ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1404 การประลองขั้นสูงสุดของคนไอคิวสูง
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1404 การประลองขั้นสูงสุดของคนไอคิวสูง
ซึ่งในวินาทีนี้เอง จู่ ๆ สัญญาณทางนั้นก็ถูกตัดขาด ในโทรศัพท์ของเขาก็มีเสียงบอกว่าไม่สามารถติดต่อได้ดังลอยมา
ไชยันต์: “……..”
ด้วยความโกรธ เขาจึงกดโทรศัพท์และโทรตรงไปผู้บัญชาการทหารบกที่มีหน้าที่รับผิดชอบกิจการภายในของไวท์ พาเลซอีกครั้ง
“แม่งเอ๊ย รีบไปดูให้ฉันเดี๋ยวนี้ว่าที่ฐานวิจัยนั่นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ถ้าหลานสะใภ้กับเหลนของฉันเกิดเรื่องขึ้นล่ะก็ ฉันจะเอาเรื่องกับพวกนาย”
ท่านจอมพลที่ไม่ได้ฆ่าคนมานานหลายปีคนนี้ คราวนี้ ดวงตาที่เบิกกว้างราวกับระฆังทองแดงคู่นั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์อยากฆ่าคน
แต่นี่มันก็สายเกินไปแล้ว
เมื่อในที่สุดผู้บัญชาการติดต่อกับทางฐานวิจัยทางนั้นได้ เขาพบว่า บนดาวเทียมค้นหาสัญญาณของที่นั่นของไม่เจอเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งก็คือว่า มันถูกปิดกั้นไปแต่ต้นแล้ว
“แม่ง! ถมัตถ์ มันคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เนื่องจากการหายตัวไปของสองแม่ลูก ทั้งไวท์ พาเลซก็ตกอยู่ท่ามกลางความอลหม่านวุ่นวายอีกครั้ง
และที่ฐานวิจัยในเวลานี้ ไม่มีคนรู้ว่าคนฝีมือชั้นเยี่ยมของดราก้อน แชนท์เหล่านั้นที่ถูกแสนรักจัดส่งมาก็กำลังถูกสังหารด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของที่นี่
นี่มันช่างเหยียดหยามกันมาจริงๆ!
สถานที่แห่งนี้ทั้ง ๆ ที่ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ และก็เป็นการผลักดันความก้าวหน้าของประเทศ แต่ ณ เวลานี้ เมื่อประตูหลักถูกเปิดใช้งานแล้ว เลเซอร์และลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏออก ซึ่งมันกลายเป็นโลกนรกบนดินชัดๆ
ไม่ใช่แค่งานวิจัยทุกอย่างของบุคลากรทั้งหมดในสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อุตส่าห์ลำบากทำงานมาเกือบทั้งชีวิตที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ในชั่วพริบตา
นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นก็ยิ่งเหมือนกับเต้าหู้ที่ถูกหั่นชิ้นไม่ปาน แต่ละคนตายนอนตายอยู่ในจุดที่ลำแสงสีแดงเหล่านั้นสาดส่องผ่านไปไม่หยุด
พูดว่าเป็นการทำลายล้าง ถูกต้อง สิ่งของที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้มันช่างน่ากลัวยิ่งกว่า
“ราตรี แกมันเดรัจฉาน แกบ้าไปแล้วหรือเปล่า? แกคิดจะทำอะไรกันแน่? หา?”
ถมัตถ์ ที่รีบวิ่งลนลานออกมาจากห้องควบคุมฐานวิจัย หลังจากที่ได้เห็นฉากที่น่าสลดใจแบบนี้แล้ว เขาก็หันไปตวาดใส่ผู้หญิงคนนั้นที่กำลังนั่งกอดเด็กอยู่อย่างเงียบๆ ที่ด้านนอกของฐานวิจัย
ถูกต้อง นั่นก็คือ ราตรี
ภรรยาของเขาเอง
ตอนนี้เขาเริ่มที่จะไม่รู้จักเธออีกต่อไปแล้ว เพราะว่าเธอดูเหมือนกับปีศาจร้าย
“ถมัตถ์ คุณดูสิ เขาเหมือนเปรม ลูกของเราหรือเปล่า? เขาฉลาด และมีพรสวรรค์ในการวิจัยสิ่งของระดับสูงในงานพวกเรา นี่ก็คือลูกชายของฉัน”
เธอนั่งอุ้มเด็กเอาไว้อยู่บนเก้าอี้ และบ่นพึมพำในขณะที่มองไปที่สามีของตัวเอง
พอ ถมัตถ์ ได้ฟัง ดวงตาก็แดงก่ำทันที
ผู้หญิงบ้านี่!
