ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1367 ช่วยชีวิตคน
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1367 ช่วยชีวิตคน
พอเส้นหมี่ได้ยินเรื่องดีๆ แบบนี้ก็ดีใจจนวางโทรศัพท์ลง แล้วเธอก็รีบพุ่งเข้ามาหา
ชินจังที่กำลังแก้โจทย์อยู่ก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองหม่ามี๊
“หม่ามี๊ ก็แค่ไปดู”
“หม่ามี๊รู้ แต่นั่นก็สุดยอดมากแล้ว หม่ามี๊ได้ยินมาว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับที่สุดของสถาบันวิจัยแห่งประเทศ ชินชิน หม่ามี๊ภาคภูมิใจในตัวลูกมากๆ เลย”
เส้นหมี่กอดลูกชายไว้แล้วหอมฟอดใหญ่ลงบนศีรษะน้อยๆ ของเขา
ชินจัง : “……”
ใบหน้าเล็กที่ขาวหมดจดและเย็นชา ก็เลยปรากฏสีแดงระเรื่อขึ้นมา เขารู้สึกเขินจนต้องก้มหน้าก้มตาทำการบ้านต่อไป
แสนรักนั่งมองดูอยู่ข้างๆ ในดวงตาก็ยังแฝงด้วยความชื่นชมด้วย
“แล้วคุณจะไปไหม?”
“หา? ต้องนั่งเรือไปหรือเปล่า? ไม่ได้อยู่บนเกาะนี้ใช่ไหม?” ความสนใจของเส้นหมี่จดจ่อกับเรื่องนี้ขึ้นมา ทันใดนั้น เธอคิดถึงว่าต้องนั่งเรือ ใบหน้าเล็กๆ ก็ขาวซีดลงเล็กน้อย
นี่ยังคงเป็นเหตุการณ์จากครั้งก่อนที่เธอมาที่นี่
เดิมทีเธอไม่เมารถเมาเรือ แต่ครั้งก่อนไม่รู้ว่าทำไม? ตอนที่เธอเดินทางมา เรือขับอยู่นานเท่าไหร่ เธอก็อาเจียนนานเท่านั้น เรียกได้ว่าลำบากถึงขีดสุด
แสนรักเห็นเช่นนั้น ก็ไม่คิดเลยสักนิด: “ผมสามารถสั่งการให้เฮลิคอปเตอร์มารับ”
เส้นหมี่: “ช่างเถอะ อย่ายุ่งยากเลย พวกคุณก็ไม่ได้ไปนานเสียหน่อย ก็แค่วันเดียวใช่ไหม? งั้นฉันไม่ไปดีกว่า คุณช่วยฉันถ่ายรูปมาหน่อยก็พอแล้ว”
เธอห้ามเขาไว้
เพราะว่ามันยุ่งยากมากจริงๆ
แสนรักเห็นแล้วก็ได้แค่ตกลงรับปาก
ในคืนนั้น หลังจากที่ลูกนอนหลับแล้ว สองสามีภรรยาก็เพลิดเพลินไปกับโลกแห่งคู่รักสองต่อสอง
“ที่รัก ได้ไหม?”
“…….อุ๊บ คุณว่าไงล่ะ?”
หญิงสาวที่ถูกร่างกายอันเร่าร้อนของผู้ชายทับไว้อยู่ข้างล่าง ในแสงไฟสลัวๆ มองดูดวงตาแฝงด้วยรอยยิ้มคู่นั้นของชายหนุ่มคนนี้อย่างทำอะไรไม่ได้
พูดถึงเรื่องขี้โกง คือไม่มีใครเทียบเขาได้จริงๆ
ค่ำคืนอันแสนหวาน ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
วันถัดมา
เมื่อเส้นหมี่ลืมตาขึ้นด้วยความปวดเมื่อยทั้งตัวจากบนเตียง เธอพบว่าข้างกายไม่มีคนอยู่แล้ว แต่ด้านบนหัวเตียงมีโน้ตแผ่นหนึ่งทิ้งเอาไว้อย่างเอาใจใส่
ตัวอักษรด้านบนที่ดูกระฉับกระเฉงมีพลังของชายหนุ่มบอกเธอว่าเธอลงมาชั้นล่างอาหารเช้าทำไว้เสร็จแล้ว อยู่ในตู้อุ่นกับข้าว
ยังมีบนเกาะตอนเช้าอากาศจะเย็น และมีความชื้นสูงอย่าให้เธอออกไป กับข้าวและอาหารที่สดใหม่ เขาก็ไปเอามาจากสถาบันวิจัยทางนั้นแล้วใส่ไว้ในตู้เย็น
หรือแม้แต่เสื้อผ้า เขาก็บอกเธอว่าซักไว้เสร็จแล้วอยู่ในเครื่องซักผ้า
ถ้าหากไม่ใช่เพราะลูกต้องออกเดินทาง เขาก็จะตากมันให้เสร็จแล้วด้วย
เส้นหมี่รู้สึกตลกนิดหน่อย
เพราะว่าจู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อครึ่งปีก่อนผู้ชายคนนี้ เขายังคงเป็นผู้ชายที่ปั่นป่วนสถานการณ์ภายในของทั้งประเทศ เขาเคยเป็นราชาแห่งอาณาจักรธุรกิจ และก็เป็นเจ้าแห่งวงการที่มีผลงานและชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์
แต่ตอนนี้ เขากลับเปลี่ยนเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ต้มซุปให้กับเธอด้วยมือตัวเอง วันทั้งวันรู้แต่วนอยู่รอบตัวเธอและลูก
เธอกำลังทำผิดกฎหมายอยู่หรือเปล่า?
