ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 329 ใครมารับเธอไป?
“ธิป?ทำไมถึงเป็นคุณ?”
เส้นหมี่ที่ออกมาจากห้องด้วยใจที่สุขล้น เมื่อเห็นชัดเจนถึงคนที่มารับเธอค่ำมืดดึกดื่นแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะตะลึงงันอยู่กับที่
คณาธิป?
นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง ? เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไร ? แล้วยังตามมาถึงที่นี่ได้อีก?
“อืม ผมตั้งใจกลับมาหาคุณ สวยใส ที่วอลล์สตรีทมีปัญหานิดหน่อย ผมโทรหาคุณไม่ติด ก็เลยต้องบินกลับมา”
คณาธิปที่เร่งรีบตะลอนกลับมา ก็ยังคงมีท่าที่นิ่งสงบ เขาพูดอธิบายเสียงเรียบมาคำหนึ่ง ดวงตาคู่คมหลังเลนส์แว่นกรอบสีทอง เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ความสนใจของเส้นหมี่ถูกเบี่ยงเบนไปในทันที
“มีปัญหา ? ปัญหาอะไร ? เกิดเรื่องขึ้นกับปอร์เช่เหรอ ?”
“เปล่า โครงการที่อีริคชวนพวกคุณทำด้วยกัน ถูกสำนักงานกำกับการของธนาคารในวอลล์สตรีทเพ่งเล็ง อีริคอยากให้คุณรีบกลับไปจัดการให้ที จะได้ไม่ต้องมาถูกเล่นงานทีหลัง”
เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นเป็นความจริง คณาธิปก็ได้นำเอาเอกสารฉบับหนึ่งติดมาด้วย
เมื่อเส้นหมี่เห็น ก็ไม่ได้คิดเป็นอื่นอีก รับมันมาแล้วรีบเปิดอ่าน
อีริคคนนั้นชอบหมกเม็ดเรื่องไม่ดีไม่งาม ในจุดนี้ เส้นหมี่รู้อยู่แต่แรกแล้ว ดังนั้น สิ่งที่คณาธิปพูดมาในตอนนี้ ก่อเกิดความสงสัยให้เธอจริงๆ
เปิดดูอยู่สักพัก และแล้ว เธอก็เห็นเอกสารนี้ระบุว่าเธอได้ร่วมทำโครงการนี้กับอีริคก่อนที่เธอจะกลับมา ซึ่งมันเกี่ยวพันถึงการดําเนินธุรกิจที่ฉ้อโกง
“เขาบ้าไปแล้ว ? สิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่จริงหรือ?”
“ของๆอีริค ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”คณาธิปทำได้เพียงพูดไปตามความจริง
เมื่อเส้นหมี่ได้ยิน สีหน้าก็ดูแย่ขึ้นในทันที
หากเป็นโครงการที่เธอได้ไปเจรจาไว้แล้ว สินค้าไม่มีอยู่จริง งั้นความผิดนี้ก็ถือว่าร้ายแรงมาก อาจจะถึงขั้นติดคุกได้เลย
เส้นหมี่อยู่ไม่สุขอีกต่อไป กลับไปที่ห้องแล้วอุ้มลูกสาวที่หลับสนิทขึ้นมา
“ไปเถอะ ไปสนามบินกัน ”
“ได้”
คณาธิปยกยิ้มให้อย่างอ่อนโยน หลังจากนั้น ก็พาสองคนแม่ลูกเดินทางจากไป
และในขณะเดียวกัน บนทางด่วน รถมายบัคสีขาว กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ด้วยความเร็ว ราวกับลูกศรในคันธนู คนที่ขับอยู่ด้านใน เหยียบคันเร่งจนแทบจะมิด
สามสิบนาทีผ่านไป และแล้วเขาก็กลับมาที่หมู่บ้านแห่งนี้อีกครั้ง
“ปึงๆๆ——”
นิสัยของแสนรักไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ เขาสามารถทนต่อการไม่ถีบประตูบ้านของชาวนาคนนี้ให้พังได้ ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ชาวนาเคยได้ยินเสียงเคาะประตูแบบนี้ที่ไหนกัน ตกใจมากจนรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วมาเปิดประตูในทันที
“ทำไมคืนนี้มีคนมาหลายคนจัง ? คุณคือ?”
“พวกเธอไปไหน?”
