ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 162 หย่าแล้ว ลูกจะให้ใคร?
สิ่งที่ขมขื่นอยู่ในใจเธอมานาน ในที่สุดก็พังทลายลง เธอโล่งอกทันที เหมือนปล่อยวาง ทันใดนั้น ปลายนิ้วของเธอก็สั่น
ใช่ ในที่สุดเธอก็เป็นอิสระแล้ว
ในที่สุดก็ไม่ต้องไปรออะไรที่ไม่มีทางมองย้อนกลับมา ด้วยความหวังอันต้อยต่ำอีก และก็ไม่ต้องหลอกเอาใจตัวเองอีกว่า ทุกครั้งที่เขาทำร้ายเธอ มันมีเหตุผล เขาไม่ได้ตั้งใจทำแน่นอน
ไม่ต้องแล้ว ทั้งหมดนี้ไม่ต้องแล้ว
ตั้งแต่นี้ไป เธอจะเหมือนเกิดใหม่ ไม่ให้ตัวเองเป็นนักโทษที่อยู่ในกรงอีก
เส้นหมี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น น้ำตาเม็ดใหญ่เริ่มไหลออกมาจากดวงตาเธอ เธอกุมหน้าอกไว้ อยากจะร้องไห้เสียงดัง แต่ว่า พอหายใจเข้า กลับพบว่า มันยังเจ็บอยู่
เหมือนลูกศรนับหมื่นยิงใส่หัวใจ แบบนี้!
——
เย็นวันนั้นเส้นหมี่ไม่ได้ออกไปจากคฤหาสน์หิรัญชา
แสนรักบอกแล้วว่า เขาจะให้คนเอาสัญญาหย่ามาให้ ดังนั้น เธอไม่ได้ไปไหน รออยู่ในบ้านตลอด
แต่รอมาทั้งบ่าย แสนรักก็กลับยังไม่มา
แต่เธอก็ยังรอ และก็ไม่รู้ว่าตอนเที่ยงนั้นอารมณ์ฉุนเฉียวไปหรือไม่?จนตอนหลังก็หลับไป
“คุณปู่ หม่ามี๊ผมนอนหรือยัง?”
คิวคิวพาชินจังมาหาหม่ามี๊ด้วย ก็พบว่าหม่ามี๊หลับไปแล้ว ดังนั้นสองคนพี่น้องเลยก้าวเท้าเล็กๆวิ่งไปหาปู่
ตอนนี้คุณท่านกำลังจ้องมองสมุดโน้ตในมือเล่มหนึ่งอย่างเหม่อลอย จู่ๆก็เห็นหลานสองคนวิ่งมา เขาจึงรีบวางลง
“ใช่ เธอหลับไปแล้ว พวกหลานสองคนมาได้ไง?ไม่เล่นกับปู่แล้วเหรอ?”
“ไม่แล้วครับๆ พวกเราต้องกลับไปแล้ว”
คิวคิวมองนาฬิกาโทรศัพท์ในมือเล็กๆแวบหนึ่ง ยืนอธิบายตรงหน้าปู่ด้วยรอยยิ้ม
ต้องกลับไปอยู่แล้ว น้องสาวยังอยู่ในโรงเรียนอนุบาล ต้องรีบไปรับเธอ ไม่งั้นเธอต้องร้องไห้แงแน่
แต่พอคุณท่านได้ยินคำพูดของเขา ทันใดนั้น สายตาของเขาก็มองไปที่ใบหน้าเขา:“ไม่งั้น คืนนี้พวกหลานไม่ต้องกลับไป?อยู่นอนกับปู่ไหม?”
“อ๋า?”
