ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1242 อกสั่นขวัญหาย
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1242 อกสั่นขวัญหาย
“ยังมี ตอนนี้สถานะที่เข้ามาของฉันกับนายก็คือมาในฐานะสามีภรรยา แล้วถ้าจะส่งตัวฉันเข้าไปที่ไวท์ พาเลซจริงๆ หรือว่าคนนั้นที่คิดจะนั่งในตำแหน่งนั้นไม่ใช่นายงั้นเหรอ?”
เธอฉลาดมากจริงๆ ด้วย
แม้ว่าจะมาถึงเวลานี้แล้วยังคงใจเย็นจนสามารถรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของข้างในนี้
สีหน้าของสุกฤตเปลี่ยนไป
แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่ได้ปิดบังและพูดความจริงต่อไปว่า
“นั่นเป็นเพียงแค่แสดงให้คนอื่นดู”
“ใคร?”
เส้นหมี่รีบถามกลับมาทันทีอีกครั้ง
แต่คราวนี้ สุกฤตคนนี้กลับไม่พูดอะไร แต่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วได้เหลือบมองไปรอบๆ ทันใดนั้น เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า: “ถ้าหากพี่จะออกไปตอนนี้ ผมสามารถช่วยพี่ได้”
“……”
เส้นหมี่อึ้งเล็กน้อย
ประมาณว่าคือคาดคิดไม่ถึง เขายังจะสามารถพูดคำแบบนี้ออกมาได้
เขาจะปล่อยเธอไป?
เธอฟังไม่ผิดใช่ไหม? เขาไม่รู้เหรอว่าบนร่างกายของเธอมีระเบิดผูกติดอยู่?”
ไม่รู้ว่าหากเธอหนีไปแล้ว พอเขากลับไปจะโดนบทลงโทษอะไรบ้าง? เป็นไปได้ว่าถึงตาย?
เส้นหมี่ยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่เพียงแต่พูดประโยคนี้ออกมาอย่างกะทันหัน ยังเป็นเพราะว่าประโยคที่เขาพูดเมื่อสักครู่นั้นว่า “แสดงให้คนอื่นดู” คนอื่นคนนี้เป็นใครกันแน่? คงจะไม่ใช่คนในงานเลี้ยงนี้หรอกนะ?
เส้นหมี่ประมาณว่ารู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ไม่นานนัก งานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
เส้นหมี่ไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่เดินไปนั่งตรงที่นั่งก่อน
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานในครั้งนี้ ทุกท่านต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นการกลับมาครั้งแรกของโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของประเทศเราที่ได้สูญหายไปในต่างประเทศ จึงมีความหมายที่สำคัญอย่างยิ่ง”
หลังจากที่พิธีกรเห็นว่าทุกคนต่างก็นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เริ่มพูดขึ้นมา
งานเลี้ยงแบบนี้ อันที่จริงเป้าหมายหลักก็คือต้องการให้คนรวยในสังคมมาทำการบริจาคเงิน เพราะว่าการคืนกลับมาของวัตถุโบราณจะต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
ตัวอย่างเช่น ซ่อมแซม เก็บรักษา และวิจัย……
เป็นต้น
ฉะนั้นภายใต้เงื่อนไขที่คนรวยสามารถแข่งขันเพื่อเชื่อเสียง และผู้จัดก็สามารถได้ประโยชน์ด้วย ทั้งสองฝ่ายจึงได้ทำการจัดงานเลี้ยงแบบนี้ขึ้นมา
เส้นหมี่เคยเป็นคุณนายท่านประธานของ แชโบลกรุ๊ป แน่นอนว่าก็เข้าใจเรื่องแบบนี้ ดังนั้นตอนที่พิธีกรพูดอยู่นั้น เธอก็นั่งเล่นกับกล่องเล็กๆ นั้นที่นำมาด้วย
“นี่…..คือหวีหยกม่วงไม่ใช่เหรอ?”
คิดไม่ถึงว่า ระหว่างที่เธอเล่นอยู่นั้น ด้านข้างยังมีคนรู้จักเจ้ากล่องนี้
หวีหยกม่วง?
เส้นหมี่หันหน้าไปมองยังคนคนนั้น
“คุณรู้จักมันเหรอคะ?”
“รู้จักสิ นี่คือสิ่งที่คุณอนงค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นของพวกเราเคยใช้ไม่ใช่เหรอ มันเป็นคู่เดียวกันกับกระจกเมฆม่วงบานนั้นที่คืนกลับมาในวันนี้ ไม่เชื่อคุณลองนำไปดูสิ”
คนคนนี้พูดเจื้อยแจ้วขึ้นมา แล้วยังให้เส้นหมี่นำไปยืนยันอีก
เส้นหมี่ถึงกับตกตะลึง
ที่แท้สิ่งของในกล่องนี้ก็คือเป็นของคุณยายของเธอ?
