ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 271 ทำได้ก็คือไว้ชีวิตเธอ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 271 ทำได้ก็คือไว้ชีวิตเธอ
“เธอมี….หลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าเขาทำ?”
“มีค่ะ!” เส้นหมี่เอาUSBที่มีต้นฉบับทั้งหมดที่ตัวเองไปเอามาจากคอนโดยื่นส่งไป
“หนังสือที่ฉันเขียนก่อนหน้านี้ ที่ประกาศออกไปแล้ว ล้วนแต่ผ่านการแก้ไขจากฉันทั้งสิ้น แต่ต้นฉบับจากทางที่แป้งร่ำเอามา คำผิดในทุกๆคำ รวมทั้งเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้ผิดอย่างไม่ระวังก็เหมือนกันหมด และนี่ก็คือหลักฐาน”
“มีสิทธิอะไร? เธอกล้าพูดไหมว่าของแบบนี้ไม่เคยให้คนอื่นมาก่อน?”
“ไม่มีค่ะ นอกจากฉันคัดลอกเอาไว้หนึ่งชุดให้กับแต่งฝันแล้ว ส่วนอื่น ตอนที่ฉันไปต่างประเทศก็เอาไปต่างประเทศด้วยทั้งหมดแล้ว ไม่มีทางที่ฉันจะให้คนอื่นค่ะป้า”
เส้นหมี่มีน้ำเสียงที่มั่นใจกับเรื่องนี้อย่างไม่เคยมีมาก่อน
สิ้นเสียงแล้ว สาธินีที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ในที่สุดใบหน้านั้นก็ซีดขาวลง เหมือนกับน้ำเย็นหนึ่งถังที่ราดลงมาจากศีรษะของเธออย่างไรอย่างนั้น ในเพียงหนึ่งวินาทีเดียวแม้แต่ดวงตาของเธอก็ไม่มีแสงอยู่เลย
ความจริงแล้วสาธินีเป็นคนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง
ถึงแม้ว่าตระกูลวชิรนันท์จะมีบุญคุณต่อตระกูลอัครนันท์ในตอนนั้น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับเธอสาธินีเลยอยู่แล้ว แต่เธอเนื่องจากว่ากลายมาเป็นภรรยาของธนาตย์ ตอนที่ตระกูลวชิรนันท์ล้มลง เธอแบกรับมันเอาไว้ด้วยกำลังของตัวเองเพียงลำพัง
คนแบบนี้ ความจริงแล้วเป็นคนที่มีความเย่อหยิ่งโดยเนื้อแท้อยู่แล้ว
เธอจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดได้แม้แต่นิดเดียว และสามารถทำให้ทุกๆเรื่องที่ตัวเองทำนั้นกลายเป็นความภูมิใจได้ แต่ตอนนี้ ทุกอย่างที่เธอทำนั้นล้วนเป็นการทำลายลูกสาวของเธออย่างหมดสิ้น
เส้นหมี่มองคุณป้าที่เหมือนกับถูกน้ำค้างแข็งตีขึ้นมาทันใด แล้วจู่ๆก็มารู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย ที่บอกเรื่องนี้กับเธอ
“ป้าคะ ฉัน….ฉันไม่ได้ขออะไรเลย ป้า เรื่องนี้เป็นเพราะฉัน ถ้าหากฉันไม่สามารถยับยั้งเรื่องนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ต่างไปจากการที่ฉันฆ่าเขาด้วยตัวฉันเองเลย ป้าเข้าใจฉันใช่ไหมคะ?”
“ถ้าอย่างนั้นเธอจะทำยังไง?”
ราวกับผ่านไปแล้วหนึ่งศตวรรษ ในที่สุดสาธินีก็เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าไม่มีสีของเลือดฝาดอยู่เลย เผยให้เห็นเป็นสีขาวเทาจนน่าตกใจ
ในใจของเส้นหมี่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง
รับไม่ได้กับสายตาแบบนี้ เธอหันหน้าไปมองทางอื่น “ป้าวางใจได้ค่ะ ฉันไม่เอาชีวิตของเธอหรอก วันนี้ฉันมา ก็เพื่อมาทักทาย ถ้าหากเธอดึงดันที่จะทำตามใจของตัวเองโดยที่ไม่ยอมรับฟังคนอื่น ฉันจะไม่ตัดมาตรการที่รุนแรงออกเพื่อมาหยุดเธอเรื่องนี้”
มาตรการรุนแรง?
สาธินีเผยความกลัวออกมาในทันที “เธอจะทำอะไร? อะไรที่เรียกว่ามาตรการรุนแรง? นั่นเป็นลูกสาวคนเดียวของลุงเธอนะ ก็ถือซะว่า….เขาทำผิดแล้ว เธอจะไม่สามารถให้โอกาสเขาอีกครั้งได้เลยเหรอ?”
ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะปกป้องลูกของเธอ
เส้นหมี่มองเธอแวบหนึ่ง ไม่ได้โทษเธอ เธอเป็นแม่ จึงสามารถเข้าใจความเชื่อมโยงกันทางใจของแม่ลูกแบบนี้ได้
“ฉันเคยให้ไปแล้วค่ะ ก่อนจะมาที่นี่ ฉันโทรไปหาเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมรับ ป้าคะ ป้าต้องเข้าใจนะว่าเรื่องนี้ต่อให้ฉันไม่ลงมือ แสนรักหรือคุณท่านกมลภพก็จะมาหาในไม่ช้าอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเขารู้เรื่องที่ว่าหนังสือเล่มนั้นฉันเป็นคนเขียนแล้ว แป้งร่ำก็อยู่ในมือของพวกเขาเหมือนกัน ป้ารู้สึกว่าทางแต่งฝันทางนี้จะยืดต่อไปได้อีกนานแค่ไหน?”
“…….”
ในที่สุดสาธินีก็ไม่ได้พูดออกมา สีหน้ายิ่งอึมครึมมากขึ้นกว่าเดิม
ใช่สิ ตอนนี้เป็นเพียงแค่หลานสาว เพียงแค่ให้ลูกสาวเธอไม่พูดออกมา ถ้าหากเป็นคนของตระกูลหิรัญชามาแล้ว เธอจะยังมีชีวิตได้ไหม?
สุดท้ายแล้วสาธินีก็หลับตาลง น้ำตาก็ไหลลงมา
“ถ้าอย่างนั้นเธอเตรียมเอาไว้ว่าจะทำอย่างไร? ส่งตัวเขาไป? หรือว่าขังเอาไว้ที่ไหนซักที่หนึ่ง?”
“ไม่มีประโยชน์ค่ะ ที่ฉันต้องการคือให้เธอสูญเสียความทรงจำนี้ตลอดไป!”
ประโยคนี้ เส้นหมี่มีความสงบนิ่งมาก
แต่หลังจากที่สาธินีได้ยินแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างกลับเบิกโตขึ้นมาทันที เธอมองหลานสาวคนนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไปแล้วหรือเปล่า?
“เธอว่าอะไรนะ? สูญเสียความทรงจำ? เธอหมายความว่าอะไร?”
“หมายความว่าความทรงจำส่วนนี้ที่เธอมี จะต้องลบหายไปจากในหัวของเธอทั้งหมด มีเพียงแบบนี้ ถึงจะสามารถรับประกันได้ว่าต่อไปเธอจะไม่ทำเรื่องนี้อีก”
“เธอบ้าไปแล้ว!” สาธินีโมโหมาก เธอลุกขึ้นมาด้วยความรู้สึกถูกกระตุ้นอารมณ์ “เธอจะลบความทรงจำของเขานั่นก็ไม่ใช่ว่าเรื่องอื่นๆเขาก็จะจำอะไรไม่ได้ด้วยหรอกเหรอ?”
เส้นหมี่พยักหน้าลงอย่างเย็นชา : “ใช่ค่ะ แต่อย่างน้อยๆเธอก็รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้”
“เธอ–”
สาธินีโมโหจนแทบระเบิดแล้ว
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลานสาวคนนี้สุดท้ายแล้วจะใช้วิธีแก้ปัญหาแบบนี้กับเธอ
แต่ตอนที่เธอด่าว่าออกมานั้น กลับพบว่าตัวเองไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
เนื่องจากว่า หากเทียบกับชีวิตลูกสาวของเธอแล้ว เอาความทรงจำไปนั้นดีกว่ามากแล้วจริงๆ ไม่มีความทรงจำแค่นั้น ต่อไปก็สามารถค่อยๆสะสมทีละเล็กทีละน้อยได้ แต่ชีวิตหากไม่มีแล้วก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น
สาธินีทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอีกอีกครั้งด้วยความห่อเหี่ยว
และครั้งนี้ เธอไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะเอ่ยถามเลยเสียด้วยซ้ำ หลานสาวคนนี้ทำไมถึงได้โหดร้ายกับลูกสาวของเธอขนาดนี้? เมื่อก่อนเธอไม่ใช่แบบนี้ สามารถปล่อยพวกเขาไปได้ก็จะปล่อยไปอยู่แล้ว
ทำไมครั้งนี้ไม่แม้แต่จะเหลือทางหนีทีไล่ให้พวกเขาเลย?
สาธินีรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยล้มเหลวขนาดนี้มาก่อนเลย
“เธอไปเถอะ หลังปีใหม่ฉันจะส่งตัวเขาไปให้เธอ”
“…..ค่ะ” สุดท้ายแล้วเส้นหมี่เพียงแค่พยักหน้าลง หลังจากนั้นก็ลงมาจากทางชั้นสอง
เธอไม่เป็นทุกข์เลยใช่ไหม?
แน่นอนว่าเป็นทุกข์อยู่แล้ว พวกเขาเป็นลุงเป็นป้าของเธอ เป็นญาติเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลกใบนี้ ต่อให้เธอต้องไปทำร้ายใคร ก็ไม่ยอมไปทำร้ายพวกเขาอยู่แล้วเช่นกัน