เด็กทั้งสองคนตะลึงงันทันที
ชินจังยังดี ยังไงเขาก็อยู่นี่บ่อยๆตั้งแต่เด็ก แต่ว่าคิวคิวได้ยินแล้ว กลับเกิดอารมณ์ต่อต้านขึ้นมาทันที
เขายังไม่ชินกับการนอนในที่แปลกๆที่ไม่มีแด๊ดดี้กับหม่ามี๊
“ไม่ได้ครับ หม่ามี๊บอกแล้ว พวกเราต้องกลับไปนอน แบบนี้ตอนเช้าพอไปโรงเรียนอนุบาลก็จะไม่สาย ดังนั้น คุณปู่ พวกเราเจอกันอีกทีวันหยุดนะครับ”
เด็กชายฉลาดมาก ไม่ใช่แค่ไม่ได้ปฏิเสธคุณปู่ไปโดยตรง แต่เขาบอกคุณปู่เสียงหวานว่า วันหยุดจะมาหาเขา
สุดท้าย พอคุณท่านได้ยิน ในใจก็ยิ่งอาลัยอาวรณ์
ถูกต้อง เด็กชายสองคนนี้ไม่รู้ว่า ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามา คุณท่านที่อยู่ตรงหน้านี้ ที่จริงแล้วเอาแต่ถือทะเบียนบ้านคิดเรื่องการเลี้ยงดูคิวคิวอยู่ตลอด
คิวคิวนามสกุลหิรัญชา ก็ต้องกลับไปที่ตระกูลหิรัญชา อย่างไม่ต้องสงสัยใดๆ
แต่ตอนนั้น คิวคิวยังไม่เข้ามา ในใจของคุณท่าน ก็ยังคิดพิจารณาจากจุดยืนของเส้นหมี่
ยังไง เขาคิดว่าตระกูลหิรัญชาเป็นหนี้เส้นหมี่มาเยอะ
จนตอนนี้ที่จู่ๆคิวคิวก็มากับชินจัง เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นเด็กดีและรู้เรื่อง เทียบกับชินจังที่ร่างกายไม่ค่อยดีแล้ว ก็ร่าเริงและน่ารักมาก
ทันใดนั้นคุณท่านก็ไม่อยากปล่อยไป
“ไม่เป็นไร ต่อไปปู่ก็สามารถไปส่งพวกหลานได้ ปู่รับรองว่า ไม่ทำให้พวกหลานไปสายแน่โอเคไหม?”
“อ๋า?”
“เอาล่ะ เดี๋ยวปู่ให้ลุงพ่อบ้านพาพวกหลานไปดูห้อง พวกเราจะจัดห้องให้สวยเลย”
คุณท่านพูดประโยคนี้จบ ก็เรียกพ่อบ้านของคฤหาสน์หลังเก่ามา อยากจะพาสองคนนี้ออกไป จากนั้นให้พวกเขาอยู่นี่
ชินจังเห็น หน้าเล็กๆนั้นก็หม่นลงไปทันที!
“ไม่ไป!”
“แก——”
คุณท่านโกรธหลานชายคนโตที่มีนิสัยแปลกประหลาดนี้
ยังดีที่ตอนนี้มีคิวคิวอยู่ พอเขาเห็น ก็รีบปลอบคุณปู่ด้วยรอยยิ้ม:“คุณปู่อย่าโกรธนะ พี่ก็นิสัยแบบนี้แหละ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ปู่รอผมออกไปคุยกับเขาแป๊บหนึ่งนะ”
จากนั้นเขาก็ไม่สนว่าคุณท่านจะตกลงหรือไม่ ก็ดึงพี่ชายวิ่งออกมาเลย
ไม่กี่นาทีถัดมา ตรงจุดหนึ่งในลานบ้านที่ค่อนข้างอยู่ห่างไกล
“ชินจัง เมื่อกี๊นายจงใจใช่ไหม?”
“อือ”
ชินจังที่ถูกน้องชายดึงวิ่งมาตรงนี้ ก็ก้มหน้าเล็กๆลงอย่างรู้สึกผิด หลังใบหูที่สวยงาม ก็อมชมพูดแดงขึ้นมาบางๆ
คิวคิวดีใจมาก ตบไหล่พี่ชาย สื่อว่าเขาทำได้ดี
จากนั้น เขาก็เริ่มวิเคราะห์เรื่องนี้
“แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ต้องเป็นอะไรแน่ ไม่งั้นคุณปู่ไม่มีท่าทีแบบนี้หรอก”
“อือ”
ชินจังที่ไม่ชอบพูด ก็ขมวดคิ้วเล็กๆเห็นด้วยกับความคิดน้องชาย
คิวคิวพูดต่อ:“ดังนั้นตอนนี้พวกเราอยู่นี่ไม่ได้เลย พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าพวกเขาสองคนเกิดอะไรขึ้น?การกระทำของคุณปู่เมื่อกี๊ ชัดเจนว่าจะให้ฉันอยู่นี่ นายเห็นไหม?ฉันเอง!”
“……”
“ถ้าเป็นแบบนี้จริง ก็ลำบากแล้ว เขาจะต้องแย่งฉันกับหม่ามี๊แย่ ถ้าเขาลงมือ ก็ไม่ใช่คนที่รับมือง่ายเหมือนแด๊ดดี้ ไม่ใช่แค่หม่ามี๊จะไร้ทางโต้กลับ เกรงว่าฉันกับนายก็คงช่วยอะไรไม่ได้”