ดูเหมือนว่า นี่ก็คือวิธีการที่ทศราชจะใช้เพื่อให้เธอเปิดเผยฐานะตัวตนของเธอ เพียงแค่เธอถือหวียกม่วงสิ่งนี้อยู่แล้วบอกกับทุกคนในงานว่า นี่คือของที่ระลึกของคุณยายของเธอ
อย่างนั้นเธอก็กลายเป็นหลานสาวของอนงค์ได้อย่างชอบธรรม
มันจะง่ายขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
เส้นหมี่หัวเราะ: “เหรอคะ ฉันไม่รู้จริงๆ วันนี้ฉันเห็นว่ากล่องๆ นี้ดูสวยดี ก็เลยซื้อมันมาจากที่ร้านขายหยกแห่งหนึ่ง ถ้าหากบอกว่าเป็นสิ่งของของคุณอนงค์จริงๆ งั้นฉันก็บริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์ไปด้วยกันเลย”
“ว้าว–”
เมื่อพูดออกมาแบบนี้ ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างพากันส่งเสียงสรรเสริญ
และพิธีกรคนนั้นก็ยิ่งเดินเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น
“คุณผู้หญิงครับ คุณพูดจริงไหมครับ?”
“จริงแน่นอนค่ะ เชิญพวกคุณรับไว้!”
เส้นหมี่ยื่นกล่องออกไปให้โดยตรง เร็วมากจนสุกฤตที่อยู่ด้านข้างห้ามไว้ไม่ทัน
“พี่ทำอะไร? พี่รู้ไหมว่าพี่สร้างปัญหาใหญ่ขึ้นแล้ว?”
หลังจากที่กล่องนั้นถูกรับไปแล้ว ในที่สุดสุกฤตก็อดทนไม่ไหวจนต้องย้อนถามขึ้นมาทั้งตกใจและทั้งโกรธ
เส้นหมี่มองดูเขาอย่างเย็นชา: “สร้างปัญหาอะไร? นายอยากจะบอกว่าตาแก่นั่นจะฆ่าฉันงั้นเหรอ? มาสิ!”
เธอชี้ที่หน้าอกของตัวเอง ความหมายคือให้เขาจุดชนวนระเบิดที่อยู่บนตัวเองได้เลยในตอนนี้
สุกฤต: “……”
ทันใดนั้น เขาคว้ามือของเธอไว้แล้วดึงเธอลุกขึ้นจากที่นั่ง
จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ประตูห้องจัดเลี้ยงด้วยความรวดเร็ว
“นายทำอะไร? สุกฤต? นายปล่อยฉันนะ!”
“ให้ผมปล่อยพี่อะไรกัน? พี่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วที่นี่คือกับดักขนาดใหญ่ที่ทศราชมันวางเอาไว้? เป้าหมายก็คือเพื่อล่อให้สามีของพี่มาไล่ล่า? พี่เข้าใจจริงๆ เหรอว่านี่คืองานเลี้ยงของพิพิธภัณฑ์? นั่นก็เป็นเพียงเหยื่อล่อสามีของพี่ก็แค่นั้น!”
ในที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็ทนดูไม่ไหวแล้ว จึงเล่าความจริงทั้งหมดออกมา
เส้นหมี่ฟังแล้วถึงกับช็อกไปเลย!
สักพักหนึ่ง เมื่อเธอถูกชายคนนี้ฉุดกระชากลากถูออกมาจากในพิพิธภัณฑ์ เธอถึงจะรั้งเขาเอาไว้แน่น
“นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง? สามีฉันเขาไปที่เวทซ์นอร์ธ เขาจะมาที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
“พี่เข้าใจว่าเขาไปเวทซ์นอร์ธจริงๆ เหรอ?”
“ไม่!”
เส้นหมี่ปฏิเสธทันที
เพราะว่าเธอก็ไม่คิดอย่างนี้จริงๆ แสนรักไปที่เวทซ์นอร์ธ เธอก็ยิ่งเชื่อว่าเขากำลังใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมอยู่
แต่ทำไมที่นี่ถึงกลายเป็นสนามล่าเหยื่อของทศราชไปได้ล่ะ?
มันควรจะเป็นแผนการของผู้ชายของเธอไม่ใช่เหรอ?
กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมของเขาทำให้ตาแก่นี่ลดความหวาดระแวงลง จนยอมปล่อยเธอออกมาในที่สุด จากนั้นถึงเวลานี้ เขาก็เข้ามาช่วยเหลือเธอ
ลงมือกวาดล้างอีกครั้ง
นี่คือแผนการที่สมบูรณ์แบบมาก!
แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับตาลปัตรได้ล่ะ?
เส้นหมี่เหมือนกับคลื่นยักษ์ที่กำลังหมุนตัวซัดสาดอยู่ ในสมองสับสนวุ่นวายจนไม่สามารถสงบนิ่งลงได้เลย
“พี่คิดว่าทศราชโง่มากเหรอ? ผมจะบอกอีกเรื่องให้พี่ฟังนะ ในสมัยนั้นสาเหตุที่ชนะธิตได้กลายเป็นผู้ก่อตั้ง ล้วนเป็นเพราะความดีความชอบจากน้องชายคนนี้ของเขา แผนการทำสงครามแต่ละแผนของเขาก็คือน้องชายของเขาที่ช่วยวางแผนให้ พี่เข้าใจแล้วหรือยัง?”
“……”
ในที่สุดอากาศก็จับตัวแข็งไปโดยปริยาย