ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 27 ดิ้นรน
ร่างกายของเส้นหมี่ตึงเครียดขึ้นมาในทันที รู้สึกว่าตรงหน้าอกนั้นกำลังเต้นอยู่ และแม้แต่ลมหายใจก็ยังสูญเสียความมั่นคงไปด้วย
เธอไม่เคยไปที่ที่เขาพักอยู่มาก่อน
ห้าปีแล้ว ตอนนั้นที่เธอกับเขาแต่งงานกัน แม้แต่หน้าของเขาก็เพิ่งเคยเห็นในวันที่แต่งงานเป็นครั้งแรก ก็ไม่เคยได้เห็นอีกเลย เธอจะมีโอกาสไปที่ที่เขาพักอยู่ได้อย่างไรกัน?
เธอยังจำตอนนั้นได้ เธออยู่ที่หิรัญชากรุ๊ป เธอรู้ว่าเขายังมีอีกสถานที่หนึ่งอยู่ข้างนอก แต่เธอก็ไม่เคยกล้าไปดูเลย
ข่าวคราวของเขา เธอเองก็ไม่กล้าสืบด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งเธอไม่กล้าจะเอ่ยถึงชื่อเขาเสียด้วย กลัวว่าเมื่อเอ่ยถึงแล้วจะมีคนเอาไปถึงหูเขา แล้วเขาก็จะยิ่งโมโห
ตอนนี้คิดดูแล้ว ตอนนั้นเธอต่ำต้อยจริงๆจนแม้แต่เกียรติศักดิ์ศรีของตัวเอง
แต่หลังจากห้าปี เธอเพิ่งจะกลับมา ก็ถูกพาไปยังหิรัญชากรุ๊ปเป็นสถานที่แรก ก็คือเรืองรองที่เขาพักอยู่ คิดแล้วนั้น ช่างน่าเยาะเย้ยเสียจริงๆ!
เส้นหมี่มองไปนอกหน้าต่าง
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตกกลางคืน อากาศก็เย็นลงอยู่บ้าง มีร่างของคนผ่านแวบมาบ้างเป็นครั้งคราว ทำให้เมืองนี้ยิ่งดูเงียบเหงามากขึ้นไปอีก แม้แต่ไฟทางทั้งสองฝั่งก็มืดสลัว เหมือนกับถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งหนึ่งชั้น
“คุณผู้หญิง วันนี้ท่านประธานเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เจอเขาแล้ว ถ้าหากท่าทางเขาไม่ดีนัก คุณ…..สามารถอดทนเอาไว้ก่อนได้ไหมครับ? ผมกังวลว่าถ้าหากเขาโมโหอีก จะ…..”
“คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันเป็นหมอ ฉันชัดเจนกว่าคุณ ฉันจะไม่กระตุ้นเขาหรอกค่ะ”
เส้นหมี่ละสายตาออกมา แล้วตอบกลับนิ่งๆ
เคมีได้ยินแล้ว ถึงได้พ่นลมหายใจออกมายาวๆอยู่ทางด้านหน้า
ความจริงแล้วเขายังอยากถาม หลังจากห้าปีผ่านมาแล้วเธอกลายมาเป็นหมอได้อย่างไร? อีกทั้งยังเป็นแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงอีกด้วย?
แต่สุดท้ายแล้ว เขามองไปทางด้านหน้าก็สามารถเห็นสวนคฤหาสน์ที่เป็นเค้าโครงขึ้นมาแล้ว เขาจึงปิดปากลง กลืนคำถามนี้ลงไป แล้วเหยียบคันเร่ง
หลังจากนั้นสิบกว่านาที เรืองรองราชสำนักหมายเลขหนึ่ง
นั่นคือลานพระราชวังนี่!
ประตูทางเข้ายิ่งใหญ่อลังการ เสาแกะสลักหินอ่อนสีขาวตั้งเรียงเป็นแถว เหมือนกับทหารที่กำลังยืนตัวตรงรักษาการณ์สวนดอกไม้คฤหาสน์ผืนนี้อยู่อย่างไรอย่างนั้น ระเบียงทางเดินเป็นประตูโค้ง แกะสลักดอกกุหลาบสีทอง ล้อมรอบด้วยหินอ่อนธรรมชาติที่ประดับอยู่ทั้งสองฝั่ง ทั้งหมดมีความหรูหรา และยิ่งไม่ต้องพูดถึงภายในสวนดอกไม้เลยว่าจะเป็นทัศนียภาพที่ทำให้รู้สึกทึ่งได้อย่างไร
เส้นหมี่อ้าปากค้างเป็นเวลานาน และไม่กะพริบตาเลยอีกด้วย
ที่แท้ สถานที่ที่เขาพักอยู่นั้นดีขนาดนี้นี่เอง
ถ้าอย่างนั้นเธอควรจะดีใจใช่หรือเปล่า? ว่าในช่วงชีวิตหนึ่งสามารถมาเดินอยู่ที่นี่ได้?
