ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 315 ความหวาดกลัว
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 315 ความหวาดกลัว
ดังนั้น อาการของลูกชายของเธอในตอนนั้นก็มาถึงขั้นนี้แล้วหรอ?
เซลล์เม็ดเลือดขาวค่อนข้างต่ำ งั้นก็ติดต่อหนักมาก ไม่ใช่อาการอักเสบธรรมดา แต่ว่าเป็นภูมิต้านทานของร่างกายนั้นยับยั้งไม่ได้แล้ว ทำให้เกิดโรคเลือดได้ง่ายมากนะ
อาทิเช่น ภาวะโลหิตเป็นพิษ หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว!
เส้นหมี่กลัวจนตัวสั่น ผ่านไปสักพัก เธอถึงได้ยินเสียงสั่นของตัวเองเอ่ยถามว่า “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะคะ? ตกลงว่าเขาเป็นอะไร?”
“แล้วฉันจะไปรู้ที่ไหน? ตอนนั้นที่เอาเขามาจากบ้านปู่ไปส่งโรงพยาบาล ฉันจะรู้ได้ไงว่าเขาทำอะไร?”
“บ้านปู่?”
เส้นหมี่พูดอย่างตะลึง
เขาจะไปคฤหาสน์หลังเก่าทำไม? แล้วแดดดี๊ของเขาล่ะ? ตอนนั้นไม่ได้อยู่ดูแลเขาหรอกหรอ?
เส้นหมี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมพอได้ยินว่าเด็กนั้นป่วยอยู่ที่คฤหาสน์หลังเก่า ในใจก็เกิดความรู้สึกที่ว้าวุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอคิดถึงอาการป่วยครั้งที่แล้วของเด็ก ก็เหมือนว่าจะเป็นตอนที่ไปคฤหาสน์หลังเก่า
เธอไม่ชอบสถานที่นั้นเอาเสียเลย
เธอไม่ชอบอยู่ที่นั่น แล้วเธอก็ไม่ชอบให้เด็กๆของเธอไปที่นั่น
เส้นหมี่สีหน้าแย่อย่างที่สุดหลังจากกลับมาจากที่ของแครอท
เจ้าเด็กทั้งสามกำลังรอเธออยู่ พอเห็นเธอกลับมานั้น พวกเขาก็เข้ามาวนเวียนรอบๆทันที “หม่ามี๊ไปหาน้าแครอทมาเป้นยังไงบ้างคะ? เจอวิธีการรักษาของพี่ชายไหม?”
หนูรินจังถามอย่างเป็นห่วง
เส้นหมี่ “…..”
เส้นหมี่เก็บความกลุ้มใจเอาไว้ชั่วคราว เธอจูงมือเด็กๆที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองเข้ามา หลังจากนั้นแม่ลูกก็นั่งอยู่ด้วยกันที่เก้าอี้ยาวตรงลานบ้าน
“คิวคิว บอกหม่ามี๊มาว่าก่อนหน้านี้ที่ลูกป่วย ไปกินอะไรที่ไม่ดีจากที่บ้านคุณปู่มาหรือเปล่า?”
“เปล่านะครับ อาหารที่คุณปู่ให้พวกเรากินทุกวัน เป็นอาหารที่คุณปู่เตรียมให้ครับ”
“แล้วทำไมจู่ๆถึงเกิดอาการป่วยล่ะ? ลูกมีปัญหาที่กระเพาะลำไส้ต้องมาจากอาหารแน่ๆ คิดให้ดีๆนะลูกว่าช่วงเวลานั้นไปกินอะไรมา?”
เส้นหมี่ยังคงช่วยเขาเต็มที่ เพื่อให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น
แต่ว่าคิวคิวที่ถูกต้อนถามนั้นไม่พูดอะไร ตอนนั้นเองชินชินที่เงียบอยู่นานก็ยืนขึ้นทันที
“หม่ามี๊ น้องกินแทนผมครับ”
“อะไรนะ?” เส้นหมี่สีหน้าเปลี่ยน “น้องกินอะไรแทนลูก? ตกลงพวกลูกกำลังทำอะไรกันแน่?”
คำพูดนี้ตกใจยิ่งนัก เธอให้ตื่นตระหนกจนลืมควบคุมแรงของตัวเองตอนที่จับเขา ทำให้มือน้อยๆของเขาถูกบีบจนแดง
คิวคิวเห็นความไม่ยอมพูดที่อยู่บนหน้าพี่ชาย รีบเข้ามาจับหม่ามี๊ว่า “หม่ามี๊หม่ามี๊ อย่าโทษพี่ชายเลย เป็นผมที่ยินยอมกินเอง ผมแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่พี่ชายพูดนั้นจริงไหม?”
