ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 176 เขารับการกระตุ้นอะไรมา
แต่แววตาของเขา กลับเป็นครั้งแรกในช่วงหลายปีขนาดนี้ที่มองใบหน้าของเธออย่างตั้งใจเป็นครั้งแรก
สรุปแล้วเขาเริ่มเกลียดเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
คงจะเป็นตอนที่เขาอายุสิบขวบ พวกเขาตระกูลวชิรนันท์ย้ายมาจากทางภาคเหนือ หลังจากนั้นตอนที่เธออายุห้าขวบ ถูกพ่อแม่พามาที่บ้านเขา บอกเขาว่า นี่คือว่าที่ภรรยาของเขาในอนาคต
เด็กผู้ชายที่อายุสิบขวบ ความจริงแล้วไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าความรัก
แต่วันนั้น เขาเห็นอาการที่ดูดีใจเป็นอย่างมากแบบนั้นของพ่อแม่เธอที่มีต่อเขา และยังมียัยเด็กไร้เดียงสาคนนี้ที่มีท่าทางคอยมองเขาอยู่ตลอดด้วยเช่นกัน
เขาก็เริ่มไม่ชอบแล้ว!
เขาเห็นการเข้าหาคนที่มีอิทธิพลด้วยความโลภในดวงตาของพวกเขา แล้วก็เห็นถึงความโง่ของยัยเด็กไร้เดียงสาคนนี้ด้วยเช่นกัน เขารู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก
แต่ต่อมา คนที่นามสกุลวชิรนันท์นี้กลับเข้ามาใกล้ชิดกับพ่อของเขามากขึ้น พวกเขามาและยังพาเส้นหมี่ที่ยังอายุน้อยมาด้วย เมื่อมาแล้ว เด็กโง่คนนี้ก็ตัวติดอยู่กับเขาแล้ว
“พี่แสนรัก กินส้มไหม?”
เส้นหมี่ที่อายุน้อย ความจริงแล้วอ่อนโยนมาก ก็เหมือนกับรินจังในตอนนี้
ทุกครั้งหลังจากที่เธอมาที่ตระกูลหิรัญชา เห็นพี่ชายที่มักจะชอบทำหน้าเย็นชาคนนี้แล้ว ก็จะเอาลูกอมที่ตัวเองชอบออกมา หลังจากนั้นก็ให้เขากิน
แต่แสนรักไม่เคยรับน้ำใจนี้เอาไว้เลย
เขาไม่ชอบเธอ ก็จะไม่ชอบของทุกอย่างของเธออยู่แล้ว เขาจะหยิบเอาลูกอมในมือเธอขึ้นมาแล้วก็ทิ้งลงที่พื้นอย่างแรง หลังจากนั้นก็จะเหยียบลงไปและให้เธอไสหัวออกไป!
เส้นหมี่ที่อายุน้อยในตอนนั้นก็มักจะขอบตาแดงขึ้นมา
เธอเดินออกไปด้วยความกลัว แต่ไม่นานนักเธอก็กลับมาอีก หลังจากนั้นก็จะยืนมองเขาอยู่ไกลๆอย่างขี้ขลาด เหมือนกับตังเมเหนียวหนึบที่เขาสลัดไม่ออกตลอดไปแบบนั้น
แต่นั่นก็เป็นเพียงความเกลียดชังเท่านั้น
ที่ทำให้เขาเกลียดเธอจนถึงที่สุดจริงๆแล้ว คือครั้งนั้นที่เขาเพิ่งจะไม่สบาย หลังจากนั้นเธอก็มาพบเข้า
แสนรักในตอนนั้น ความจริงแล้วคนในบ้านยังไม่มีใครรู้ว่าเขาป่วย และเขาเองก็ไม่ได้บอกกับคนในบ้านด้วยเช่นกัน เขากลัวว่าหลังจากที่ทางบ้านรู้แล้วจะใช้มาตรการกับเขา
ดังนั้นแล้วในตอนนั้นเขาจึงแอบติดต่อคุณลุงที่อยู่ต่างประเทศอยากจะให้เขาช่วย
แต่วันนั้น ยัยเด็กโง่คนนี้ก็มาพบเข้าเสียก่อน เธอเห็นตอนที่เขาบีบลูกแมวตัวหนึ่งที่เลี้ยงเอาไว้ในบ้านตายอย่างสูญเสียการควบคุม ในความหวาดกลัวนี้เธอจึงรีบวิ่งไปบอกกับพ่อแม่ของเธอทันที
หลังจากนั้น แสนรักก็ถูกพ่อแม่ส่งตัวเข้าโรงพยาบาล
เขาเริ่มรับการรักษาในทุกๆวัน แม้กระทั่งหลังจากที่ถูกรับกลับมาบ้าน เป็นเพราะผลการวินิจฉัยของผู้มีอำนาจของโรงพยาบาล และถูกขังอยู่ในห้องตลอดด้วยเช่นกัน หกปีเต็มๆไม่ได้ก้าวออกมาจากบ้านเลย!
