ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1451 เธออับจนหนทางแล้ว……
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1451 เธออับจนหนทางแล้ว……
“มาร์ติน ฉันขอโทษ”
“อะไรนะ?”
มาร์ตินที่กำลังตะลีตะลานเปลี่ยนเสื้อผ้า มองมาอย่างประหลาดพิกล เมื่อได้ยินคำพูดนี้
พิมแสงก็มองเขาอย่างเงียบๆต่อไป : “ฉันหมายความว่า หนึ่งปีมานี้ ฉันก่อกวนชีวิตคุณจนวุ่นวายไปหมด ฉันขอโทษนะ”
มาร์ติน : “……”
สมองเธอดูท่าจะมีปัญหาหรือปล่าว?
คิดกลวิธีใหม่มาทรมานเขาแล้วเหรอ?
มาร์ตินละสายตากลับ หน้าตาที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเอ่ยว่า : “พอแล้ว เธอเลิกวุ่นวายได้แล้ว อยากจะพักผ่อน ก็นอนอยู่ที่นี่ดีๆ วันปีใหม่ทั้งที อย่าทรมานกันอีกเลยนะ”
หลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวจะออกไป
แต่พิมแสงอยู่ด้านหลังเรียกเขาไว้
“มาร์ติน ฉันนัดหมอไว้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็สามารถทำการผ่าตัดได้ พอถึงตอนนั้นที่ฉันทำเสร็จแล้ว ก็จะกลับเมืองเคลียร์ ฉันสัญญาเลยว่า ต่อไปจะไม่ตามตอแยคุณอีก”
เสียงที่เศร้าสร้อยดังมาจากด้านหลัง จนคนฟังรู้สึกชาไปทั้งหลัง
มาร์ตินหยุดชะงักลงเสียที เขาหันหน้ามา สายตานั้นจ้องมองมาที่เธอ ราวกับเห็นผี
“พิมแสง เธอกำลังพูดอะไรน่ะ? เกิดเป็นบ้าอะไรอีกล่ะ?”
“ฉันไม่ได้บ้านะ หลายปีมานี้ ฉันไม่มีสติยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก มาร์ติน ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นความผิดของฉันคนเดียว ฉันก็ไม่ควรตามตอแยคุณตั้งแต่แรก ฉันขอโทษที่ทำลายคุณจนตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ ฉันหวังว่า……หลังจากที่ฉันหายไปจากในชีวิตคุณ คุณยังกลับไปเป็นชายหนุ่มผู้สดใสคนนั้นได้นะ”
พิมแสงหันตัวเองออก มองไปทางนอกหน้าต่าง เวลานี้ ช่างเงียบสงบเป็นพิเศษจริงๆ
มาร์ตินเพ่งตามองไปครู่เดียว
เขาเดินเข้ามา แต่ถอยหลังกลับไปข้างกายผู้หญิงคนนี้ทีละก้าวๆ
“เธอเป็นอะไรไปกันแน่? โดนแม่ฉันด่าจนโง่หรือไง ไปโรงพยาบาล เธอหมายความว่ายังไง? ไม่ต้องการลูกคนนี้แล้วเหรอ?
เขามองไปทางก้อนกลมๆใต้ผ้าห่มซึ่งผู้หญิงคนนี้ยังคงนูนออกมาอยู่
เขาหูฝาดไปใช่ไหม? เธอหมายความว่าแบบนี้เหรอ? เธอก็ไม่ต้องการ ลูกวัยเจ็ดเดือนแล้วงั้นเหรอ?
เขาเกิดความเดือดดาลนิดหน่อยแล้ว!
แต่ วินาทีต่อไปผู้หญิงคนนี้ กลับบอกข่าวที่ทำให้เขาคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิมอีก
“อืม ไม่ต้องการแล้ว ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ใช่ลูกของคุณเหมือนกัน มาร์ติน ตอนแรกฉันก็แค่อยากจะอยู่ด้วยกันกับคุณ หลังจากนั้นถึงได้ไปทำเด็กหลอดแก้ว ที่จริงแล้วระหว่างเราไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ”
“……”
เพียงพริบตาเดียว ทุกอย่างในห้องนอนนี้ก็เงียบสงัดลง!
เธอเป็นคนเสียสติไปเเล้วจริงๆ!
ดวงตาทั้งสองข้างของมาร์ตินเป็นสีแดงเพลิงแล้ว วันนั้น หลังจากที่เขาได้สติ จึงทุบข้าวของทุกอย่างในห้องนอนจนหมด หลังจากนั้นไม่นานก็หายไป
ตอนที่ทางด้านคณาธิปได้ยินข่าวคราว ก็ตอนเช้าวันที่สองแล้ว และตอนนั้น พิมแสงถึงโรงพยาบาลแล้วด้วย
“พิมแสง เธอบ้าไปแล้วจริงๆใช่ไหม? พี่ต้องเชิญหมอจิตแพทย์คนหนึ่งมาตรวจดูให้เธอหน่อยไหม เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่? และเธอรู้ตัวไหมว่าเธอสติฟั่นเฟืองอยู่มากแค่ไหน?”
