ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 144 ที่แท้ เธอก็“เซอร์ไพรส์”เขาหนักมาก!
แต่แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้ดำเนินไปต่อ เพราะหลังจากนั้นทางโรงพยาบาลก็ได้แจ้งข่าวมา บอกว่าหลังจากที่เส้นหมี่กลับมา ก็ทำงานตามปกติ
ในเมื่อทำงานตามปรกติ เรื่องนี้ก็จึงยิ่งไม่ต้องมากังวลอีกต่อไป
และแล้วห้องทำงานของท่านประธานก็จึงได้กลับมาทำงานตามปกติ
อีกสองชั่วโมง โรงเรียนอนุบาลก็จะเลิกเรียน
เพราะก่อนที่แสนรักจะออกไปพบลูกค้า ได้สั่งกำชับเคมีเอาไว้ ว่าวันนี้เป็นเวรของเส้นหมี่ที่ต้องไปรับลูก เคมีก็จึงต้องโทรไปย้ำเป็นพิเศษ
“คุณนาย วันนี้ท่านประธานออกไปพบลูกค้า ทางคุณชายเล็ก คงต้องรบกวนคุณไปรับแล้ว”
“ฉันรู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้ ”
เส้นหมี่รับคำอย่างสุภาพ ฟังเสียงแล้วดูสงบอย่างมาก
เคมียิ้มแล้วพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ จากนั้นก็วางสาย และกลับไปทำงานต่อ
ในเมื่อคนเป็นแม่ต้องไปรับลูก
ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ย่อมต้องดีอกดีใจ ไม่เก็บเรื่องนี้มาคิดอีก
แต่ในคืนนี้ สิ่งที่แสนรักคาดไม่ถึงก็คือ ในตอนที่เขาทำงานล่วงเวลาเสร็จแล้วเดินทางกลับมาถึงบ้าน ก็ไม่เห็นเด็กๆกลับมากัน
อย่าพูดถึงแม้แต่เงาของหญิงสาวเลย
“เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมพวกเขายังไม่กลับกันอีก ?”
“หือ? คุณเส้นหมี่บอกว่าได้โทรหาคุณแล้ว ว่าคืนนี้จะให้เด็กๆนอนที่บ้านเธอ คุณผู้ชาย……ไม่ทราบเรื่องเหรอคะ?”
พี่ภาที่มึนงงสับสน รีบอธิบายให้เขาฟังในทันที
เธอโทรหาเขางั้นเหรอ ?
แสนรักหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
กลับพบว่า หน้าจอไม่มีแม้แต่เบอร์ที่ไม่ได้รับสาย ไม่เพียงไม่มีเบอร์ แม้แต่ข้อความก็ไม่มีแจ้งเตือน
แล้วทำไมเธอต้องพูดแบบนั้นด้วย? เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ?
และแล้วชายหนุ่มก็มีน้ำโหขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว ข้างนอกอากาศก็ค่อนข้างหนาว ใบหน้าของเขามืดมน ค้นหาเบอร์ของเส้นหมี่แล้วกดโทรออก
“ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก!”
“……”
อะไรเนี่ย?
เขาจ้องมองโทรศัพท์ด้วยความตะลึง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กดสายทิ้งแล้วโทรออกอีกครั้ง!
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเดือดดาลมากขึ้นไปอีก นั้นก็คือ เสียงที่ดังลอดออกมาก็ยังคงเป็นเสียงระบบตอบรับอัตโนมัติ
ผู้หญิงบ้าคนนี้ เบื่อชีวิตมากแล้วใช่ไหม!
ในที่สุดเขาก็หมดความอดทน กดสายทิ้ง ความเย็นเยือกแทรกซึมไปทั่วทุกอณูของร่างกาย วินาทีต่อมา เขาคว้ากุญแจรถแล้วออกจากบ้านไปอีกครั้ง
“คุณผู้ชาย?ดึกป่านนี้แล้วจะออกไปไหนอีกคะ?”
“ผมจะไปเอาเรื่องเธอ!”
