ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1442 พวกเรามีลูกกันเถอะ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1442 พวกเรามีลูกกันเถอะ
คืนนั้น เรือนเดิมแห่งนี้ก็กลับมาครึกครื้นเฉกเช่นสมัยก่อน นอกจากแสงดาวที่แต่งออกไปอยู่ที่ตระกูลเทวเทพแล้ว ทุกคนต่างก็มากันพร้อมหน้า ทั้งคืนนั้นในช่วงเวลาเฮฮาปาร์ตี้ พวกผู้ชายก็ดื่มกันเต็มที่ ส่วนผู้หญิงก็พุดคุยกันอย่างมีอรรถรส หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก “รัก จะไปไหนน่ะ?” “ภรรยาผมล่ะ?” ดูแล้วเป็นปกติมากที่แม้แต่การลุกขึ้นยืนยังสามารถคงความสูงส่งเย็นชาของประธานใหญ่แสนรัก เมื่อมีคนถามขึ้นมา เขาก็โมโหทันควันทั้งยังขมวดคิ้วถามกลับ ทุกคนต่างก็นิ่งงัน! สวรรค์ นี่…..เมาแล้วใช่ไหม?!! นั่นเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ทุกคนต่างก็ตื่นเต้น เพราะตั้งแต่คนผู้นี้เกิดมา ตระกูลหิรัญชาทั้งตระกูลต่างไม่เคยเห็นเขาเมาเหล้ามาก่อน ชายผู้นี้ช่างควบคุมตนเองได้จนทำให้คนโมโห
ธวัช : “น้องสะใภ้เหรอ น้องสะใภ้ไปดูเด็กๆ เดี๋ยวก็กลับมา”
“ว่าไงนะ” พูดจบชายผู้นี้ก็ยิ่งโกรธ “เธอทำไมครึ่งๆกลางๆก็ไปแล้วละ? พวกเรายังทำไม่เสร็จเลย”
“…………..”
“! ! ! !”
เพียงชั่ววินาที ทั้งสวนก็เงียบกริบ ช่างน่ากลัวเสียจริง ทั้งชาตินี้ล้วนไม่มีผู้ชายที่เมาเหล้า ยังดีที่เวลานี้เส้นหมี่ก็กลับมาพอดี เมื่อเห็นฉากนี้ เธอจึงหน้าแดงกล่ำ รีบปรี่เข้ามาปิดปากชายผู้นี้ “แสนรักคะ คุณพูดอะไรน่ะ? เมาแล้วเนี่ย พวกเรากลับไปกันก่อนเถอะ” “กลับไปทำไม? ขนมบัวลอยของคุณยังทำไม่เสร็จเลยนะ ผมซื้อแป้งข้าวเหนียวมาให้แล้ว ผมจะกิน ห้ามไป” “………” แล้วก็เงียบกริบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เนื่องจากทุกคนต่างอยากเอนหลังพักผ่อนกันแล้ว จึงไม่มีเสียงใดๆ เพียงก้มหัวลงเงียบๆและเดินย่องบนหัวแม่เท้าออกไป มีเพียงคณาธิปที่อยู่อีกฟากของโต๊ะลุกขึ้นยืน เดินเซไปเซมามาที่โต๊ะฝั่งนี้ “ขนมบัวลอยหรือ? ผมทำเป็น ไปๆ ผมทำให้พี่” “จะให้แกไปทำไม? แกไม่ใช่ภรรยาพี่เสียหน่อย เออ ใช่แล้ว พี่ซื้อโปรเจคเตอร์มาเครื่องหนึ่ง แกไปจัดการที ให้พวกเขาร้องเพลงให้ฟัง พวกแกก็ฟังเพลงไป พี่กับภรรยาจะไปทำขนมบัวลอย” จากนั้นคนผู้นี้ก็ลุกขึ้นยืน แต่ว่าเพียงแค่ลุกขึ้น คนก็เอนทับไปทางหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า หากไม่ใช่เป็นธวัชที่ยืนอยู่ตรงนี้พอดี เกรงว่าเส้นหมี่คงจะโดนล้มทับไปกับพื้นอย่างแน่นอน
“น้องสะใภ้ เขาดื่มจนเมาแล้ว งั้นพี่พาเขาไปนอนก่อนแล้วกัน เตียงของพวกเธอพี่ให้พี่สะใภ้ของเธอปูเรียบร้อยแล้ว ห้องก็เป็นห้องเดิมที่พวกเธอเคยอยู่” ธวัชประคองผู้ชายที่แม้ยืนยังไม่มั่นคงพลางเสนอแนะ เส้นหมี่จึงได้แต่เลยตามเลย ดังนั้นยังไม่ทันถึงเวลาจุดพลุ ชายผู้นี้ก็ถูกส่งมาที่ห้องแล้ว แต่แม้ว่าเขาจะถูกส่งกลับห้องไปแล้ว งานเลี้ยงก็ยังไม่เลิก เพราะยังมีคนเมาอีกหนึ่งคน
