ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1448 ฉันพลาดอะไรไปแล้วหรือปล่าว
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1448 ฉันพลาดอะไรไปแล้วหรือปล่าว?
ที่รัก ที่พี่สาวกับพี่เอ่ยถึงพิมแสงคนนั้น คือใครเหรอค่ะ? เธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือปล่าว?”
“อืม แต่ก่อนเธอกับพวกพี่รู้จักกันที่เมืองเคลียร์ เธอตั้งครรภ์แล้ว อยู่ตระกูลโรแกน สวยใสเข้าไปกันแต่เช้าแล้ว และเห็นว่าความเป็นอยู่ของเธอไม่สบายดีนัก”
คณาธิปก็ไม่ได้ปิดบัง เล่าความสัมพันธ์ของพิมแสงกับพวกเขาตั้งแต่ต้นจนจบ อีกทั้งเอ่ยถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของเธอด้วย
“ตั้งครรภ์แล้วความเป็นอยู่ยังไม่ดีอีกเหรอคะ?”
เด็กสาวที่จิตใจงดงาม ฉับพลันใบหน้ากลมๆก็เผยสีหน้าความกังวลใจอย่างมากออกมา
“ที่รัก งั้นเราไปเยี่ยมเร็วหน่อยเถอะค่ะ เธอตั้งครรภ์แล้ว ตระกูลโรแกนที่พี่สาวเอ่ยถึงมันน่ากลัวขนาดนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาแล้ว จะทำยังไงดีล่ะคะ?”
“……”
ก้มหัวมองเห็นๆอยู่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอแท้ๆ แต่เวลานี้เด็กสาวกลับกังวลเสมือนหนึ่งว่าเป็นคนในครอบครัวของตนเอง คณาธิปที่ถือไม้กวาดไว้อยู่ จู่ๆก็รู้สึกว่าอบอุ่นใจจนกระสับกระส่ายเสียดื้อๆ
จริงสิ เด็กสาวคนนี้ ก็บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเเบบนี้มาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?
ในคืนวันเดียวกันนั้น หลังจากที่สองคนนั้นบินไปเมืองหลวงทางเรืองรองแล้ว คณาธิปก็ขับรถมาถึงตระกูลโรแกนจริงๆ
หลังจากที่ถึงแล้ว เขาไม่ได้วางเเพลนไว้ว่าจะเข้าไปที่นี่ กลับกันเตรียมที่จะโทรศัพท์หาพิมแสง ให้เธอออกมาพบกันสักหน่อยก็พอ เพื่อยืนยันสถานการณ์ของเธอ
แต่ในตอนนี้ รถของเขาจอดอยู่ข้างนอก และเขาได้ยินเสียงดัง “เพล้ง”จากด้านใน หลังจากนั้นไม่นานเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของผู้หญิงก็ดังออกมาแล้ว
“พิมแสง?”
เขาได้ยินแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปแทบจะในฉับพลัน
ลงจากรถพุ่งเข้าไปทันที เป็นไปตามที่คาดไว้ เพิ่งจะถึงประตูทางเข้าวิลล่านั้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากภายในห้องรับแขกว่า : “เธอยังจะกล้าร้องไห้อยู่ตรงนี้อีกงั้นเหรอ? ข้าวมื้อเที่ยงของวันนี้ พังไม่เป็นท่าก็เป็นเพราะว่าเธอคนเดียว เธอรู้ไหมว่าพวกเราต้องใช้ความพยายามกันตั้งเท่าไหร่? เพื่อที่จะเชิญเเสนรักมา ตอนนี้เธอทำมันพังหมดสิ้นแล้ว นึกไม่ถึงว่ายังจะมีหน้ามาร้องไห้อยู่ตรงนี้อีก?”
นั้นเป็นเสียงของหญิงวัยสูงอายุคนหนึ่ง
ส่วนที่ร้องไห้ เป็นพิมแสงอย่างแน่นอน
คณาธิปวิ่งเข้าไป มองปราดเดียวก็เห็นหญิงชรานั่งรถวีลเเชร์อยู่ด้านใน ไม้เท้าในมือของเขาจวนจะสะกิดบนใบหน้าหญิงตั้งครรภ์ตรงหน้าเต็มทีแล้ว
เขาพุ่งเข้ามาดึงเธอไปอยู่ข้างหลัง
จารุณี : “คุณเป็นใคร? ใครให้คุณเข้ามาตระกูลโรแกนของพวกเรา?”
คณาธิปไม่สนใจ
เขามองตรงไปทางผู้หญิงที่ถูกดึงมาอยู่ข้างหลัง
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“……”
เพียงประโยคเดียวนี้ พิมแสงที่เพิ่งจะถูกสาดด้วยซุปร้อนทั้งตัว ในที่สุดก็โผเข้าหาผู้ชายคนนี้ร้องไห้โฮขึ้นมาเอ่ยว่า : พี่ธิป พวกเขา……พวกเขากำลังข่มเหงรังเเกน้อง……”
ร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างฉับพลันทันที เวลานี้ ราวกับเด็กคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
คณาธิป : “……”
อกทนอดกลั้นมานานแสนนานแล้ว เขาถึงระงับความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟนั้นไว้ในทรวงอก
หลังจากนั้นไม่นาน จึงเอื้อมมือไปลูบๆหลังของผู้หญิงคนนี้
พี่ธิป?
เวลานี้ จารุณีที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ก็รู้สึกตัวอยู่บ้าง จู่ๆ สีหน้าแววตาที่ยกตนข่มท่านบนใบหน้าที่แก่ชราของเธอนั้นจางหายไป
ในทางกลับกัน สายตาของเธอจับจ้องไปที่ชายหนุ่มคนนี้แทน
“คุณคือ……คณาธิป? ลูกชายแท้ๆของน้องชายฉันเองเหรอ?