ชายหนุ่มที่ริมฝีปากซีดเซียวเล็กน้อย เมื่อเห็นประตูถูกเปิดออก ก็แทบไม่อยากจะพูดไร้สาระอะไรกับชาวนา หลังจากที่ก้าวเท้าเข้ามาได้ เขาก็เดินเข้าไปค้นหาในบ้านทันที
เมื่อชาวนาเห็นท่าทีของเขา ก็เข้าใจทุกอย่างได้
“คุณมาหาแม่ลูกสองคนนั้นใช่ไหม ? พวกเขาถูกพากลับไปแล้ว”
“ใคร?”
แสนรักชะงักในทันที จ้องมาที่เขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ชาวนาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก “เป็น……เป็นชายหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณ ใส่แว่นด้วย เขามารับสองคนแม่ลูกไป”
เชือกที่รัดแน่นอยู่ในใจ ก็ราวกับขาดสะบั้นลงในทันที
เขายืนอยู่ตรงนั้น ราวกับใช้เวลาในการตกผลึกชั่วครู่ ก็ถึงยอมรับกับเรื่องนี้ได้
ผู้ชายใส่แว่นและอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ?
ใครกัน ?
คณาธิป ?
เขาคิดถึงคนคนนี้เป็นคนแรก ทันทีทันใด ความกรุ่นโกรธก็ราวกับน้ำพุที่ระเบิดออกมา เอ่อท่วมไปทั่วทั้งอก!
พวกเขาไปแอบคบหากันตอนไหน ? เธอไม่กลับบ้านทั้งคืน เพราะจะอยู่ที่นี่เพื่อรอผู้ชายคนนั้นใช่ไหม ? พวกเขานัดกันไว้แต่แรกแล้วใช่ไหม ?
เขาถูกความโกรธเข้าครอบงำจนไม่มีเหตุผล แม้แต่ความคิดก็บิดเบี้ยวไปหมด !
ชาวนามองเขาด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ได้ยินเสียงที่น่าสะพรึงอย่างที่สุดของชายหนุ่ม ถามเขาว่า“พวกเขาไปไหน?”
“เหมือน……เหมือนจะไปสนามบิน”
ชาวนาก็รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง
โชคยังดี ที่พอคนคนนี้ถามคำถามนี้ไปแล้ว ทันทีทันใด เขาก็จากไป ราวกับลมพายุกระโชกแรง เสียง“ปัง”ดังขึ้น ได้ยินเพียงเสียงกระแทกของประตู
ชั่วพริบตา ทั้งคนและรถก็หายวับไปในทันที
คนคนนี้ ช่างน่ากลัวมากจริงๆ!
สองคนแม่ลูกนั่นคงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?
——
เส้นหมี่มาถึงที่สนามบินพร้อมลูกสาวและคณาธิป
ระหว่างทางที่มา คณาธิปได้ถามเธอไปครั้งหนึ่ง ว่าจะส่งลูกกลับไปที่บ้านก่อนไหม ?
แต่เส้นหมี่ปฏิเสธ
“รินจัง แด๊ดดี้รู้หรือยังว่าหนูเป็นลูกของเขา?”
“ไม่รู้ เขาไม่เคยบอก”
“แล้วทำไมตอนนี้หนูเรียกเขาว่าแด๊ดดี้แล้วล่ะ?”
“หลังจากที่หม่ามี๊ไป รินจังเสียใจมาก เขาก็เลยให้เรียกแด๊ดดี้ หม่ามี๊ แด๊ดดี้เขาไม่ต้องการเราแล้วใช่ไหม ? ถึงไม่มาหาเราเลย ”
หนูรินจังตื่นขึ้นมาในรถ เห็นรอบๆไม่ใช่บ้านที่เธอคุ้นเคย ก็โผเข้าซุกอ้อมอกของหม่ามี๊ ใบหน้าเล็กๆนั้นเต็มไปด้วยความน้อยใจและเสียใจ
เส้นหมี่เองก็คัดจมูกขึ้นมา
เธอไม่รู้จะอธิบายให้เด็กน้อยฟังยังไง ?
เพราะอันที่จริงแล้วเธอเองก็คิด ว่าหากเขารู้ว่าเด็กน้อยคือลูกแท้ๆของเขา เขาจะไม่ไปรับพวกเธอได้ยังไง ? ที่เขาโกรธและเกลียดคือเธอ ไม่ใช่ลูกของเขาสักหน่อย
มุมปากเส้นหมี่มีความเสียใจปรากฏขึ้นจางๆ