ค่ำคืนอันหนาวเหน็บ เสียงของชายหนุ่มกัดฟันกร่อนด้วยความโกรธท่ามกลางความมืด อันที่จริงก็ค่อนข้างตลกอยู่มาก
เพราะว่า ท่าทีที่หงุดหงิดและโมโหของเขา ช่างแตกต่างราวกับเป็นคนละคนในเวลางานอย่างสิ้นเชิง ความสง่างามที่มีมาตลอด เกียรติยศและความเย่อหยิ่งของเขา ต่อให้จะพูดตำหนิ ก็ไม่เคยจะหลุดจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
แต่ในตอนนี้ เขากลับปล่อยวางมันลงทุกอย่าง
โดยเฉพาะในตอนที่เขากัดฟันพูดคำว่า“เอาเรื่อง”คำนี้
พี่ภาพิงไปที่ประตูและถอนหายใจ“คู่รักคู่แค้นสองคนนี้……”
——
แสนรักขับรถด้วยความเร็ว
อาจเพราะความโกรธที่มี และความเป็นห่วงเด็กๆ หลังจากที่ออกจากเรืองรอง ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็มาถึงที่เขตเมืองเก่า
จากนั้นก็เจอตึกที่เส้นหมี่เช่าอยู่
แต่ว่า ในตอนที่เขามาถึง กลับพบว่า ในตึกนั้น ไม่มีไฟเปิดทิ้งไว้
หรือหลับไปแล้ว ?
เขาลงจากรถ ปิดประตูเสียงดัง“ปัง” หัวสมองเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่ว่า เขาเป็นคนที่พูดจริงทำจริง ในเมื่อมาถึงที่แล้ว เขาก็จะไม่คิดเองเออเอง ก้าวเท้าแล้วเดินขึ้นไปทันที
ไม่กี่นาทีต่อมา หน้าประตูห้องเช่าที่คุ้นเคย
“เส้น……”
“นี่พ่อหนุ่ม มาหาใครล่ะ ? แม่ลูกที่อยู่ห้องนี้เขาย้ายออกไปแล้ว ไม่ต้องมาหาพวกเขาอีกแล้ว ”
ช่างบังเอิญเหลือเกิน ที่ชั้นบนมีคุณน้าคนหนึ่งเดินลงมา เมื่อเห็นแสนรักยืนอยู่ในความมืดและกำลังจะเคาะประตูห้อง ไฟฉายในมือเธอก็สาดส่องมาที่ร่างของเขา และพูดบอกเขา
แสนรักตะลึงงันในทันที“ ย้ายออกไปแล้ว ? จะเป็นไปได้ยังไง ? ”
คุณน้า“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ? ในตอนเย็น ฉันยังช่วยเธอขนกระเป๋าลงไปอยู่เลย เด็กสามคน ผู้ใหญ่คนเดียว คนทั้งตึกต่างก็รู้ก็เห็น ฉันจะโกหกไปทำไม?”
“……”
ด้วยคำพูดนี้ ชายหนุ่มที่ดั้นด้นมาท่ามกลางลมหนาว ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ใช่ หากมีคนอยู่ด้านใน แม่กุญแจที่เก่ากึกแบบนี้ จะล็อกอยู่ด้านนอกนี้ได้ยังไง?
ดังนั้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ไม่รับสายเขา
แต่หนีไปแล้ว ?
พาลูกสองคนของเขาหนีไปด้วย ?!!
ร่างที่สูงโปร่ง แข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ รูม่านตาของเขาพลันหดตัวอย่างรุนแรง มีบางอย่างที่ราวกับลาวาพุ่งไหลออกมาจากหน้าอกของเขา
วินาทีถัดมา ภายใต้ความโกรธจนยั้งอารมณ์ไม่อยู่ของเขา เสียง“ปัง”จากการถีบก็ดังก้องขึ้น!
ประตูบานนั้น เปิดออกเพราะการถีบของเขา
เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ห้องนี้ว่างเปล่า
คืนนั้นที่เขามา ในนี้ยังมีของจัดวางอยู่เต็มไปหมด มีเตาไฟเล็กๆที่ให้ความอบอุ่น และยังมีโซฟาตัวเล็กที่สะอาดและเป็นระเบียบวางอยู่
อีกทั้ง ยังมีโต๊ะเล็กๆที่เขาเคยมานั่งกินบะหมี่ด้วย……
ในตอนนี้ ไม่เหลืออะไรเลย
ห้องนี้ ในเวลาแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ว่างเปล่าจนไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออีก
ในที่สุดขอบตาของเขา ก็ค่อยๆแดงเรื่อขึ้นมา——
“เส้น-หมี่!!!”