ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1414 แสดงความรักในสายตาเธอมากเกินไป……
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1414 แสดงความรักในสายตาเธอมากเกินไป……
เวลาสิบวัน ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาแล้ว
เชียนหยวนล๋ายเย่มีความสุขสุดๆ หลังจากที่ตื่นแต่เช้า ก็วิ่งไปหาศักราชแล้ว
“ศักราช งั้นวันนี้สามีของฉันออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอคะ?”
“อืม”
ไพบูลย์มองสาวน้อยคนนี้ ก็ชื่นชอบอย่างมากเช่นกัน ก็เขียนใบแจ้งการออกจากโรงพยาบาลใบหนึ่งให้เธอในทันที ขีดด้วยปากกาเพียงแกรกเดียว
“ถือไปด้วยก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ว่านังหนู ต่อไปคุณยังต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะว่าต้องอยู่เป็นเพื่อนเขาให้มากๆนะ อันที่จริงสาเหตุส่วนใหญ่ที่ เขาป่วยโรคนี้ คือชอบนำเรื่องต่างๆไปกลั้นไว้ในใจ ถ้าในเวลาปกติคุณพูดคุยกับเขาให้มากขึ้น ปล่อยให้เขาพูดออกมา ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆเอง”
ไพบูลย์ไม่ลืมที่จะเตือนสักหน่อยในตอนท้ายด้วย
และเหตุผลส่วนใหญ่ ที่เขาพูดแบบนั้น คือเขาดูออกแล้วว่า ชายหนุ่มคนนั้น อันที่จริงก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง และเป็นความสัมพันธ์ที่แยกจากเด็กสาวคนนี้ไม่ได้อีกด้วย
ประมาณว่าเธอเป็นแสงสว่างที่มาช่วยเหลือเขา
เชียนหยวนล๋ายเย่จึงรีบรับปากอย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็หยิบใบการออกจากโรงพยาบาลใบนี้วิ่งกลับไปอย่างมีความสุข
“ที่รัก เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ พวกเราออกจากโรงพยาบาลกันได้แล้ว !”
ทันทีที่ประตูห้องผู้ป่วยถูกผลักออก ความสุขของเธอสามารถรู้สึก ได้ทั่วทั้งห้อง ราวกับว่าฤดูหนาวมาเยือนฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น และเหมือนกับคืนมืดมิดที่นำพาแสงสว่างเข้ามา
แม้แต่อารมณ์ของตัวเองก็สดใสขึ้นเช่นกัน
คณาธิปเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าเธอวิ่งเข้ามาอย่างมีความสุขขนาดนี้ เขาก็เลยอมยิ้มตามไปด้วย
“โอเค งั้นเราก็ออกเดินทางไปญี่ปุ่นกันเถอะ เธอติดต่อกับทางบ้านของเธอไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ พอตื่นนอนตอนเช้าก็โทรศัพท์หาคุณแม่ของฉันแล้ว พวกเขาจะรอพวกเราไปทานข้าวที่บ้านค่ะ”
พอเด็กสาวได้ยินเรื่องนี้ ก็ยิ่งดีใจเข้าไปอีก
เพราะว่า เมื่อเช้านี้ตอนที่เธอโทรศัทพ์ไป ฟังจากโทนเสียงของเเม่แล้วว่า ยินดีต้อนรับพวกเรากลับไป แถมยังเตรียมอาหารกลางวันให้อีกด้วย นั่นก็หมายความว่า คุณพ่อและคุณปู่ ก็ไม่มีปัญหาแล้วเช่นกัน
สาวน้อยเดินทางกลับบ้านตัวเองพร้อมกับสามีด้วยอารมณ์แจ่มใส
ส่วนทางเมืองA คนที่นัดไว้ว่าจะออกเดินทางในวันนี้ ก็วุ่นวายกันอยู่ในกลุ่มแล้ว
[เส้นหมี่ : พี่ค่ะ ฝั่งพี่เป็นยังไงบ้างแล้ว เมื่อกี้นี้น้องชายพี่บอกว่า เอาเครื่องบินส่วนตัวไปลำเดียวก็พอเเล้วค่ะ แล้วพี่จะรอพี่เขาด้วยไหมคะ?”]
[เเสงดาว :เชี่ย!]
ด่าคำประจำชาติไปคำเดียว ก็สะท้อนให้เห็นถึงความอารมณ์ร้อนของผู้หญิงคนนี้
เพราะว่าม็อกโกเดิมทีก็ตกลงกันแล้วว่าจะมาเมืองAในวันหยุดเมื่อวานได้ จู่ๆทางกองกำลังทหารก็เกิดเรื่องเร่งด่วนนิดหน่อย เขาจึงล่าช้าไป จึงทำให้ตอนนี้ทุกๆคนกำลังจะออกเดินทางอยู่แล้วก็ยังไม่มาอีก
เขาไม่มา ไชยันต์และหนูดาราก็ไม่ได้มาแน่นอน
นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปไม่ได้ อารมณ์ดีจังเลยนะ
[แสนรัก : ให้พวกเขารออยู่ที่เดอะวิวซีนั่นเเหละ วกกลับไปก็พอแล้ว]
[แสงดาว : !!!!]
