ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 324 ท่านประธานผู้สง่า ดำนาปลูกข้าว ?
ดำนา ?
มีภาพบางอย่างปรากฏขึ้นในหัวสมองของเส้นหมี่ หางตาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้น
ผู้ชายที่ใช้ชีวิตมั่งคั่งและร่ำรวย จะทำแบบนี้ได้เหรอ ?
และแล้วเส้นหมี่ก็ได้ทำกิจกรรมเหมือนหนูมะลิ ได้ภารกิจเก็บผลไม้ อันที่จริงมันเป็นการจับสุ่มมากกว่า หลังจากที่ทุกคนทำภารกิจเสร็จเรียบร้อย แล้วส่งมอบมันให้กับลุงชาวนาชาวไร่ ก็จะได้แลกกับอาหารด้วย เป็นมื้อเที่ยงในตอนกลางวัน
โรงเรียนอนุบาลนี้ ช่างมีความคิดสร้างสรรค์จริงๆ
เส้นหมี่สองคนแม่ลูกหยิบเอาตะกร้าแล้วเดินมุ่งตรงไปยังทิศทางของสวนผลไม้ หนูรินจังไม่เคยได้ทำกิจกรรมแบบนี้มาก่อน ตลอดทางก็จึงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก กับมะลิเพื่อนตัวน้อยก็กระโดดโลดเต้นกันไปตลอดทาง
จากนั้น ทั้งสองคนก็เห็นพวกพี่ชายที่อยู่ตรงคันดินห่างออกไปไม่ไกลนัก
“พี่ค่ะ!พี่!หนูอยู่นี่!”
เด็กน้อยตะโกนเรียกเสียงดังอย่างดีใจ เพื่อให้พวกพี่ๆเห็นตัวเอง เธอก็โบกมือป้อมๆของเธอไปมาอย่างแรง
เส้นหมี่“……”
เธอก็เห็นเหมือนกัน ตามที่คาดไว้ ภาพๆนั้น ช่างเป็นอะไรที่ยากจะบรรยายได้เสียจริง
นั่นคือการดำนาเหรอ ?
ไม่ใช่มั้ง ทั้งสี่คนยืนเรียงแถวกันอยู่ที่คันดิน ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทรองเท้าหนัง แล้วผู้หญิงล่ะ? แต่งตัวทันสมัย และยังสวมรองเท้าส้นสูงที่ประดับไปด้วยคริสทัลแวววาว
ส่วนเด็กน้อยสองคน เพราะเช้านี้เส้นหมี่เป็นคนแต่งตัวให้พวกเขาเอง
รองเท้าผ้าใบกับหมวกปีก รวมถึงกางเกงลายพรางขาสั้นที่ทนต่อความสกปรก มาเพื่อรับกับการทำงานอย่างเต็มที่
“แม่รินจัง นั่นเพื่อนของคุณเหรอ ? ทำไมพวกเขาแต่งตัวกันแบบนี้ล่ะ ? อย่างนี้จะทำงานได้ยังไง ?”แม่ของมะลิก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นภาพดังกล่าวนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะทักขึ้นมา
เส้นหมี่ยกยิ้ม
มาทำงานอะไรกันล่ะ ? ถูกคนมองเหมือนมาแสดงละครลิง ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ?
เส้นหมี่ไม่คิดจะสนใจ จูงมือลูกสาว และจะเดินไปที่สวนผลไม้
แต่ในตอนนี้เอง คนที่อยู่ตรงฝั่งคันดิน เพราะเสียงเรียกของหนูรินจังเมื่อครู่ เห็นพวกเขาแล้ว ทันทีทันใด แครอทก็ร้องเรียกพวกเธอเอาไว้
“เส้นหมี่ เดี๋ยวก่อน คุณกำลังจะไปทำอะไร?”
“เรากำลังจะไปเก็บผลไม้ น้าแครอท”
“ห๊า!!พวกเธอโชคดีจังเลย ได้เก็บผลไม้?!!”
ดวงตาของแครอทเป็นประกาย
หลังจากนั้น ก็ไม่ได้สนใจแสนรักที่อยู่ด้านหลังอีก เธอสวมใส่รองเท้าส้นสูงแล้ววิ่งกะโผลกกะเผลกมาหาเส้นหมี่
เส้นหมี่มองเธออย่างมึนงงสงสัย
จนกระทั่งเธอมาถึงตรงหน้าตัวเอง ทันใดนั้นก็คว้าเอาตะกร้าจากมือของเธอไป“เส้นหมี่ ฉันไปเก็บผลไม้แทนคุณ แล้วคุณก็ไปดำนาแทนฉันแล้วกัน”
เส้นหมี่รู้สึกกรุ่นโกรธ“ คุณบ้าไปแล้วหรือไง ? ทำไมฉันต้องเปลี่ยนกับคุณด้วย?”
แครอทพูดอย่างหนักแน่ว่า“ก็เพราะฉันช่วยลูกชายคุณไว้ไง คุณเปลี่ยนกับฉันแล้วมันทำไม ? คุณรู้ไหม ? หากตอนนั้นฉันไม่พาลูกชายคุณออกจากโรงพยาบาล ป่านนี้เขาคงไม่มีชีวิตรอดแล้ว!”
