ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 3 มาหาถึงที่
“ลูกไม่ได้ก่อเรื่องจริง ๆ ใช่ไหม?อย่าหลอกแม่นะ ครั้งก่อนลูกยังสอนคุณครูทำคอมของโรงเรียนอนุบาลพังเลย จนทำให้ทุกคนต้องหยุดเรียน ครั้งนี้ลูกไม่ได้ก่อเรื่องใช่ไหม?”
“เอ่อ……”
ทำไมหม่ามี๊เป็นคนแบบนี้?เห็นลูกชายผู้ชาญฉลาด หน้าตาหล่อขั้นเทพและเท่ห์แบบไม่มีใครเทียบเทียมก่อเรื่องได้ยังไง?
เห็นอยู่โทนโท่ว่าพวกคุณครูโง่เง่ามารุมชอบเขาต่างหาก
“หม่ามี๊ ไม่ได้ทำจริง ๆ ครับ แค่สอนพวกคุณครูเล่นเกมเฉย ๆครับ โอเคนะครับหม่ามี๊ คิวคิวหิวแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะครับ?”
“……”
จนปัญญา สุดท้ายเส้นหมี่ก็ทำได้เพียงพาลูกชายตัวแสบกลับบ้าน
สามแม่ลูกกลับมาถึงบ้าน เส้นหมี่ก็รีบตรงเข้าครัวเพื่อเตรียมมือเย็นของพวกเขาสามคน
เพียงแต่เธอยังไม่ทันหุงข้าวสุก ทางโรงพยาบาลก็โทรมาหาเธอเสียแล้ว
“คุณหมอสวยใส ทางโรงพยาบาลอนุมัติให้คุณดูแลคนไข้รายนี้แล้วค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณสะดวกเข้างานไหมคะ?”
“ตอนนี้เหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ ญาติคนไข้มาถึงแล้วค่ะ เมื่อญาติได้รับฟังทางเลือกการรักษาจากทางโรงพยาบาลแล้ว ญาติคนไข้ก็อยากทราบรายละเอียดสักหน่อยค่ะ”
พยาบาลพูดในสายว่าไม่มีทางเลือก
คนไข้ประเภทนี้มักจะทำให้ปวดหัวอยู่ร่ำไป คนไข้มีฐานะก็แบบนี้แหละ ไม่ว่าจะเข้ารักษาที่ไหนก็จะให้ทางโรงพยาบาลทำตามเจตนาของเขา คล้ายกับทั่วทุกมุมโลกเป็นถิ่นของเขาอย่างไรอย่างนั้น
เส้นหมี่ตอบตกลงในท้ายที่สุด
“คิวคิว หม่ามี๊ต้องไปโรงพยาบาล ลูกพาน้องกินข้าวด้วยกันได้ไหม?”
“ได้ครับ หม่ามี๊ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลน้องสาวเองครับ”
คิวคิวพูดจาเหมือนผู้ใหญ่ พลางโบกมือให้หม่ามี๊ในมาดสุขุม สื่อให้รู้ว่าหม่ามี๊ไม่ต้องกังวลปัญหานี้เลย
และก็จริงดังนั้น ลูกชายคนนี้ทำให้เส้นหมี่ไม่ต้องวิตกกังวลใจจริง ๆ
ดังนั้นเส้นหมี่จึงต้องออกนอกบ้านอีกครั้ง
เพียงแต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือ เธอพึ่งก้าวเท้าออกจากบ้าน ลูกชายตัวแสบก็รีบตรงไปยังห้องหนังสือทันทีทันใด
“พี่ชายทำอะไร?หม่ามี๊บอกให้พวกเรากินข้าวนี่คะ”
“ชู่ว์ พี่ต้องเข้าไปดูบัญชีผอ.โรงเรียนอนุบาลของพวกเราหน่อย วันนี้พี่ได้เห็นรูปถ่ายคนที่หน้าตาเหมือนพี่มาก บอกว่าเป็นเด็กนักเรียนที่จะย้ายเข้ามา พี่ต้องดูว่าเขาเป็นใคร!”
คิวคิวจอมแก่แดดปีนขึ้นไปหน้าคอมพิวเตอร์ของหม่ามี๊ ผ่านไปไม่กี่นาที เขาก็ใช้คอมเครื่องนี้แฮกข้อมูลของผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาล
จากนั้นก็อ่านข้อมูลในส่วนของนักเรียนย้ายมาใหม่
“โอ้โห!พี่ชาย คนนี้คือพี่หรือ?!!”
เสี้ยววินาทีที่เห็นข้อมูล หนูรินจังที่อยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงพรึงเพริดจนอ้าปากค้าง
คิวคิวขมวดคิ้วมุ่น “ไม่ใช่ เขาชื่อชินจัง น้องดูสิ”
เขาใช้นิ้วน้อย ๆ ชี้ไปยังตำแหน่งแสดงชื่อด้วยอาการกลุ้มใจ
หนูรินจังเบิ่งตากลมโตกว่าเดิม
“ชินจัง?ใช่เนอะ ไม่ใช่พี่ชาย แล้วทำไมหน้าตาเขาถึงเหมือนพี่ชายล่ะ?เขาก็เป็นคนที่หม่ามี๊คลอดออกมาเหรอคะ”
“……”
ในสมองพลันผุดภาพหม่ามี๊แอบเปิดกล่องแล้วเอาเสื้อเด็กทารกที่ไม่เคยผ่านการสวมใส่ออกมาดู แถมยังน้ำตาอาบหน้าอีกต่างหาก คิวคิวตัดสินใจว่าจะไปพบหน้าคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับตนอย่างผิดปกติด้วยตัวเอง
“อยู่ที่โรงแรมฮิลตันใช่ไหม”
เด็กชายตัวแสบจดจำที่อยู่ของอีกฝ่ายให้ขึ้นใจ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณโรงพยาบาลเคลียร์
“คุณหมอสวยใสมาถึงแล้วเหรอคะ?”