[ม็อกโก : จริงเหรอ? งั้นขอโทษยังไงดีล่ะ?]
[ดิลก : คนกันเองทั้งนั้น มีอะไรให้ต้องขอโทษกันล่ะ? ยังดีที่แสนรักคิดออก งั้นก็เอาตามนี้ล่ะกัน]
[เส้นหมี่ : ดีค่ะๆ งั้นพูดมาแบบนี้แล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปล่วงหน้ากันเลย]
[ท่านไช : แฮะๆ……]
คุณท่านคนนี้ ได้แต่ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง
ในตอนนี้เวลานี้ ในที่สุดคนกลุ่มหนึ่งก็ออกเดินทางกันอย่างยิ่งใหญ่เสียที และครั้งนี้เพราะว่าเป็นลักษณะการท่องเที่ยว เส้นหมี่จึงพาพี่ภาซึ่งทำงานเหน็ดเหนื่อยที่บ้านพวกเขามานานหลายปีมากับเธอด้วย
ส่วนดิลก ก็พาปอร์เช่หลานชายของตัวเองไปด้วยเช่นกัน
ตอนที่มาถึงญี่ปุ่น ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
เส้นหมี่ : “พี่คะ เราต้องโทรศัทพ์หาพี่ธิปก่อนไหมคะ? ดูว่าสถานการณ์ฝั่งพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
คงไม่ต้องแล้วมั้ง ทางเราคนเยอะ เรื่องอาหารการกินและที่พักก็ตัดสินใจด้วยตัวเองยังจะดีกว่า อย่าไปรบกวนคนอื่นเขาเลย”
หลังจากที่แสนรักคิดไปสักครู่หนึ่ง ก็ยังคงที่จะตัดสินใจปัญหาเรื่องอาหารการกินและที่พักด้วยตัวเองไปก่อน
ดิลกได้ยินแล้ว ก็เห็นด้วยกับวิธีของลูกเขย
ในทันทีที่ ครอบครัวก็พักในโรมแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่งในโตเกียวไปก่อน ซึ่งครอบคลุมสองชั้นบนสุด
เดิมทีทุกๆคนอยากไปทานอาหารที่โรมแรม หลังจากเช็คอินแล้ว แต่ว่าเวลานี้ จู่ๆแสนรักก็รับสายโทรศัพท์
“ฮัลโหล พวกนายถึงกันแล้วหรือยัง?”
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคณาธิป
เขาดีขึ้นมากแล้วจริงๆด้วย และเป็นฝ่ายออกตัวโทรหาผู้ชายคนนี้ซึ่งเมื่อก่อนไม่เต็มใจจะพูดกับเขาสักคำแม้แต่ต่อหน้าก็ตาม
แสนรักรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน
แต่ว่า เพียงเเป๊บเดียวเขาก็สงบลงจึงเอ่ยว่า : เพิ่งจะพักในโรงเเรมน่ะ มีอะไรหรือปล่าว?”
คณาธิป : “พวกเราอยู่คฤหาสน์เชียนหยวน จะเข้ามาทานอาหารกันไหม? คาดว่าทางฝั่งนี้ หลังจากที่ได้ยินว่าพวกนายก็มาแล้วเช่นกัน จึงอยากเชิญพวกนายเข้ามาร่วมด้วย แต่ว่าก็แล้วแต่นายนะว่า สะดวกกันหรือปล่าว?”
ที่แท้ เขาโทรมาเพื่อเชิญพวกเราไปทานอาหารที่ตระกูลเชียนหยวนนี่เอง
แสนรักไม่ค่อยชอบไปทานอาหารที่บ้านของคนอื่นจริงๆ หนึ่งคือด้วยนิสัยของเขา ที่ไม่ชอบไปทักทายปราศรัยกับผู้อื่น
ส่วนสาเหตุที่สอง กลับเป็นเขาที่ชอบความอิสระเสรีเสียยิ่งกว่า ไปที่บ้านของผู้อื่น แม้ว่าคนอื่นจะเห็นแก่หน้าเขาอีกก็ตาม แต่อย่างน้อยมารยาทนั้นก็ต้องมี
เเสนรักขมวดคิ้วไปสักพัก ในหัวนึกถึงตอนที่มา อยู่บนเครื่องบิน ผู้หญิงสองคนนั้นสนทนาพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่ตั้งหน้าตั้งตารอว่าจะไปกินไปพักที่ตระกูลเชียนหยวนมาโดยตลอดหรือปล่าว?
“เอาเถอะ อีกเดี๋ยวฉันจะพาพวกเขาเข้าไป”
“โอเค งั้นฉันไปจัดการให้สักหน่อย”
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์แล้ว ผู้ชายทั้งสองคนก็ต่างคนต่างไปทำเรื่องของตัวเองแล้ว
เป็นไปตามคาด หลังจากที่ลงไปข้างล่างไปบอกข่าวนี้กับทุกคน คนพวกนี้ก็ตื่นเต้นจนเก็บไว้ไม่อยู่กันแล้ว