ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1238 ผมไม่ได้ฆ่าแม่ของผม
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1238 ผมไม่ได้ฆ่าแม่ของผม!
คนในลานบ้าน: “…….”
ไปที่เวทซ์นอร์ธแล้วจริงเหรอ?
เธอละสายตากลับมา แล้วไปมองดูยังปลาสองตัวนั้นที่อยู่ในอ่างเลี้ยงปลาอีกครั้ง
“สิ่งที่เขาเหลืองไว้นั้นมีเยอะแยะมากมาย ตัวอย่างเช่น หากแกไม่ปล่อยฉันออกไปในตอนนี้ เพื่อคว้าโอกาสสร้างความดีเพื่อลบล้างความผิด ฉันเองก็ยากที่จะรับประกันว่าเขาจะสับแกออกเป็นชิ้นๆ หรือไม่”
เธอไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย หลังจากที่พูดอย่างเรียบง่ายแล้ว ก็โยนอาหารปลาเม็ดหนึ่งลงไปอีกครั้ง
ชายคนนี้ได้ยินแล้วก็หัวเราะดังสนั่นขึ้นมา
“เธอฝันไปเถอะ ยังคิดจะสับออกเป็นชิ้นๆ ฉันจะบอกเธอให้นะ ท่านประธานของพวกเรารอให้พวกเขาไปคว้าน้ำเหลวที่เวทซ์นอร์ธ ก็จะเริ่มลงมือแล้ว สถานะหลานสาวของอนงค์นี้ใช้ประโยชน์ได้ดีมากเลยทีเดียว”
สุดท้ายเขาก็ออกไปด้วยรอยยิ้มที่สะใจ
เส้นหมี่
ถูกต้อง เธอก็คือเส้นหมี่ที่หายตัวไปพร้อมกับหลายคน
มองดูชายคนนี้ออกไป เส้นหมี่ปัดเศษฝุ่นของอาหารปลาที่อยู่ในฝ่ามือออก แล้วก็ไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
หลังจากที่เธอถูกพาตัวมาที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินข่าวคราวของตระกูลเทวเทพ และยังมีผู้ชายของเธอด้วย
ไปที่เวทซ์นอร์ธ?
นั่นเป็นไปไม่ได้ ผู้ชายของเธอฉลาดหลักแหลมเหนือใคร จะไปสถานที่แบบนั้นได้อย่างไรกันล่ะ?
ดังนั้น สิ่งเดียวที่เป็นไปได้ก็คือเขากำลังใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม เป้าหมายก็คงจะทำให้ตาแก่นี่ผ่อนคลายความระแวงลง แล้วให้เขาเป็นฝ่ายโผล่หัวออกมาเองสินะ
แต่เมื่อโผล่หัวออกมาแล้ว ถ้าหากเกี่ยวพันกับสถานะนั้นของเธอที่ยังไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ ก็เกรงว่าไม่รู้ว่าจะเกิดแผนการชั่วร้ายอะไรขึ้นอีก
“ก๊อกก๊อกก๊อก–”
ในตอนที่เส้นหมี่กำลังนั่งคิดอย่างหงุดหงิดอยู่ข้างใน
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะดังมาจากด้านนอกของประตูบานนี้
เส้นหมี่แหงนหน้าขึ้นมอง ถามอย่างเรียบเฉย : “ใคร?”
“พี่สะใภ้ ผมเอง”
คิดไม่ถึงว่าด้านนอกเป็นเสียงเรียกของเด็กหนุ่มที่ฟังดูอ่อนวัยและอ่อนโยนมาก
พี่สะใภ้?
พอเส้นหมี่ได้ฟัง ทันใดนั้นใบหน้าอันสวยงามก็เคร่งขรึมลง ความโกรธนั้นยังรุนแรงมากกว่าผู้ชายวัยกลางคนที่ถีบประตูเข้ามาคนนั้นเมื่อสักครู่
“นายมาทำอะไร? ฉันบอกกับนายแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องมาหาฉันอีก”
“…..ผมรู้ ผมก็แค่….แค่ทำอะไรนิดหน่อยมาให้กิน พี่สะใภ้ พี่ไม่ได้กินอะไรดีดีมาตั้งหลายวันแล้ว ผมทำไหล่หมูที่พี่ชอบมาให้ พี่กินสักคำเถอะนะ”
ชายหนุ่มด้านนอกพูดประโยคอ้อนวอนมาอีกหนึ่ง
เส้นหมี่ไม่ได้พูดอะไร
สักพัก ได้ยินเพียงแค่เสียง “เอี๊ยดอ๊าด” ของประตูที่ถูกเปิดออก ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดสีขาว รูปร่างสูงผอมคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงประตูพร้อมถือถาดถาดหนึ่งอยู่
“พี่สะใภ้”
หลังจากที่ชายหนุ่มคนนี้เห็นเส้นหมี่แล้ว ก็ไม่กล้าที่จะมองดูเธอเท่าไหร่นัก พอก้มหน้าและเรียกแล้วก็ถือสิ่งของที่อยู่ในมือเดินเข้ามา
เส้นหมี่ก็มองดูอย่างเย็นชาอยู่แบบนั้น
จนกระทั่งเขานำสิ่งของวางลงแล้ว เธอถึงจะจ้องมองดูเขาและถามขึ้นอย่างเย็นชา: “พูดมา คราวนี้เป็นคำสั่งของใครมาอีกล่ะ? คิดอยากจะได้อะไรไปจากฉันอีก?”