“ที่รักคะ คุณเมาแล้ว”
“ไม่เมา!” คณาธิปที่กำลังวุ่นอยู่กับการหาโปรเจคเตอร์ไม่ยอมรับ ทั้งที่ทำให้คนยิ่งต้องตกตะลึงก็คือ เขาปกติแล้วเป็นคนที่อ่อนโยน แต่พอเมาแล้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยทีเดียว “คุณไปหาโปรเจคเตอร์ออกมา!” “…………….” “แล้วไปเรียกพวกเธอออกมานั่งตรงนี้ด้วย ผมจะร้องเพลงแล้ว” หลังจากนั้นเขาก็ถือตะเกียบข้างหนึ่งมาที่สวนเล็กๆแห่งนั้นแล้วแหกปากร้องเพลง : “ผมอยากมีชีวิตที่เบ่งบาน! เหมือนบินอยู่บนฟ้าอันกว้างใหญ่………..” ทุกคนถูกสายฟ้าฟาดจนไหม้ไปหมด แต่ไม่นาน เชียนหยวนล๋ายเย่ก็ออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังจากเห็นว่าสามีเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่าบรรยากาศไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ดังนั้นเด็กสาวคนนี้จึงมาร่วมวงด้วย
“Ikarikurutta seimei,
เธอร้องเพลงเป็นภาษาแม่ของเธอ แต่ทำนองนั้นเป็นทำนองเดียวกันกับของสามีของเธอ ทั้งยังร้องได้อย่างกลมกลืนอีกด้วย สามีภรรยาคู่นี้ช่างเจ๋งจริงๆ! ดังนั้นท้ายที่สุดทุกคนต่างก็ตกอยู่ในบรรยากาศของทั้งสองคนนี้ ร่วมร้องเพลงไปด้วยกัน ที่พิเศษไปกว่านั้นคือธวัชพบว่าในห้องมีโปรเจคเตอร์อยู่เครื่องหนึ่งจริงๆ เขาจึงย้ายมันออกมา ณ เรือนเดิมแห่งนี้ ยิ่งเพิ่มความสนุกสนานครื้นเครง นั่นเป็นความคึกคักที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยจริงๆ สุดท้ายแล้วก็เงียบลงมาได้ เพราะคณาธิปเหนื่อยจนหลับไป และก็เป็นธวัชอีกที่แบกเขากลับไปที่ห้อง ส่วนเชียนหยวนล๋ายเย่ตามไปติดๆ “ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่” “ไม่ต้องเกรงใจ ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น คืนนี้ก็นอนที่นี่แล้วกัน ที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกเธอด้วย อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนนอกเลย” ธวัชอาศัยที่ตนเป็นพี่ชายจึงได้แนะนำน้องสะใภ้ไป เมื่อเชียนหยวนล๋ายเย่ได้ยิน แน่นอนย่อมรู้สึกซาบซึ้ง
เมื่อรอจนพี่ชายคนนี้ไปแล้ว เธอจึงไปรองน้ำร้อน เตรียมล้างหน้าและเท้าให้สามีที่กำลังเมา คืนนี้เขาเป็นอิสระที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลย นี่น่าจะเป็นบุคลิกของเขา เพียงแต่ความโชคร้ายในวัยเยาว์ ทั้งยังประสบการณ์ในวัยเติบใหญ่ ทำให้เขาจำต้องเก็บงำด้านนี้เอาไว้ สาวน้อยหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาอย่างปวดใจ “ที่รักคะ ฉันเช็ดหน้าให้นะคะ” เธอถอดแว่นตาเขาออกอย่างอ่อนโยน แล้วจึงเตรียมล้างหน้าให้เขา แต่ในเวลานี้เอง ก็ไม่รู้ว่าเพราะถอดแว่นออกแล้วไปโดนตัวเขาหรือเปล่า ชายหนุ่มที่มึนเมาก็ลืมตาขึ้นมา “ล๋ายเย่ เรามีลูกกันเถอะ” “หา?” เพียงชั่วครู่สาวน้อยก็อยู่เหนือศีรษะของชายหนุ่ม ดวงตากลมโตที่ดำขลับของเธอก็เบิกกว้าง