวขนาดไหน!
“ไม่ได้นะ เขาจะถูกกักตัวไว้ที่นั่นไม่ได้ ตอนนี้เขายังไม่ได้บ้าจริง แค่รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ มีเหตุให้ต้องเป็นอย่างนั้น แล้วทำไมต้องส่งเขาไปที่นั่น
เธอเริ่มสูญเสียความใจเย็น ให้ปฏิเสธซึ่งๆหน้า
แต่คนกลุ่มนี้ได้ฟังแล้ว ก็ให้พูดเสียงเยือกเย็นว่า “ได้ งั้นก็กลับไปบนเขาต่อ เธอเรียกเองแล้วกัน”
เส้นหมี่ “…..”
ผ่านไปหลายวิ เธอจ้องมองคนกลุ่มนั้นอยู่ตรงนั้น เล็บนิ้วที่แหลมคมแทบจะเจาะฝ่ามือจนเลือดไหล