ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 226 แด๊ดดี้ เกิดเรื่องกับหม่ามี๊แล้ว
“ยัยซื่อบื้อ?” เขามองเธออย่างสงสัย
แต่ว่า เส้นหมี่ไม่ได้พูดอะไร เธอยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง ขาทั้งคู่เหมือนถูกสะกดไว้ และดวงตาสีแอปริคอทที่สวยงาม ก็จ้องมองเข้าไปข้างในราวกับคลื่นที่เคลื่อนไปมา
นั่นคือแป้งร่ำ!
เธอมาจริงๆเหรอ สวมชุดหรูหราล้ำค่า เครื่องประดับที่ใส่ก็เป็นของที่เส้นหมี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
เวลานี้ ยืนอยู่ข้างคุณท่านอย่างเชื่อฟัง รินชาให้เขาอย่างขยัน
“คุณลุงภพหนูรินชาให้ท่าน นี่คือชาเกียวคุโระที่หนูเพิ่งเอากลับมาจากญี่ปุ่น ท่านลองชิมดู”
แป้งร่ำเลิกขมวดคิ้ว ส่งชาที่ตัวเองชงเสร็จด้วยความเคารพอีกครั้ง มองไป ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเป็นเด็กดีขนาดไหน
คุณท่านที่กำลังพูดคุยกับคนในตระกูลได้ยิน ก็หันกลับไป ยื่นมือรับแก้วชาที่เธอถืออยู่มา “ริมให้คุณลุงคุณป้าของเธอด้วยสิ”
“ค่ะ คุณลุงภพ”
แป้งร่ำได้ยิน ก็ดีใจมีความสุขขึ้นมาทันที
เธอก็ถือชุดน้ำชาอีกครั้ง เติมชาที่ชงทีละแก้วทันที แล้วส่งให้คนในตระกูลหิรัญชาและคนตระกูลโรแกนด้วย ทำให้พวกเขาดีใจใหญ่เลย
เส้นหมี่ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เหมือนจู่ๆมีของบางอย่างแทงเข้าที่หัวใจของเธอ เธอมองภาพนี้ สายตาของเธอก็พร่ามัวขึ้นมาทันที
“ยัยซื่อบื้อ? คุณโอเคมั้ย? คุณเป็นยังไงบ้าง?” มาร์ตินเห็นอยู่ข้างๆ ตกใจรีบไปรับเธอไว้
แต่ว่าเส้นหมี่กลับเหมือนไม่รู้สึกเลย หูของเธอเต็มไปด้วยเสียงพึมพำ ความผิดหวังและความเศร้ามากมายแพร่กระจายในหัวใจ เธอแค่รู้สึกเย็นเยือกหายใจไม่ออกและเจ็บราวกับโดนมีดกรีด
ทำไม?
หรือว่าคุณท่านนี่ทิ้งเธอไปแล้วเหรอ? เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ลูกสะใภ้ของเขาแล้ว ดังนั้นเขาก็ไม่ถือว่าเธอเป็นครอบครัวอีกแล้ว?
แต่ว่า เขาเคยบอกชัดเจน พ่อแม่ของเธอจากไปแล้ว และเขาจะทำเหมือนเธอเป็นลูกสาว
เส้นหมี่ไม่เคยเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน
ความเจ็บแบบนี้ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการที่ลูกชายเขาทำร้าย ลูกชายเขากับเธอความสัมพันธ์เท่าเทียมกัน เรื่องความสัมพันธ์ เธอเข้าใจดีเสมอมา เขาไม่มีหน้าที่ให้สิ่งที่เธอต้องการ
ดังนั้นในใจของเธอก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ถึงแม้ตอนที่เขาทำร้ายเธอ เธอก็จะเตรียมใจไว้พร้อมมากขึ้น และจะสามารถทนไหว
แต่ตอนนี้ หลังจากที่เธอเห็นฉากนี้ เธอทรุดตัวลงเล็กน้อยจริงๆ
ทำไมต้องทำกับเธอแบบนี้?
เธอทำอะไรผิดจริงๆเหรอ? เขาเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าเขาจะถือว่าเธอเป็นเหมือนลูกสาว? ทำไมเขาพึ่งยอมให้เธอกับลูกชายของเขาหย่ากัน เขาก็ดีกับผู้หญิงคนนี้ขนาดนี้?
