ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 290 เขาว่านอนสอนง่ายจนน่าชื่นชอบ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 290 เขาว่านอนสอนง่ายจนน่าชื่นชอบ
“ห๊ะ?” สายตาพีชคู่สวยของมาร์ตินก็หันกลับมา “คุณจะไปส่งเหรอ? คุณ…คุณคิดจะทำอะไร?”
“ไปดูหน้าเขาสักหน่อย ดูว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอที่เป็นผู้รับช่วงต่อของตระกูลวชิรนันท์ไหม?”
ผู้ชายที่สงบสติอารมณ์ลงแล้ว ได้ทิ้งประโยคอย่างนี้ไว้ให้มาร์ติน
เมื่อมาร์ตินได้ยินคำพูดของเขาอย่างนั้น แน่นอนว่าเขาจะไม่ทักท้วงถามต่ออีก
เพราะว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้ แม้อย่างอื่นอาจจะไม่ได้เรื่อง แต่เรื่องมองผู้รับช่วงต่อ ไม่น่าจะมีใครมีวิสัยทัศน์ดีไปกว่าเขา
——
เส้นหมี่รอสามชั่วโมงเต็มๆ ถึงเห็นหน้าลูกพี่ลูกน้องของเธอ
เมื่อหล่อนเห็นก็โมโหอย่างหนัก!
“มาร์ตินคุณมั่วทำอะไรอยู่? ให้ไปรับคนแค่คนเดียวทำไมไปรับนานขนาดนี้ ฉันคิดว่าหาไม่เจอสะอีก เธอรู้ไหมว่าฉันร้อนใจขนาดไหน?”
“……”
มาร์ตินรู้สึกเสียวเจ็บแปล๊บๆ ที่หนังศีรษะ
เมื่อมาร์ตินเห็นอย่างนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่บอกหล่อน: “ผมบังเอิญเจอแสนรัก ผู้ชายคนนั้นมาหาถึงที่นี่ แต่เธอไม่ต้องห่วงนะ เขาไปแล้ว และผมก็ไม่ได้บอกเขาว่าเธออยู่ที่นี่”
“……”
มองดูคนนี้อยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
คนสารเลวนั้นหาหล่อนเจอนานแล้ว และยังตามตื้อหล่อนทั้งคืน เขาก็ยังคงคิดอย่างไร้เดียงสาว่าหากเขาไม่บอก เขาจะหาหล่อนไม่เจอเหรอ?
เส้นหมี่รู้สึกลำบากใจที่จะพูด
ขณะที่ทั้งสองกำลังถกเถียง ปอร์เช่ที่ไปรับกลับมาเดินเข้ามาอย่างขี้อาย: “พี่สาว แล้ว…ให้หนูวางกระเป๋าไว้ที่ไหน”
“อ๋อ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่พิมแสงก็ได้ จริงสิ เธอต้องหิวแล้วแน่ๆ พวกเราทำอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว จะให้ยกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เส้นหมี่รู้สึกซาบซึ้งเมื่อถูกเรียกว่าพี่สาว ในวินาทีนั้น ความสนใจทั้งหมดของหล่อนก็อยู่ที่ลูกผู้น้องคนนี้
แล้วผู้ชายตัวใหญ่รูปร่างสูงๆผอมๆที่อ่อนต่อโลกล่ะ?