“ครับ”
“งั้น……” ชั่วพริบตาเดียว นึกไม่ถึงว่าหญิงชราคนนี้ยังจะมีความสุขขึ้นมาเสียได้
“นั่งสิ เดี๋ยวป้าจะไปเรียกเด็กๆมารินชาให้หลานนะ”
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังไป เรียกคนรับใช้ในบ้านนี้ มารินน้ำชาให้คณาธิป
แต่ตอนนี้คณาธิป หลังจากที่เห็นใบหน้าที่อัปลักษณ์ของเขาด้วยตาของตัวเองแล้ว ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนเขาอย่างถึงที่สุด ดังนั้น พอป้าเอ่ยปาก เขาก็ปฎิเสธอย่างเย็นชา
“ไม่ต้องหรอกครับ คืนนี้ผมจะพาเธอไปด้วย”
“หลานพูดว่าอะไรนะ?”
จารุณีอึ้งไปสักครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า : หลานจะพาเธอไปด้วยเหรอ? เพราะอะไรล่ะ? แต่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ลูกชายป้าพากลับมาด้วย และเธอยังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลโรแกนของพวกเราอยู่ในท้องทั้งคนนะ”
“อ๋อเหรอครับ? งั้นทำไมพวกป้าถึงยอมรับเธอไม่ได้ล่ะ? จารุณี ป้าบอกว่าเธอยังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลโรแกนของพวกป้าอยู่ในท้อง แต่ตอนนี้ป้าดูสิ่งที่ป้าทำไว้กับเธอสิ นี่คือสิ่งที่แม่สามีควรจะทำกันเหรอครับ?”
คณาธิปชี้มือชี้ไม้เรี่ยราดบนพื้นด้วยใบหน้าที่โกรธจัด จากนั้นก็มองไม้เท้าของหญิงชราคนนี้อีกแวบหนึ่ง
ในที่สุดจารุณีก็อายจนหน้าดำหน้าเเดงเสียที
เธอทำหน้านิ่ง จ้องมองหลานชายแท้ๆคนนี้ หลังจากความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาทรวงอกอีกครั้ง เธอจึงโพล่งออกมาโดยไม่ได้ไตร่ตรองยั้งคิดว่า : นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอเหมือนกับแม่ของแกยังไงล่ะ ปีนขึ้นไปบนเตียงของคนอื่นโดยไม่รู้จักอายเสียบ้าง”
“ป้า—“
รูม่านตาของคณาธิปหดตัวลงอย่างมากในชั่วพริบตา และไอสยองขวัญพุ่งออกมาจากบนกายเขาเสมือนมรสุมอันโหมกระหน่ำเข้าอย่างหนัก
พิมแสงเห็นแล้ว ก็รู้สึกตัว ตกใจจนดึงเขาไว้ในทันที
“พี่ธิปคะ พี่ธิป พี่ใจเย็นๆก่อนนะ โอเคค่ะ น้องจะตามพี่ไปด้วย น้องไม่อยู่สถานที่แบบนี้แล้ว น้องจะออกไปกับพี่ทันที พี่อย่าวู่วามเลยนะคะ”
หลังจากนั้นเธอที่ท้องเจ็ดเดือนอยู่ ก็ดึงผู้ชายคนนี้ออกไปข้างนอก
ในเวลานี้เองจารุณีก็รู้สึกตัวเเล้ว
เขามองหลานชายแท้ๆซึ่งสายตานั้นจับจ้องมาที่ตัวเองเพียงแค่เวลาสั้นๆไม่กี่วินั้น แทบอยากจะสับเขาให้เป็นหมื่นท่อน ในที่สุด เธอก็ด้วยหลังจากที่ความเยือกเย็นอย่างถึงที่สุดเทลงมาจากบนศรีษะ
ใบหน้าที่แก่ชราจึงซีดขาวไปหมด
เขาหมดหวังแล้ว
ชั่วชีวิตนี้ ก็อย่าได้คิดที่จะสานสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหิรัญชาอีก
ในด้านของญาติพี่น้องก็ไม่มี ในด้านสิทธิและเงินทองก็ยิ่งอย่าได้คิดที่จะเอารัดเอาเปรียบกันแม้แต่น้อย
ในคืนวันเดียวกัน พิมแสงถูกพากลับไปพักวิลล่าไหล่เขาของคณาธิป
“พี่พิมแสง พี่อาบน้ำก่อนเถอะนะ น้องเติมน้ำร้อนไว้ให้พี่เรียบร้อยแล้ว”
เชียนหยวนล๋ายเย่เห็นพี่สาวคนนี้รับกลับมาด้วยแล้ว จึงวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ในบ้านดูแลอย่างใกล้ชิด
ส่วนพิมแสง หลังจากที่อาบน้ำสบายตัวออกมาเสียที ก็เห็นฉากที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน
หนึ่งคือ เธอคิดว่าชั่วชีวิตนี้นอกจากผู้ชายที่รักเพียงแต่เส้นหมี่เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะเชื่อฟังคล้อยตามเด็กสาวคนนั้นทุกอย่างอีกด้วย และแววตาที่เขามองเธอนั้น ทั้งอ่อนโยนและพะเน้าพะนอมากกว่าที่เธอเคยเห็นมาก่อน
พิมแสงตะลึงงันไปเลยทีเดียว
ภายในช่องทรวงอก ราวกับว่าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่เต็มไปด้วยรอยร้าวหลุดลอกออกมาเพียงนิดเดียว