แม้แต่ในอดีต เขาชอบดื่มชาที่เส้นหมี่ชงที่สุด แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนนี้ชงแล้ว
เส้นหมี่น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด ไม่แม้แต่ทักทายเลยสักคำ หันกลับไปและจากไปด้วยความเสียใจ……
“ยัยซื่อบื้อ คุณจะไปไหน?”
มาร์ตินเห็นแล้วก็รีบวิ่งตามออกไปทันที
สิ่งที่ทั้งสองคนไม่รู้คือ ขณะที่พวกเขาจากไป ผู้หญิงข้างในที่เห็นเธอตั้งนานแล้ว แสดงรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาในทันที
เส้นหมี่ คิดจะแข่งกับฉัน เธอยังอ่อนเกินไป!
——
ใจกลางเมือง ตึกหิรัญชากรุ๊ป
เช้านี้แสนรักยุ่งอยู่ที่บริษัททั้งวัน สิ้นปีแล้ว ทุกแผนกต้องการสรุปข้อมูลสถิติ และเขาซึ่งเป็นBOSSสูงสุด จำเป็นต้องทำการตรวจสอบเป็นธรรมดา
หลังจากทำงานมาได้เสร็จสักพักหนึ่ง เขาอยากจะดื่มน้ำหน่อย ขณะนั้น โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล?”
“แด๊ดดี้ หม่ามี๊ออกไปนานมากแล้ว”
มันเป็นเสียงของชินจัง ในน้ำเสียงที่วิตกกังวลของเด็กน้อย มีความรีบร้อน
ออกไป? ไปไหน?
แสนรักขมวดคิ้วและปลอบใจลูกชายอย่างอดทน “หม่ามี๊ออกไปเพราะมีธุระอะไรหรือเปล่า? ลูกได้ถามน้าภาไหม?”
ชินจัง “ถามแล้ว แต่น้องชายบอกว่าหม่ามี๊แปลกๆ”
แสนรัก “……”
แสนรักยังไม่ทันออกเสียง ก็ได้ยินเพียงเสียงกรอบแกรบในโทรศัพท์ ไม่นานก็มีเด็กน้อยอีกคนมาแทนชินจัง
“แด๊ดดี้ หม่ามี๊ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ แด๊ดดี้รีบไปหาหม่ามี๊เลย หนูตรวจแล้ว ตำแหน่งของหม่ามี๊ปรากฏอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง ทางทิศตะวันออกของเมืองไม่มีซูเปอร์มาร์เก็ตหรือห้างสรรพสินค้า มีแต่โรงแรมและตึกสูงย่านที่อยู่อาศัย หม่ามี๊ไปที่นั่นทำอะไร?”
“……”
“และอีกอย่าง แด๊ดดี้ หนูแฮ็คมือถือหม่ามี๊แล้วพบว่าสองสามวันนี้หม่ามี๊ติดต่อกับเบอร์ที่ลงทะเบียนไว้ 130XXXXX ในนั้นแสดงว่าวันนี้หม่ามี๊มีนัดกับเขา!”
คิวคิวพูดเร็วมาก หลังจากพูดจบเรื่องในสองสามจังหวะ นิ้วอันเล็กๆก็กดทำการบนipadอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน ฝั่งแสนรักก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่น วางลงดู ภาพหน้าจอที่ขโมยจาก WeChat และตำแหน่งการติดตามเครือข่ายก็ปรากฏบนโทรศัพท์ของเขาอย่างสมบูรณ์
แสนรัก “……”
ก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับความสามารถของลูกชายคนนี้ เขาทำได้แค่กดเปิดดูในสิ่งที่เขาส่งมา
แต่พอกดเปิดมา ภาพแรกคือภาพหน้าจอของ WeChat เขาเห็นประวัติการสนทนาที่คุ้นเคยในแว็บแรก
“นี่ไม่ใช่ประวัติสนทนาของน้าพิมแสงลูกเหรอ?”
“น้าพิมแสง? เป็นไปได้ยังไง? เธอยังอยู่เมืองเคลียร์ ถ้าเธอมานี่แล้ว ต้องมาหาถึงที่แน่นอนเลย พวกเราไม่เคยเจอกันเลย น้าพิมแสงมาจากไหน?”
คิวคิวกลับปฏิเสธ
แสนรักหรี่ตา ในที่สุดก็รู้สึกได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