เขารีบเดินล้มลุกคลุกคลานเข้าไป ในขณะที่กำลังจะออกไป ในเวลานี้จู่ ๆ ด้านข้างกลับมีผู้หญิงที่เลือดท่วมตัวโผล่ออกมา เธอนอนอยู่บนพื้นและคว้าขากางเกงของเขาเอาไว้แน่น
“คุณอามัตถ์ฉันขอร้องอาล่ะ…..อาช่วยชินชินด้วยนะคะ อาเก่งกาจขนาดนั้น…….จะต้องสามารถควบคุมเธอไว้ได้แน่”
ซึ่งก็คือเส้นหมี่
เธอได้ถูกแสงเลเซอร์เหล่านั้นยิงโดนจนได้รับบาดเจ็บไปหลายจุดแล้ว
หากไม่ใช่เพราะคนฝีมือชั้นเยี่ยมของดราก้อนแชนท์ที่นอนกองอยู่ข้างๆ เธอเหล่านั้นที่ปกป้องเธอจนถึงชีวิต ก็เกรงว่าเธอเองก็อาจกลายเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
ทันใดนั้น ในดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นของ ถมัตถ์ ก็มีน้ำตาร่วงไหลออกมาทันที
เขาไม่ได้บอกเธอ หากพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่ง ภรรยาคนนั้นของเขานั้นองอาจห้าวหาญกว่าเขาเยอะ หลังจากที่เปรมไตรลูกชายของพวกเขาเสียชีวิตในปีนั้น เธอได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจเป็นอย่างมาก
ต่อมาก็ค่อยๆ ย้ายไปที่ระดับพื้นฐาน
ถมัตถ์ ก้าวเท้าออกไปอีกครั้ง เดินตรงไปยังผู้หญิงที่เสียสติบ้าคลั่งทีละก้าว
“ตรี คุณฟังนะ ปล่อยเด็กมาให้ผมก่อนดีไหม? อีกอย่าง ปิดประตูหลักแล้ว คุณลืมแล้วเหรอว่าที่นี่คุณเองก็เคยลงแรงไปด้วย คุณทำใจได้เหรอถ้าเห็นพวกมันทั้งหมดถูกทำลายทิ้ง? ยังมีผู้คนเหล่านั้นก็เคยเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณ ตรี”
ในขณะที่เขาเดินไป เขาก็พยายามลองใช้วิธีเรียกสติผู้หญิงบ้าคนนี้ และอ้อนวอนร้องขอขึ้นมา
แต่ทว่า ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งของแบบนี้หลงเหลืออยู่ในทรวงอกของเธอแล้ว
เธอได้ฟังแล้ว ก็หัวเราะอย่างที่น่ากลัวกว่าผีเสียอีก
“ฉันไม่ทำอะไรนี่ ถมัตถ์ ควบคุมประตูหลักมันอยู่ในห้องควบคุมที่คุณเพิ่งออกมาไม่ใช่เหรอ?”
“ราตรี!!”
ถมัตถ์ สติแตกอีกครั้ง
เพราะเขารู้ว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงคนนี้ได้ปรับแก้การควบคุมรวมทั้งหมดของฐานวิจัยและพัฒนาของเขา พร้อมเปลี่ยนให้วิธีการควบคุมมาอยู่ในมือของตัวเอง
“ถ้าคุณยังงมงายเสียสติอยู่อย่างนี้ ผมก็จะตายอยู่ที่นี่!”
ทันใดนั้น นักวิทยาศาสตร์สูงวัยที่ทำงานเพื่อประเทศชาติมาทั้งชีวิต ก็ได้ลุกยืนตัวตรงขึ้นมา
เส้นหมี่ที่อยู่ด้านหลังได้เห็นแล้ว ทันใดนั้นก็เรียกด้วยความตกใจ: “คุณอามัตถ์ไม่ได้นะ อาจะถูกหั่นขาดนะ!!”
เธอตะโกนเรียกแทบจะขาดใจ
เพราะว่าตำแหน่งที่ ถมัตถ์ คนนี้ยืนอยู่นั้นก็คือทางเข้าจริงๆ ของฐานวิจัย และที่นั่นก็เป็นตาข่ายเลเซอร์เต็มพื้นที่ ถ้ามันยิงมาเขาก็จะกลายเป็นกองเนื้อละเอียดเลย
แต่ชายชราคนนี้ดูเหมือนกับจะไม่ได้ยิน
เสียงดัง “ฉึก” แสงเลเซอร์สีแดงฉาดที่ทำให้คนขนลุกขนพองก็สาดมาจริงๆ ด้วย
“ถมัตถ์ คุณคิดว่าคุณทำแบบนี้ ฉันจะยอมใจอ่อนงั้นเหรอ? ฉันจะบอกคุณให้นะ ตอนที่ลูกชายตายด้วยน้ำมือของแสนรัก และตอนที่คุณยังคงเมินเฉย คุณก็ได้ตายไปจากในใจฉันตั้งนานแล้ว”
คิดไม่ถึงว่า หญิงแก่ที่อยู่ข้างนอกไม่ได้สนใจเลยสักนิด
เส้นหมี่: “! ! ! !”
“พรึ่บ—-“
ในตอนที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะ เส้นหมี่ก็ปีนลุกจากบนพื้นวิ่งพรวดไปกอดชายชราคนนี้แล้วลากเขานั่งลงโดยไม่คิดสนใจใดๆ ทั้งนั้น
ราตรี ที่อยู่ด้านนอก: “เลเซอร์ล่ะ? เลเซอร์ของฉันล่ะ?”
เธอรีบลุกขึ้นยืนทันที
และเส้นหมี่ที่ลากคนล้มลงบนพื้น ก็ในเวลานี้ถึงจะตั้งสติได้ เสียงดังเมื่อสักครู่ ก็คือเสียงของเลเซอร์ทั้งหมดในฐานวิจัยแห่งนี้หายไป
เกิดอะไรขึ้น?