คำพูดเดียว ทำเอาเส้นหมี่ถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
และแล้ว เธอก็ต้องทนมองหญิงสาวคนนี้แย่งเอาตะกร้ากับลูกสาวของเธอไปเสียดื้อๆอย่างนั้น
นี่มันคนแบบไหนกัน !
สายตาของเส้นหมี่หันมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่บนคันนา แต่แล้ว เมื่อเขาเห็นแครอทวิ่งหนีหายไป สีหน้าเขาก็ดูแย่ขึ้นมาทันที ห่างกันตั้งไกล ก็ยังรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ซึมไปถึงขั้วกระดูก
นี่เธอยังจะไปดีไหม?
เส้นหมี่ทะเลาะกับตัวเองอยู่สักพัก
แต่สุดท้าย เธอก็เลือกเดินไปตามทางเดินถนน ไปยังที่คันดินตรงนั้น
เธอก็ไม่อยากทำเหมือนกัน แต่ได้ยินว่าหากภารกิจล้มเหลว เที่ยงวันนี้ก็จะไม่มีอาหารให้กิน เธอไม่อยากให้ลูกชายสองคนของตัวเองต้องมานั่งหิวข้าว
ในที่สุดเส้นหมี่ก็มาถึงที่ตรงหน้าของชายหนุ่มคนนี้
“หม่ามี๊……”
เมื่อเด็กน้อยสองคนเห็นเธอ ก็มีความสุขอย่างมาก วิ่งเข้ามาแล้วกอดเธอเอาไว้
เส้นหมี่ลูบไปที่ศีรษะของพวกเขา และเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เดิมทีก็ว่าจะอยากพูดอะไรสักหน่อย แต่ว่า เมื่อเห็นสายตาที่ดำทมิฬของเขาที่ราวกับจะเอาเลือดเอาเนื้อคนให้ได้
เธอก็เมินเฉยบุคคลนี้ไป จากนั้น ก็พาลูกชายทั้งสองคนลงไปในแปลงนา
“ลูกรัก เรามาดำนาด้วยกัน คิวคิวมาอยู่ข้างๆหม่ามี๊แล้วทำตามนะ ชินชิน หนูไม่ต้องลงมาแล้ว น้ำในนี้เย็น หนูช่วยส่งต้นหล้ามาให้หม่ามี๊นะโอเคไหม?”
“ได้ครับ หม่ามี๊”
ภายใต้การจัดการของหม่ามี๊ เด็กน้อยทั้งสองคนก็ตอบรับอย่างมีความสุข
แสนรักยืนมองจากข้างๆด้วยใบหน้าที่มืดมน
จู่ๆทุกอย่างก็ควบคุมไม่ได้อีก ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก เดิมทีเขาอยากจะเล่นงานหญิงสาวคนนี้สักหน่อย ให้เธอได้รู้ นับแต่นี้ไปเธอถูกนายแสนรักคนนี้ลบชื่อออกไปแล้ว
เธอไม่มีสิทธิ์จะมาเข้าร่วมกิจการของตระกูลหิรัญชาอีก
และยิ่งจะไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทรกซึมชีวิตของเขาและลูกๆอีก ตำแหน่งของเธอถูกแทนที่ด้วยคนอื่น ทุกสิ่งที่เธอเคยมี จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอทั้งสิ้นนับจากนี้
แต่ว่า ตอนนี้มันอะไรกัน ?
ดวงตาของเขาแดงก่ำจนแทบจะไหลออกมาเป็นเลือด!
แต่เพียงไม่นาน เขาก็พบว่า หญิงสาวที่ดั้นด้นมาอย่างไม่ลังเลคนนี้ แม้จะพาลูกน้อยสองคนลงไปที่แปลงนาแล้ว แต่แท้ที่จริง เธอเองก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน
เธอหยิบเอาต้นกล้าแล้วปักลงไปในแปลงนาอย่างงุ่มง่ามทำเหมือนผู้ปกครองคนอื่นๆที่อยู่ข้างๆ แต่เพียงไม่นาน มันก็ลอยโผล่ขึ้นมา
“หม่ามี๊ ทำไมปลูกลงไปแล้วมันยังลอยขึ้นมาได้อีกล่ะ?”
คิวคิวที่คอยตามเธออยู่ก็เห็นเข้า ทันใดนั้นดวงตาเดือนเสี้ยวที่กลมโตของเด็กน้อยก็เบิกกว้าง มองไปยังต้นกล้านั้นอย่างคาดไม่ถึง
เส้นหมี่“……”
ขบคิดอยู่ชั่วครู่ ก็ต้องยอมรับกับลูกชายไปตามตรง“อาจเป็นเพราะหม่ามี๊ยังไม่รู้วิธีการทำ เรารอเดี๋ยวนะ หม่ามี๊ไปถามคุณอาคนนั้นก่อน ”
จากนั้นเธอก็กำลังจะไปถามผู้ปกครองชายคนหนึ่งที่ปักต้นกล้าอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก