ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1441 กลับบ้านเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1441 กลับบ้านเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
คืนนั้น ในงานเลี้ยงวันสิ้นปีที่เรือนเดิมของตระกูลหิรัญชา ไม่เพียงแต่คณาธิปคู่สามีภรรยาที่มาสาย แม้แต่แสนรักแห่งเรืองรองก็มาถึงดึกมากเช่นกัน ทำให้คนในตระกูลหิรัญชาได้แต่รอคอยอยู่นาน เมื่อมากันครบ ก็เกือบสองทุ่มแล้ว ธวัชซึ่งเป็นผู้อาวุโสในตระกูลเห็นเช่นนี้ ก็รีบมาต้อนรับขับสู้ ให้คนยกเนื้อย่าง หัวหมู ทั้งยังมีไก่ย่างและของไหว้อื่นๆที่เตรียมไว้ออกมา “รัก งั้นตอนนี้พวกเราไปที่ห้องใต้หลังคากันก่อนเถอะ” “ครับ” แสนรักที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษพยักหน้าแล้วมองไปทางด้านหลัง แวบเดียวคณาธิปที่มองอยู่ข้างๆก็เข้าใจในทันที หลังจากนั้นเขาจึงเดินตามหลังไป
หอบรรพชนของตระกูลหิรัญชา มิใช่เป็นสถานที่ที่คนธรรมดาจะเข้าไปได้ ในอดีตสมัยที่ธนากรยังมีชีวิตอยู่ เขาพี่น้องสามคน ก็อนุญาตให้เข้าเพียงครอบครัวละคนเท่านั้น นี่ก็เป็นกฏเกณฑ์ที่บรรพบุรุษของตระกูลหิรัญชาสืบทอดต่อกันมาเช่นกัน ธวัชพาทั้งสองมาถึงที่หน้าห้องใต้หลังคา “ล้างมือกันก่อนนะ” เขามองไปที่อ่างไม้ที่วางอยู่นอกห้อง ส่งสัญญาณให้ทั้งสองล้างมือก่อนเข้าไปข้างใน แสนรักผู้ซึ่งคุ้นเคยเป็นอย่างดี จุ่มมือไปในอ่างอย่างเสียไม่ได้สักสองครั้งก็เข้าไปด้านในแล้ว ส่วนคณาธิปที่ตามมาด้านหลังนั้น มองปราดหนึ่ง ก็จุ่มมือไปในอ่างแล้วล้างอย่างสะอาดหมดจดจึงตามเข้าไป ภายในหอบรรพชนนั้นเต็มไปด้วยป้ายวิญญาณผู้ล่วงลับของตระกูลหิรัญชาและมีเปลวเทียนที่จุดอย่างสว่างไสวอยู่ ส่วนในสวนเล็กๆด้านนอกหอบรรพชนก็มีกระถางธูปปากกว้างอยู่หนึ่งกระถาง ที่นั่นเถ้าธูปใหม่ได้พอกพูนไปอีกหนึ่งชั้น
คณาธิปชะงักฝีเท้ารู้สึกยังปรับตัวไม่ค่อยได้ เนื่องจากตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยมาสถานที่เช่นนี้มาก่อนเลย คล้ายกับว่าวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ภายนอกเนิ่นนาน จู่ๆก็มาที่วิหารที่เคร่งขรึมเช่นนี้ รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เขารู้สึกประหม่าและแปลกแยก เพียงไม่นานผู้คนด้านในก็สังเกตเห็นเขา “ธิป เข้ามาสิ นี่ธูปของเธอ” ธวัชเรียกเขาจากด้านใน คณาธิปจึงก้าวเท้าเข้าไป ถือธูปและคำนับที่หน้าเปลวเทียน ทั้งสองทำตามที่ธวัชบอกกล่าว ไปปักธูปที่กระถางในสวน แล้วจึงกลับเข้าไปในหอบรรพชนคุกเข่าลงตรงเบาะรองนั่ง “คุณปู่ คุณพ่อ อารอง วันนี้เป็นวันสิ้นปี พวกเรากลับมาหาพวกท่าน นี่คือรัก นี่คือธิปครับ” ธวัชก็คุกเข่าเช่นกันจากนั้นก็มองไปที่ป้ายวิญญาณผู้ล่วงลับที่โถงไว้ทุกข์แล้วแนะนำทั้งสองให้รู้จัก แสนรักเติบโตมา ณ ที่แห่งนี้ ทุกปีฉลองปีใหม่ก็ปฏิบัติเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อพี่ชายผู้นี้เอ่ยคำนี้ออกมา เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไร มีเพียงคณาธิปเท่านั้น ที่เมื่อได้ยินการแนะนำตนเองอย่างมีพิธีรีตองเช่นนี้ สายตาของเขาก็กระตุกวาบ หลังจากนั้นจึงหลุบมองไปที่ป้ายวิญญาณที่วางอยู่ชั้นล่างสุดของโต๊ะหมู่บูชานั้น คุณพ่อ—ธนากร!