พอเจอลูกผู้พี่ เขาก็กลายเป็นคนเชื่อฟัง หล่อนบอกให้เขาไปล้างมือแล้วมากินข้าว เขาก็ไปล้างมืออย่างเชื่อฟัง
เมื่อพิมแสงเห็นก็กล่าวชมว่า: “เด็กคนนี้น่าเอ็นดูจริงๆ”
เส้นหมี่รู้สึกมีความสุขมาก
คุณลุงฝั่งพ่อคนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวของหล่อน พวกเขามาจากบรรพบุรุษเดียวกัน เส้นหมี่ยังจำได้ลางๆว่าตอนที่หล่อนยังพักอาศัยอยู่ที่บ้านเกิด เขาดูแลครอบครัวของหล่อนเป็นอย่างดี
ตอนค่ำวันนั้น เส้นหมี่ไม่ได้กลับไปที่บ้านเล็กของตัวเอง
หล่อนกลัวถ้ากลับไปแล้วจะเจอผู้ชายสารเลวคนนั้นแล้วเขาจะมาตามตื้อหล่อนอีก หล่อนจึงหาข้ออ้างว่าลูกผู้น้องก็กลับมาแล้ว ยากสุดคือบังคับให้พี่น้องพิมแสงที่ไร้ยางอายออกไปอยู่ทั้งคืน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่หล่อนไม่รู้ คือบ้านหลังเล็กของหล่อนก็ไม่มีใครอยู่เหมือนกัน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา คณาธิปก็เกลี้ยกล่อมเส้นหมี่ให้ตามเขาไปประเทศM เพื่อตามหาอีริค
จริงๆแล้วเส้นหมี่รู้เรื่องที่เกี่ยวกับอีริคอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนหล่อนจะแค่ช่วยตระกูลคริส แต่คนที่อ่อนเรื่องหุ้นมากก็จะใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น วอลล์สตรีทของอีริคหล่อนรู้อยู่แล้ว
หล่อนรู้ว่าเขาเป็นเศรษฐีหุ้นที่นั่น และรู้อย่างแจ่มแจ้งว่าที่พวกเขาจ้างพวกเธอ แท้จริงแล้วเพื่อทำงานให้กับเขา และเขาทำอะไร? คนฉลาดอย่างเส้นหมี่ยังเดาเรื่องราวออก
แต่สิ่งเหล่านั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับหล่อนเลย
หลังจากที่ผ่านเรื่องของตระกูลคริส ในวงการหุ้นชื่อเส้นหมี่นี้อาจจะลงบัญชีดำไปแล้ว
ดังนั้น หล่อนต้องการทำให้มันใหญ่ขึ้น วิธีเดียวที่ช่วยได้คือ
เส้นหมี่พาปอร์เช่มาด้วย
แต่เดิมจะพามาร์ตินกับพิมแสงสองคนนั้นมาด้วย
แต่ เพราะคนหนึ่งต้องกลับไปถ่ายละคร
และอีกคนบอกว่าต้องทำงานช่วยไม่ได้เลย สุดท้ายพวกเขาสองพี่น้องก็ต้องไป
“เส้นหมี่ คุณจะนั่งข้างหน้าต่างไหม? ฉันจำได้ว่าเธอเมาเครื่องใช่ไหม?
“หา?”
เมื่อเส้นหมี่ขึ้นเครื่องและกำลังจะนั่งลง จู่ๆ หล่อนก็ได้ยินเสียงว่าจะขอเปลี่ยนที่นั่งของคณาธิปที่ขึ้นเครื่องด้วยกัน และหล่อนห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวไม่ได้
หล่อนรู้สึกเมาเครื่องเล็กน้อยจริงๆ
แต่ในขณะเดียวกัน ปอร์เช่ที่มาด้วยกันเดินตามมาข้างหลังก็พูดอย่างเขินอายว่า “พี่สาว ฉันอยาก… นั่งข้างๆกับพี่ ฉันรู้สึกกลัวความสูงนิดหน่อย”
“อ๋อ ได้สิ ถ้าอย่างนั้น เธอมานั่งข้างๆฉันสิ”
เส้นหมี่ลืมความคิดไตร่ตรอง จากนั้นจึงพาลูกผู้น้องไปนั่งที่อื่นสำหรับสองที่นั่ง
เห็นคณาทิปที่ยอมสละที่นั่งก็ทำหน้าบูดบึ้ง
แต่เขากลับคืนสู่อารมณ์ปกติในเวลาไม่นาน เพราะเขารู้ว่าเด็กคนนี้คือน้องชายของเส้นหมี่ และเขาไม่จำเป็นต้องสนใจเขา
พวกเขาบินไปถึงประเทศMแล้ว
อย่ามองว่าคณาธิปจะเป็นเพียงทนาย แต่ความสัมพันธ์ของเขาค่อนข้างดี พอมาถึงที่นี่จะไปหาอีริคเลยก็ไม่สะดวก เขาจึงพาไปที่บ้านของเพื่อนเขา
“พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วง เพื่อนคนนี้ก็ทำธุรกิจเหมือนกัน อีกทั้งยังรู้จักวอลล์สตรีทด้วย พวกเราพักที่บ้านของเขา จะไปที่ไหนก็สะดวกสบาย”
“โอเค”
เส้นหมี่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก ในตอนนี้หล่อนตอบไปอย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นพี่สาวตอบตกลงอย่างนั้น ปอร์เช่จึงเดินเข้าไปพร้อมกันด้วย
แต่ เมื่อสองพี่น้องไปถึงที่นั่น เนื่องจากปอร์เช่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เส้นหมี่กังวลว่าเขาจะสื่อสารไม่เป็น ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะอธิบายไม่ถูก หล่อนจึงให้เขาพักอยู่ข้างๆห้องตัวเอง
คณาธิป:“……”
“ขอบคุณพี่คณาธิปมากๆนะครับ ให้ผมช่วยพี่ยกกระเป๋าเดินทางไหม? ผมมีพลังเยอะนะ”