คณาธิปที่ตามหาที่นี่จนพบแล้ว ก็โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้ และด่าเธอว่าสมองท่าจะมีปัญหา
พิมแสงก็ร้องไห้เช่นกัน
เวลานี้ เธอมองผู้ชายคนนี้ เหมือนกับว่าเขาไปรับเธอที่ตระกูลโรแกนเมื่อครั้งก่อน และอารมณ์ของเธอก็เปิดเผยออกมาโดยไม่กลบเกลื่อนแต่อย่างใด
“ใช่ค่ะ น้องก็แค่บ้า ตัวน้องเองแม่งไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? สองสามปีมานี้น้อง กำลังทำอะไรอยู่กันแน่? ตอนนี้น้องรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองมันน่าขยะเเขยงไปหมด พี่รู้หรือปล่าวคณาธิป?”
เธอร้องไห้ตะโกนสุดเสียง อารมณ์ทั้งหมดอยู่เหนือการควบคุมจนคิดว่าเธอกำลังจะเป็นโรคประสาทแล้วจริงๆ
สุดท้ายคณาธิปก็ใจเย็นลง
เขาใช้กำลังพาตัวผู้หญิงคนนี้ไป ตั้งครรภ์มาเจ็ดเดือนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้เธอพาลหาเรื่องทำแท้งเด็กได้ลงอีก
ข่าวเเพร่ออกไปถึงหูของเส้นหมี่ซึ่งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง เธอโมโหเสียจนตะโกนด่าทอผู้หญิงคนนี้ในโทรศัพท์
“พิมแสง เธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่? เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”
“……”
ผ่านไปนานมาก ถึงจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้ราวกับวิญญาณเร่ร่อน
“สวยใส ฉันผิดไปแล้ว”
“หือ?”
เส้นหมี่ทางโทรศัพท์อึ้งไปสักครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดนี้
“ผิดตรงไหนเหรอ?” เธอคิดว่าเขากำลังสำนึกตัวเรื่องที่ก่อความวุ่นวายสองสามปีมานี้ ดังนั้นก็เลยถือโอกาสถามไปประโยคเดียว
แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะจิตใจล่องลอยไปอีกแล้ว เธอยืนอยู่บนดานฟ้าของวิลล่าไหล่เขาหลังนี้ และก้มหัวมองคนสองคนนั้นกำลังสร้างสนามหญ้าในสวนดอกไม้ด้านล่าง
“ที่นั่นผิดไปเสียหมดเลย!”
เธอเอ่ย
สุดท้ายพิมแสงก็ยังคงถูกคณาธิปบังคับให้อยู่ที่นี่ตามเดิม ส่วนมาร์ติน ตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่เคยโผล่หน้ามาอีก
อีกครึ่งเดือนต่อมา ก็คือวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งผ่านไปแล้ว คณาธิปก็ต้องไปทำงานที่บริษัทอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน ก่อนที่เขาจะจากไป ก็กำชับหนูเย่ให้ดูแลผู้หญิงคนนี้ให้ดีๆเป็นพิเศษ
เชียนหยวนล๋ายเย่ก็เชื่อฟัง อยู่เป็นเพื่อนเธอโดยตลอด
“พี่พิมแสง พี่อยากทานอะไรไหมคะ? น้องจะได้ไปซื้อมาให้พี่”
“พี่อยากออกไปเดินเล่น จะได้ไหม?”
พิมแสงเอ่ยคำขอร้องออกมาแล้ว
แต่ว่า พอเชียนหยวนล๋ายเย่นึกถึงคำกำชับของสามี เธอก็เลยปฎิเสธไปตรงๆว่า
“พี่พิมแสง ที่รักบอกเอาไว้แล้วว่า พี่ออกจากบ้านหลังนี้ไม่ได้นะ พี่วางใจเถอะ คลอดลูกแล้ว น้องก็จะพาพี่ไปเที่ยว พี่อยากไปที่ไหน ก็จะไปที่นั่น?”
เธอปลอบใจเขา
พิมแสงก็ไม่พูดไม่จาอีก
ผ่านไปนานมาก เชียนหยวนล๋ายเย่เตรียมตัวจะออกจากบ้าน ถึงจะได้ยินคนๆนี้เอ่ยอย่างเงียบๆอยู่ข้างหลัง ตอนที่ผ่านสวนดอกไม้ว่า : “พี่คิดว่าเธอปล่อยพี่ไปน่าจะดีซะกว่า ไม่อย่างนั้น ครอบครัวของเธอจะไม่ปลอดภัยเอาได้นะ”
“อะไรนะ?”
เชียนหยวนล๋ายเย่หันกลับมาในทันที มองไปทางพี่สาวคนนี้อย่างประหลาดใจ
กลับคาดไม่ถึงว่า การมองนี้ จะทำให้เธอกลัวจนเหงื่อแตกออกมาแล้ว