“อารองครับ อาดีใจเป็นพิเศษเลยใช่ไหมครับ? วันนี้ผมพาลูกชายคนเล็กของอามาด้วย อาวางใจได้นะครับ เขาสบายดีครับ ทั้งยังแต่งสะใภ้แล้วด้วย อยู่ด้านนอกโน่นนะครับ” ธวัชเอ่ยขึ้นมา คงจะเพราะเห็นน้องชายคนนี้เข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก จึงพูดคุยถึงเรื่องของเขาเป็นการเฉพาะ คณาธิปจึงทำท่าคำนับอีกครั้ง
แสนรัก : “เสร็จรึยัง? จะกินข้าวแล้ว”
“………………”
คนผู้นี้นี่จริงๆเลย ผ่านมาหลายปี นิสัยแย่ๆอย่างนี้ยังไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ไหว้บรรพบุรุษแล้ว ไม่มีความอดทนเลยสักปี เอาแต่เร่งจะออกไปก่อนทุกครั้ง ธวัชอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเจื่อนๆ หลังจากที่รีบทำจนเสร็จแล้ว ทั้งสามคนจึงยืนขึ้นจากตรงเบาะรองนั่ง เตรียมเดินออกไป แต่ในขณะนั้นเอง แสนรักที่ลุกขึ้นก่อนใคร จู่ๆไม่รู้ไปสะดุดอะไรเข้า หลังจากซวนเซแล้วก็มีเสียง ‘ตึง’ เขาคุกเข่าลงไปอย่างทื่อๆ
ธวัช : “………………”
คณาธิป : “……………………..”
เมื่อทั้งสองเห็นฉากนี้แล้ว ต่างก็อ้าปากค้าง เพราะพวกเขาพบว่า ตรงที่ที่ผู้ชายคนนี้คุกเข่านั้น เป็นเบาะที่คณาธิปคุกเข่าลงไปเมื่อครู่พอดิบพอดี และตรงหน้าของเบาะนั้น ก็เป็นป้ายวิญญาณของธนากรพอดี เยี่ยมไปเลย! แสนรักโกรธจนเส้นเลือดบนหน้าผากปูดออกมา “ตาแก่นี่ คิดจะทำอะไรนะ? ไม่ไหว้คุณ ถึงกับมาโกรธผมเลยเหรอ?” “อา…….” ธวัชเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบมาดึงเขาลุกขึ้น “ไม่หรอกไม่หรอก อารองไม่โกรธแกแน่ๆ ต้องโทษฉันที่วางเบาะไม่ดีเอง แสงสว่างก็ไม่พอ ต้องขอโทษด้วยนะ” เขารีบออกความเห็น เหตุเพราะกลัวผู้ชายคนนี้จะโมโหโกรธา ส่วนคณาธิปไม่ได้กล่าวอะไร เพราะไม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นว่าเวลานี้เปลวเทียนข้างๆป้ายวิญญาณนั้นจู่ๆก็วูบไหว คล้ายกับโกรธจริงๆอย่างนั้น แต่ไม่นาน หลังจากที่คนผู้นี้ถูกดึงขึ้นมา เปลวเทียนนั้นก็ยิ่งสว่างขึ้นแล้ว ธนากรจะโกรธคนผู้นี้ได้อย่างไรกัน?
เวลานั้น ตอนที่เขาถูกนากาจิมะข่มขู่ ฝ่ายตรงข้ามได้ใช้ชีวิตของเขามาขู่ แต่เขาไม่ได้ทำให้เขาสมหวัง แต่เพื่อปกป้องเขาแล้ว ท้ายสุดก็ต้องสละชีวิตของตนเองไป ดังนั้นเขาย่อมไม่โกรธเขาแน่ๆ แต่ต่อให้โกรธจริงจะเป็นอะไรไป นั่นน่าจะหยอกเขาเล่นมากกว่า เพราะสองปีมานี้ผู้ชายคนนี้อยู่ที่ตระกูลเทวเทพไม่ได้กลับมานานมากๆแล้ว เขายังเกือบจะทำให้ชีวิตของตัวเองจบไปแล้ว คณาธิปท้ายสุดมองไปที่เปลวเทียนที่ยิ่งสว่างไสว แล้วเดินออกจากห้องใต้หลังคาไป