จนกระทั่งหลังจากหกปีนั้น ในที่สุดคุณลุงก็พูดเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเขาให้พาเขาไปอยู่ต่างประเทศ
ดังนั้น สำหรับเส้นหมี่แล้ว ถ้าหากพูดว่ารังเกียจล่ะก็
ในใจของแสนรักความจริงแล้วคงจะเป็นความเกลียดชังมากที่สุด ถ้าหากไม่มีเธอ ตอนนั้นไม่แน่ว่าเขาอาจจะถูกคุณลุงแอบพาไปรักษาที่ต่างประเทศแล้ว ในตอนนั้นเขาอาการไม่หนัก
น่าเสียดายที่เป็นเพราะเธอ ชีวิตของเขาถึงได้รับกับความทรมานมา6ปี
แต่ที่ทำให้เขาทนรับได้ยากที่สุดก็คือ กว่าที่เขาจะออกมาจากเหวลึกนั่นได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว เขายังต้องแต่งงานกับเธออีก
น่าเยาะเย้ยหรือเปล่า?
แสนรักจ้องมองผู้หญิงคนนี้โดยไม่ได้ส่งเสียงออกมา แววตานั้นก็เหมือนกับดาบที่ฝุ่นจับมาหลายปี แทบอยากจะผ่าเธอออกในทันที แล้วให้เขาดูว่าด้านในของเธอนั้นคืออะไรกันแน่?
ในตอนนั้นหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว เขาก็ไม่ได้พบกับเธออีกเลย
แต่คืนนี้ส้มแบบนั้นเขากลับกินมาแล้วหกปีเต็ม ตั้งแต่ตอนแรกเริ่มที่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น จนสุดท้ายแล้ว มันและผ้าเช็ดหน้าที่ห่อจดหมายอยู่ก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มกิน
เนื่องจากว่าบนกระดาษจดหมายนั้นบอกว่า : “คุณกินหวานแล้ว ก็จะลืมขม”
“คุณ….เป็นอะไรกันแน่? ไม่เห็นด้วยเหรอ?”
เส้นหมี่กลืนน้ำลาย
เธอไม่เคยเห็นสีหน้าท่าทางแบบนี้ของเขา ผู้ชายคนนี้ จะดีใจจะโมโหก็จะชัดเจนมาโดยตลอดเวลาอยู่ต่อหน้าเธอ หาเรื่องเขาก็จะโมโหขึ้นมาทันที ไปตามความหมายของเขาก็ทำให้คุณมีสีหน้าที่ดีได้
สงบนิ่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
นิ่งเสียจนทำให้รู้สึกหวาดหวั่น!
“ไม่ใช่”
ในที่สุดแสนรักก็เอ่ยพูดขึ้นแล้ว เขาค่อยๆละสายตา และทันใดนั้นเองริมฝีปากบางซีดก็มีเสียงหนักๆที่เหมือนกับทรายที่มีตะกั่วอยู่ด้วยเลยอย่างไรอย่างนั้น
เส้นหมี่ก็ตกตะลึงไปอีกครั้งหนึ่ง
คนๆนี้เป็นอะไรไป? ทำไมจู่ๆก็มีท่าทางที่ไม่มีชีวิตชีวา? เขาได้รับการกระตุ้นอะไร?
เส้นหมี่คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แต่ ได้ยินว่าไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วย เธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เรื่องของเขาไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่เธอจะต้องมาพิจารณา
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีไป คุณวางใจได้นะ ฉันจะดูแลเขาอย่างดีแน่นอน ถ้าหากเขาอยากกลับไป ฉันก็จะไปส่งเขากลับ”
เธอรับปากเขา
แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจก็คือ คนๆนี้ปฏิเสธออกมานิ่งๆอีกครั้ง
“ไม่ต้อง ผมมารับเอง”
จากนั้น เขาก็มีท่าทางที่ดูสูงส่งกว่าคนอื่นอีกครั้ง ขายาวๆก้าวออกไปทางประตูใหญ่
เส้นหมี่เห็นแล้วก็เรียกลูกๆทั้งสองคนมาบอกลาแด๊ดดี๊ หลังจากรอให้เขาไปแล้วนั้น สี่แม่ลูกก็สนุกสนานกันอย่างเต็มที่ในคอนโดนี้
“ดีเลย คืนนี้ชินชินก็อยู่ที่นี่แล้ว ตลอดไป!”
“ตลอดไป!!”
“ตลอดไป!!!”
“…….”
แสนรักที่ออกไปตั้งไกลแล้ว ก็ยังได้ยินเสียงร้องด้วยความดีใจทางด้านในนี้
พวกเขาดีใจกันขนาดนี้เลยหรือ?
เขาเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างใจลอย…..