“อะไร? อะไรคือจริงไหม?” เส้นหมี่ยังคงไม่เข้าใจ
ถึงตอนนี้เด็กทั้งสองเลยเล่าเรื่องนี้ออกมา
ที่แท้ครั้งที่แล้วหลังจากที่คิวคิวไปคฤหาสน์หลังเก่ามาก็ป่วยกะทันหัน ตอนนั้นชินชินให้โวยวายกับคุณปู่ว่าจะไม่ยอมให้น้องชายไปบ้านปู่เล็กอีก
หลังจากนั้นพอคิวคิวได้รู้เรื่องนี้ก็เลยไปถามพี่ชาย
“หลังจากนั้นพี่ชายก็บอกว่าตอนเด็กๆพอเขาไปที่นั่นก็จะป่วยเหมือนกัน เขา…กำลังสงสัยว่าตอนที่ป่วยในครั้งนั้นก็เป็นเพราะกินของที่ปู่เล็กให้”
ดวงตาของคิวคิวโค้งมน มองพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ
เส้นหมี่ได้ยิน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ “นี่….มันเรื่องจริงหรอ?”
คิวคิวพยักหน้า “ตอนแรกผมไม่เชื่อ หลังจากนั้นเพื่อพิสูจน์สิ่งที่พี่ชายพูด ครั้งนี้หลังจากที่พวกเราถูกปู่รับไป ผมก็ตั้งใจไปหาพวกเขาที่นั่นอีก สุดท้ายหลังจากที่ผมได้กินของของพวกเขา ก็ป่วยจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่ามันบังเอิญหรือเปล่า? หรือว่าพวกเขาอยากที่จะให้ผมท้องเสียขึ้นมาจริงๆ”
คิวคิวมองหม่ามี๊ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
เส้นหมี่ “……”
เพียงแค่หนึ่งวินาทีในลานบ้าน เส้นหมี่รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคลื่อนไหวนั้นได้ชะงักลง
ในสมองของเธอมีความตกใจกลัว ข้างกายเป็นความเยือกเย็น ความโกรธ ความเหม่อลอย ความหวาดกลัว….จนทำให้สุดท้ายมือทั้งสองของเธอนั้นสั่นน้อยๆ ขนาดจับก็จับไม่อยู่
บนโลกนี้ยังมีความบังเอิญแบบนี้อยู่ที่ไหน?
เด็กที่ไม่เคยเจ็บป่วยอะไร พอไปคฤหาสน์หลังเก่ากลับป่วยถึงสองครั้งเลยหรอ
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพอพิสูจน์ได้แล้วว่านี่คือความจริง แล้วลูกชายคนโตของเธอที่ร่างกายแย่มาตลอดอย่างนี้ ก็เกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วยน่ะหรอ?
เส้นหมี่ไม่กล้าที่จะคิดต่อไป
สิ่งเดียวทำให้เธออยากที่จะทำอย่างบ้าคลั่งคือไปดูที่คฤหาสน์หลังเก่าเดี๋ยวนี้ เธอต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าลูกของเธอนั้นถูกคนลอบทำร้ายหรือเปล่า?
“ไปคิวคิว ชินชิน พวกเราไปคฤหาสน์หลังเก่ากัน”
“ห๊า?”
สองคนพี่น้องหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันใด
แย่แล้ว นี่จะเกิดเรื่องขึ้นไหมนี่?
แต่ว่าหม่ามี๊ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ชักช้า หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว เธอก็เอาหนูรินจังให้พี่ภาดูแล หลังจากนั้นก็บอกเธอว่าจะพาพวกเขาออกไปข้างนอก
เรื่องแบบนี้ เธอจะช้าอยู่ได้ยังไง…..
บ่ายวันนี้แสนรักไม่ได้สนใจเรื่องในบ้านเลย
อาจจะเป็นเพราะหลังจากตอนกลางวันที่กลับไปทำให้เขาเบาใจขึ้น บวกกับเรื่องที่บริษัทก็เยอะมาก เขาไม่มีเวลาที่จะสนใจเรื่องนี้
โดยเฉพาะที่จู่ๆคณะกรรมการได้รับเมลนิรนามรายงานความประพฤติของเขา