เส้นหมี่ลุกขึ้นมาจากบนเตียง
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จลงไปกินอาหารเช้าที่ชายหนุ่มทำไว้ให้จนหมดอย่างสบายใจ จากนั้นเธอก็ไม่มีอะไรทำ ก็เลยนำเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาเพื่อไปตัดแต่งแปลงผักน้อยๆ ที่เพิ่งปลูกผักไม่กี่ชนิดลงไปในสวนข้างนอก
“แม่น้องชินชิน ตื่นแล้วเหรอ คุณไปดูที่สถาบันวิจัยกับฉันหน่อยได้ไหม? เจตน์เขาอาการกำเริบอีกแล้ว”
“อ่อ ได้ค่ะ”
เส้นหมี่มองดูพนักงานของสถาบันวิจัยที่วิ่งหอบแฮ่กๆ มาหาเธอ จึงรีบวางจอบอันเล็กลง เธอก็ลุกยืนขึ้นแล้วไปกับเธอ
นี่ก็คืองานในช่วงนี้ของเธอ
บนเกาะกลางทะเลแห่งนี้ เพราะห่างกับแผ่นดินไกลมากเกินไป หลังจากที่มีคนเจ็บป่วยไม่สบายก็ไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้ตลอดเวลา
แน่นอนว่ามีห้องพยาบาลจัดเตรียมไว้ แต่ขอไม่พูดถึงฝีมือของหมอเหล่านั้นที่อยู่ข้างใน สรุปคือ หลังจากที่คนเหล่านี้รู้ว่าเธอเคยเป็นหมอ อีกทั้งเป็นหมอแผนจีนที่เก่งมากคนหนึ่ง ต่างก็เริ่มรู้สึกชอบที่จะมาหาเธอ
เส้นหมี่รีบตามมาอย่างรีบร้อนจนถึงที่สถาบันวิจัย
“คุณดูสิ เช้ามาเขาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยแล้วก็เป็นแบบนี้อีกแล้ว”
หลังจากที่ผู้หญิงคนที่ไปเรียกเธอพาเธอมาถึงที่นี่แล้ว มองเห็นผู้ชายวัยกลางคนที่นอนมีเสียงครวญครางอยู่บนเก้าอี้ จึงพูดขึ้นมา
เส้นหมี่เดินเข้ามา
“เจตน์? เจตน์?”
“อืม?” ชายวัยกลางคนคนนี้ลืมตาขึ้นมา
“แม่น้องชินชิน คุณมาแล้วเหรอ?”
“อืม คุณเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนคะ?”
เส้นหมี่ปลุกชายคนนี้ เธอพูดกับเขาไปเพื่อให้เขารักษาและตั้งสติไว้ พร้อมกับตรวจอาการเขาไปด้วยทันที
กลับคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เธอกดนิ้วลงไป พบว่าชีพจรเต้นอ่อนแรงมากจนทำให้หัวใจเธอรู้สึกหนักอึ้ง อีกทั้งยังแปลกมากๆ
“ผม……ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อเช้าผมก็กินซาลาเปา ข้าวต้มอะไรพวกนี้ ซึ่งก็เป็นของกินปกติ”
“……”
เส้นหมี่ไม่ได้ถามอะไรอย่างอื่นอีก
เธอเพียงแค่กลอกตามองบนใส่ชายคนนี้ หลังจากที่กดท้องของเขาอีกครั้ง เธอตรวจดูโคนลิ้นของเขาดูครู่หนึ่ง แล้วก็เงียบไม่พูดอะไรอีก
คนของสถาบันวิจัย: “แม่น้องชินชิน เจษฏ์ เขาเป็นอะไรมากไหม?”
ผู้หญิงวัยกลางคน: “ใช่ นี่มันโรคอะไรกันแน่ ก่อนหน้านี้คุณหมอก็ตรวแล้ว แต่ก็ไม่มีผลออกมา กินยาก็ยังไม่เห็นจะหายขาด”
“แน่นอนว่าหายขาดไม่ได้แล้ว เขาโดนยาพิษ อีกทั้งมันได้แทรกซึมเข้าไปในอวัยวะภายในของเขาเรียบร้อยแล้ว พวกคุณลองคิดดูให้ดีๆ ปกติเขาสัมผัสกับอะไรบ้าง? และกินอะไรบ้าง?”
สุดท้ายเส้นหมี่ก็พูดผลการวินิจฉัยของตัวเองนี้ออกมาสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
หา?
โดนยาพิษ?
คนของสถาบันวิจัยได้ยินแล้วต่างก็ตกใจถึงขีดสุด
สถาบันวิจัยจะมียาพิษอะไรได้ล่ะ? พวกเขาที่นี่ก็ไม่ใช่สถาบันวิจัยชีววิทยา แต่เป็นสถานที่ที่วิจัยกลศาสตร์ควอนตัมเช่นชิป ยาพิษจะมาจากที่ไหนกัน?
คนของสถาบันวิจัยต่างเร่งรีบค้นหามันขึ้นมา
แต่เส้นหมี่กลับใช้เข็มเงินของตัวเองระงับความเจ็บปวดให้กับวิศวกรคนนี้ชั่วคราวก่อน
จากนั้นเตรียมที่จะไปหายาจีนโบราณที่พอช่วยบรรเทาพิษให้เขาได้มาก่อน ที่นี่ไม่มียาจีนโบราณ คิดอยากจะจัดยาก็ได้เพียงแค่เป็นแบบสำเร็จรูปเท่านั้น