“อืม ญาติคนไข้อยู่ไหนคะ?”
“อยู่ในห้องผู้อำนวยการค่ะ คุณหมอสวยใสค่ะ ฉันขอกระซิบกับคุณก่อนนะคะ นิสัยญาติผู้ป่วยไม่ดีเลยนะคะ คุณหมอระวังหน่อยนะคะ”
พยาบาลเตือนหนึ่งประโยคด้วยความหวังดี
เส้นหมี่ส่งยิ้มให้ จากนั้นก็ใส่เสื้อกาวน์กับหน้ากากอนามัย แล้วเข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการ
“ผอ.ค่ะ ฉันคือสวยใสค่ะ”
“สวยใสมาแล้วเหรอ รีบเข้ามาสิครับ ท่านนี้คือญาติผู้ป่วยนะครับ คุณมาทำความรู้จักกันเลยครับ”
ในห้องทำงานที่มีแสงไฟสว่างไสว ผู้อำนวยการที่มีอายุมากแล้วกำลังพยายามสื่อสารกับญาติผู้ป่วยอยุ่ บนหน้าผากมีหยาดเหงื่อผุดพรายด้วย
แต่เสียดายที่คุยกับญาติคนนี้ยากหน่อย
เมื่อได้ยินเสียงเส้นหมี่จากด้านนอกกะทันหัน เขาก็เหมือนเจอแสงสว่างในชีวิต รีบดีดตัวลุกขึ้นไปเปิดประตูให้เธอ
เส้นหมี่:“……”
เธอมองเจ้านายเหนือหัวที่มาเปิดประตูให้ตัวเองกับมือก็อดตกตะลึงไม่ได้
ทว่าเธอละสายตาไปมองอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อมองหน้าอีกฝ่ายจนกระจ่างชัดแล้ว อีกฝ่ายก็ชักสีหน้ามองเธอด้วยแววตาเหลือเชื่อ
“ผอ. คนนี้เหรอที่คุณบอกฉันว่าโรงพยาบาลของพวกคุณมีหมอจีนที่เก่งกาจ?เธอคนนี้เนี่ยนะ?”
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูด้านหลัง ญาติในห้องคนนี้ก็ลุกขึ้นตามด้วย
ซึ่งเป็นผู้หญิงตัวสูง แต่งหน้าอย่างประณีต ผมลอนสีน้ำตาลแดง ใส่เสื้อแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด โดยวัดขนาดไซส์จากอีกฝ่ายแล้วสั่งตัดโดยเฉพาะ เผยความยโสโอหังและบีบเค้นผู้อื่นอย่างไม่หยุดยั้ง
แป้งร่ำ!
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ห้าปีต่อมา คนรู้จักเก่าที่เส้นหมี่ได้เจอเป็นครั้งแรกคือผู้หญิงคนนี้
ดังนั้นคนไข้ที่เธอต้องรักษาคือหล่อน?
ดวงตาดำขลับของเส้นหมี่ที่อยู่เหนือหน้ากากอนามัยค่อย ๆ เย็นเยียบคล้ายกับมีน้ำค้างหนาวเหน็บบดบัง เพียงไม่กี่วินาทีก็ไม่เหลือแววตาเป็นมิตรไมตรีแม้แต่ครึ่งส่วน
เส้นหมี่ในอดีตถูกคลุมถุงชนจับแต่งงานกับแสนรักจริง ๆ เพราะวชิรนันท์และหิรัญชาทั้งสองตระกูลมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมาโดยตลอด ตอนที่เส้นหมี่เกิดมา พวกเขาทั้งสองตระกูลเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิง จึงจับคู่หมั้นหมายแสนรัก ซึ่งตอนนี้เขามีอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น
ตอนแรกเส้นหมี่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับการหมั้นครั้งนี้ เพราะเธอคิดว่าผู้ใหญ่แค่พูดเล่น ๆ เท่านั้น
ถึงแม้เธอจะชอบผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เด็กก็ตาม
จวบจนเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับตระกูลวชิรนันท์ ต้องล้มละลายในชั่วข้ามคืน ช่วงที่ตกระกำลำบากแบบ คุณท่านกมลภพไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจเดียดฉันท์เธอ ทางกลับกันยังเป็นฝ่ายพูดถึงเรื่องนี้ ให้เส้นหมี่แต่งเข้าบ้านตระกูลหิรัญชา ให้เธอมีชีวิตที่มั่นคงและสุขสบาย
ตอนนั้นเส้นหมี่จึงมีความคิดอยากแต่งงานขึ้นมา
ทว่าไม่นึกไม่ฝันเลย สุดท้ายเธอที่แต่งเข้าบ้านตระกูลหิรัญชาประหนึ่งแมลงเม่าบินเข้ากองไฟต้องเจอจุดจบแบบนั้น
“ผู้อำนวยการค่ะ ฉันพูดผิดแล้วค่ะ”
“อะไรนะครับ?”
“ฉันรักษาโรคของคนไข้ท่านนี้ไม่ได้ค่ะ ผู้อำนวยการจัดหาหมอท่านอื่นเถอะนะคะ!”
เส้นหมี่ทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ด้วยนัยน์ตาเย็นยะเยือก จากนั้นก็หมุนกายเดินออกไป