“คุณผู้หญิง ถ้าอย่างนั้นผมส่งคุณตรงนี้แล้วกันนะครับ ราชสำนักหมายเลขหนึ่งที่คุณเห็นก็คือของเขา คุณเดินเข้าไปจากตรงนี้ได้เลย”
ขณะกำลังมองอย่างสติหลุดลอยไปนั้น เคมีที่มาส่งเธออยู่ทางด้านหลัง จู่ๆก็เอ่ยประโยคแบบนี้ให้กับเธอในรถ
อา?
เธอเข้าไปเลย? เขาไม่เข้าไปด้วยกันอย่างนั้นหรือ?
เส้นหมี่เรียกสติกลับมาทันที แล้ววิ่งกลับมาอีกครั้ง : “คุณไม่เข้าไปเหรอคะ? ฉันไม่เคยมา แล้วอีกอย่าง…..คุณเองก็ยังไม่ได้บอกกับเขา ถ้าหากฉันพรวดพราดเข้าไปแบบนี้ เขาจะ…..”
“ไม่หรอกครับ คุณผู้หญิง ผมบอกกับประธานเอาไว้แล้ว คุณเข้าไปตอนนี้ได้เลย ไม่เป็นไรหรอกครับ ฮ่าๆ”
เคมียิ้มปลอบใจเธออยู่ในรถ อาการที่แสดงออกมานั้น ไม่เหมือนกับคนโกหกเลย
แต่ความจริงล่ะ?
อืม เท้าของเขาเหยียบอยู่ที่คันเร่งแล้ว เพียงแค่ผู้หญิงคนนี้เข้าไป เขาก็จะชิ่งหนีไปทันที
เส้นหมี่ได้ยินแล้ว ไม่ได้พบกับการเคลื่อนไหวเล็กๆของเขา ยังคิดว่าเป็นเรื่องจริง สุดท้ายแล้ว เธอจึงทำได้เพียงเดินถือของที่เอามาด้วยเข้าไปด้วยความกล้า
พูดตามจริงแล้ว เธอรู้สึกขนลุกจริงๆกับคนเผด็จการคนนั้น
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ประตูราชสำนักหมายเลขหนึ่ง
และหลังจากที่เส้นหมี่เข้ามาแล้ว เห็นความเงียบสงัดภายในสวนดอกไม้คฤหาสน์หลังนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ ที่มีบอร์ดี้การ์ดออกมาขวางเธอเอาไว้
ดูแล้วที่เคมีพูดไว้เป็นเรื่องจริง
ในที่สุดในใจของเธอนั้นก็สงบลง ถือกระเป๋าเข็มที่อยู่ในมือ เธอเห็นตรงหน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ด้านในมีแสงไฟส่องเอาไว้ และในขณะนั้นเองเธอก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“คนล่ะ?”
รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเล็กน้อย หลังจากที่เธอมาถึงประตูทางเข้าคฤหาสน์แห่งนี้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว เธอยืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองไปยังด้านในพบว่าห้องโถงใหญ่ที่เหลืองอร่ามแวววาวนั้น ไม่เห็นมีคนเลยแม้แต่คนเดียว
หรือว่าอยู่ข้างบน?
เธอคิดแบบนี้แล้ว จึงยกเท้าเดินเข้ามา
แต่ เพิ่งจะเหยียบเข้ามานั้น เธอจู่ๆเธอกลับเห็นรองเท้าแตะสีชมพูของผู้หญิงวางอยู่บนชั้นวางรางเท้าที่เอาไว้เปลี่ยนอยู่ตรงด้านข้างประตู
มันเล็กและประณีต ด้านบนมีดอกเดซี่ดอกเล็กๆน่ารักอยู่สองสามดอก รองเท้าหนังผู้ชายและยังมีรองเท้าเด็กที่มีองค์ประกอบเหมือนกัน ดูแล้วเป็นที่สะดุดตาขนาดนั้น อีกทั้งกลมกลืนกันมากอีกด้วย
ดูเหมือน เป็นครอบครัวที่มีกันสามคนเลยอย่างไรอย่างนั้น!
ดวงตาของเธอจ้องมองอยู่ตรงนั้น วินาทีนั้น เหมือนกับมีอะไรมาเคาะตีแรงๆอยู่ตรงหน้าอก ความเจ็บปวดแพร่ออกมา เธอยืนอยู่ตรงนั้น แม้แต่จะหายใจก็ยังลำบากเลยเสียด้วยซ้ำ
นี่คงจะเป็นของผู้หญิงคนนั้น
ในตอนนั้นเธอแต่งงานกับเขา แม้แต่สิทธิที่จะได้มาเห็นที่นี่ก็ยังไม่มีเลย แต่ตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้กลับกลายเป็นนายหญิงของมันไปแล้ว ครอบครัวพวกเขาทั้งสามคนมีความสุข แต่ลูกเป็นของเธอเส้นหมี่
นี่เป็นสิ่งที่น่าเยาะเย้ยมากขนาดไหนกันเชียว!
เส้นหมี่ยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่เย็นชาจนไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา หัวใจรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แม้แต่เลือดก็ดูเหมือนกับหยุดนิ่งไป นึกถึงตัวเองเมื่อห้าปีก่อน ในหัวใจของเธอเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าและความเกลียดชัง ทิ่มแทงเสียจนสั่นเทาไปทั้งเส้นประสาท