“ไม่……….ไม่ใช่”
ชายหนุ่มคนนี้รีบปฏิเสธอีกครั้ง เขาพูดติดๆ ขัดๆ พยายามแก้ตัวอย่างเต็มที่
“ไม่ใช่ครับ พี่สะใภ้ ครั้งนี้ผม….เพียงแค่จะนำอาหารมาให้พี่ได้กินจริงๆ ครับ ผมจะไม่ทำร้ายพี่อีกแล้วครับ”
“เหอะๆ”
เส้นหมี่หัวเราะเยาะ
แต่ในท้ายที่สุด เธอก็ไม่ได้ด่าต่ออีก
อาจเป็นเพราะหลายวันมานี้ เธอเองก็ด่าเหนื่อยแล้ว และยังไม่ได้กินอะไรดีๆ มาเป็นเวลานานแล้ว เธอก็ไม่มีแรงแล้วจริงๆ
เธอคว้าหมั่นโถวที่วางไว้ข้างตัวเป็นเวลานานจนเย็นแข็ง และเริ่มแทะกินอย่างช้าๆ
ชายหนุ่ม: “……..”
ในวินาทีนั้น เขาก้มศีรษะลงไป ภายในดวงตาก็ปรากฏเป็นสีแดงเล็กน้อย
เขายังจะรู้สึกผิดจริงเหรอ?
คนที่เลือดเย็นได้แม้กระทั่งแม่ของตัวเอง สุดท้ายปล่อยให้เธอตายทั้งเป็นอยู่ในมือของคนกลุ่มนี้ เขายังจะรู้สึกผิดงั้นเหรอ?
เส้นหมี่เห็นสีหน้าอารมณ์แบบนี้ของเขา ในท้ายที่สุดเธอก็อดไม่ได้จึงพูดเย้ยหยันขึ้นมา: “สุกฤต นายทำสีหน้าท่าทางแบบนี้ให้ใครดูงั้นเหรอ? นายคิดว่านายทำแบบนี้ก็จะสามารถลบล้างกับทั้งหมดที่นายทำในช่วงเวลานี้อย่างนั้นเหรอ?”
“……”
ไม่สามารถตอบคำถามได้เลย
ศีรษะของชายหนุ่มคนนี้ก็ยิ่งก้มต่ำลง
เส้นหมี่เห็นแล้ว จู่ ๆ เธอก็มีความรู้สึกถึงการแก้แค้น ดังนั้นเธอจึงพูดขึ้นไปว่า: “นายรู้ไหมว่าแม่ของนายตอนที่โดนพวกเราไล่ออกมาจากเดอะวิวซี เธอพูดอะไรไว้กับพวกเรา?”
“เธอขอร้องกับท่านไชยันต์เป็นครั้งสุดท้าย เธอยินยอมที่จะเป็นหมากในเกมให้กับตระกูลเทวเทพ จะนำสิ่งของที่พวกเราต้องการกลับมาให้โดยไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น แต่เงื่อนไขคือให้ท่านไชยันต์ตามหานายให้เจอแล้วช่วยตัวนายกลับมา”
“……”
ร่างกายที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็สั่นเทาอย่างรุนแรง ในที่สุด บนใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้ก็ขาวซีดจนไม่เหลือสีเลือดอยู่เลย
“ผม….ผมไม่รู้”
“แน่นอนว่านายไม่รู้ นายคิดว่านายเองก็เป็นหมากตัวหนึ่งของแม่นายใช่ไหม? แม่ของนายแต่งงานกับพ่อของนาย เป้าหมายก็เพื่อแก้แค้นประพิศ นายคิดว่านายกลายเป็นเครื่องมือของเธอใช่ไหม? ดังนั้น แท้จริงแล้วในใจของนายก็โกรธแค้นเธอมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากที่พ่อของนายเสียชีวิตแล้ว ความโกรธแค้นนี้ก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้น ใช่ไหม?”
เส้นหมี่วิเคราะห์ท่าทีของเขาในตอนนี้ออกมาทีละข้อๆ
เธอเป็นหมอ ก่อนหน้านี้ตอนที่รักษาโรคทางประสาทของแสนรัก ก็ได้เรียนรู้ด้านจิตวิทยาอยู่บ้าง และในเวลานี้ เธอจึงสามารถเจาะลึกเข้าไปในใจของชายหนุ่มคนนี้ได้อย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มยิ่งร้อนรนมากยิ่งขึ้นแล้ว
เขารีบปฏิเสธทันที: “ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้ เธอเป็นแม่ผม ผมจะทำแบบนี้ได้อย่างไร?”